ความสวยงามเป็นเรื่องที่รอกันไม่ได้ ใครหลาย ๆ คน จึงยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันเลยเห็นว่าสถาบันความงาม หรือคลินิกต่าง ๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในหัตถการที่เป็นที่นิยมมากสุดที่เห็นผลอย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้นในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นฟิลเลอร์ ซึ่งทาง Infiniz ได้มีการนำเข้าฟิลเลอร์หลายชนิด โดยในวันนี้จะพาไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ Belotero Reviveกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมวิธีแยกระหว่างอาการแพ้กับผลข้างเคียง และใครที่เหมาะกับการฉีด รวมไปถึงควรฉีด Belotero ที่ไหนดี
Belotero Revive คืออะไร ฉีดบริเวณไหน
ต้องบอกในภาพรวมก่อนว่า Belotero Revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่ผ่าน อย.ยุโรป อเมริกา และไทย มีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ คือ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเนียน เข้ากับผิวหน้าได้ดี ถูกออกแบบมาสำหรับการฉีดเข้าไปสู่ชั้นผิวระดับตื้นเพื่อปรับสภาพผิว โดยมีความพิเศษเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid ถึง 20 mg/mL และ Glycerol เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 1,000 เท่า ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก
โปรแกรม Belotero Revive ที่ทาง Infiniz Clinic มีความพิเศษแตกต่างโดยจะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดให้ได้รับความชุ่มชื้นต่อผิวชั้นตื้น และชั้นหนังแท้ ให้ผิวดูสวยฉ่ำโกลว์ ผิวอวบอิ่ม โดยเป็นงานฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นงานผิวโดยเฉพาะ Belotero Revive จึงได้รับสมญานามว่าตัวช่วยยืนหนึ่งเรื่อง “ผิวกระจก”
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
ถ้าถามว่า Belotero ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล โดยปกติแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ตัวดังกล่าว จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผิวจะดูอิ่มฟู ดูกระชับ ผิวชุ่มชื้น ผิวใส และภายใน 2 สัปดาห์ ผิวจะเพิ่มความเต่งตึงยิ่งขึ้นไปอีก และฉีด 1 ครั้ง มีผลรักษายาวนานถึง 9 เดือน แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง เพื่อยืดเวลาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากที่สุด
จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง
จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง สามารถแยกประเภทได้ดังนี้
ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ปกติหลังฉีด BELOTERO REVIVE
- เกิดรอยเข็ม รอยจ้ำแดง หรือรอยช้ำในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 3-4 วัน แนะนำให้งดวิตามินที่ไม่จำเป็นก่อนทำการรักษาฟิลเลอร์งานผิวทุกชนิด เพื่อเลี่ยงรอยช้ำจากการฉีด
- การเกิดรอยนูน หรือผิวไม่เรียบ (Nodules ; Angry skin) เนื่องจากใช้เทคนิคการฉีดที่ตื้นเกินไปโดยเฉพาะการฉีดในบริเวณที่ชั้นผิวมีความบางเกินไป หรือ การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไปในแต่ละจุด ก็อาจทำให้เห็นฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือเป็นรอยนูนคลำได้เป็นก้อนเล็กๆตามผิวหนังในช่วงแรกหลังฉีด โดยปกติอาการเหล่านี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราวหลังฉีดเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 สัปดาห์อาการเหล่านี้จะดีขึ้น
- ปัญหาการฉีด belotero revive ปริมาณมากไปในแต่ละจุด ก็สามารถพบได้ เช่น บริเวณหน้าแก้ม ร่องแก้ม และ กล้ามเนื้อมุมปาก เนื่องจาก ตัวเจลมีโมเลกุลของ HA + Glycerol ในปริมาณความเข้มข้นที่มากอยู่แล้ว ภาวะเช่นนี้จะทำให้ผิวบริเวณนั้นบวม ผิดรูป และหนักจนเกิดภาวะเป็นก้อนและถ่วงผิวลง ทำให้เกิดรูปหน้าที่ผิดปกติได้เช่นกันคับ วิธีป้องกัน คือ แพทย์ต้องประเมินสภาพผิวของผู้รับบริการ กำหนดจุดฉีด การวางแผนดีไซน์การฉีด และ การกำหนดปริมาณยาที่เหมาะสมกับใบหน้าแต่ละบริเวณได้อย่างแม่นยำ ก็จะไม่เกิดผลข้างเคียงลักษณะดังกล่าว
อาการแพ้ฟิลเลอร์ Belortero Revive
- อาการแพ้ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเป็นผื่น ลมพิษแบบรุนแรง (angioedema) จะพบได้น้อยมาก โดยมักพบในผู้รับบริการที่มีประวัติแพ้สาร ไฮยาลูรอน หรือ ยาชาที่อยู่ในส่วนผสมของฟิลเลอร์ โดยหากผู้รับบริการมีอาการสงสัยอาการแพ้ดังกล่าง ต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาครับ
- อาการแพ้แบบไม่รุนแรง โดยอาจจะมีอาการบวมแดง คัน เป็นไม่มาก บริเวณที่ฉีด หรือ อาการผิวหนังอักเสบบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ เป็นๆหายๆ โดยหากมีประวัติเคยรับบริการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาก่อน แนะนำให้พบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว หากมีการติดเชื้อ จะมีอาการหลัก ๆ คือ ปวด บวม ร้อน มีตุ่ม ผิวแดง มีก้อนหนองบริเวณที่เราไปฉีด แต่จะมีโอกาสเจอได้น้อยมาก โดยอาการมักจะปรากฏตั้งแต่วันที่ 3 หลังจากฉีดฟิลเลอร์เป็นต้นไป
อาการข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- การที่ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง โดยฉีดเข้าไปโดนบริเวณหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด นำไปสู่อาการเนื้อตาย (necrosis) บริเวณที่เส้นเลือดนั้นมาเลี้ยง หรือ อาจเกิดจากการที่ฟิลเลอร์กดเบียดเส้นเลือดทำให้เนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงขาดเลือดไปเลี้ยง มีอาการเนื้อตายตามมาได้เช่นกัน
- ตาบอด ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์เนื่องมาจาก ฟิลเลอร์ที่ฉีดกระจายเข้าไปอุดตัน หรือ บีบกดหลอดเลือดแดง หรือ หลอดเลือดดำ (supratrochlear and supraorbital artery or vein) ซึ่งมีแขนงต่อไปที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา (ophthalmic artery) มีผลทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีวิธีการป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหรือกดเบียดเส้นเลือด จนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เป็นอย่างดี โดยต้องมีความรู้ ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ ของเนื้อเยื่อ และ บริเวณที่ทำการฉีดเป็นอย่างดี ตลอดจน ตรวจสภาพผิวก่อนฉีดเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว
ใครคือคนที่ควรฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
- คนที่มีผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ
- คนที่ผิวขาดการบำรุง แต่งหน้าแล้วแป้งตกร่อง เครื่องสำอางไม่ติดทน ต้องการฟื้นบำรุงผิวแบบเห็นผลเร่งด่วน
- คนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวในระยะยาว ชะลอการเสื่อมโทรมของผิวจากอายุที่มากขึ้น
- คนที่ต้องการมีผิวฉ่ำวาว ผิวอิ่มน้ำ ผิวกระจกแบบสาวเกาหลี (Glass Skin)
- คนที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
- คนที่มีภาวะผิวแห้ง จากปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล หรือ โรคผิวหนังบางชนิด ที่ต้องการการเติมน้ำให้ผิวในชั้นลึก
- ใช้เสริมการรักษาปัญหาผิวพรรณให้เรียบเนียน รักษาปัญหารูขุมขนกว้าง หรือ หลุมสิว
ฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลเทคนิคพิเศษต้องที่ Infiniz
การฉีด Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic โดยเบื้องต้นในทุกเคส แพทย์จะทำการประเมินผิว ก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีด ร่วมปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น
ซึ่งเทคนิคการฉีด Belotero Revive โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติในชั้นผิว และมีการกระตุ้นให้ผิวตอบสนองต่อ Belotero Revive ได้ดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของลูกค้าทุกคนออกมาอย่างพึงพอใจสูงสุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดก็ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการ โดยผู้รับบริการที่เข้ามาฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถมั่นใจได้เลยว่า ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงมีความปลอดภัย 100%
