Profhilo คือ นวัตกรรมแห่งวงการความงามที่ช่วยฟื้นฟูและยกกระชับผิวให้ดูเด็กขึ้น เป็นตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความงามให้ผิวที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ Radiesse และ Sculptra โดยบทความนี้ก็จะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันว่า Profhilo คืออะไร? ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง? เหมาะกับใคร? แตกต่างจากหัตถการเสริมความงามอื่นอย่างไร
KEY TAKEAWAY
- Profhilo กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในทุกชั้นผิว ทำให้ผิวดูเด็กและกระชับ
- Profhilo แตกต่างจากฟิลเลอร์ที่เน้นเติมเต็มและปรับรูปหน้า โดย Profhilo จะเน้นฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้นและกระชับจากภายใน
- Profhilo เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือขาดความยืดหยุ่น ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า
- ปริมาณการฉีด Profhilo อยู่ที่ประมาณ 2-4 cc ต่อครั้ง และควรฉีด 2-3 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ผลลัพธ์จาก Profhilo สามารถอยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน ก่อนจะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ
Profhilo คืออะไร?
Profhilo คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิว โดยใช้กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เช่นเดียวกับ ฟิลเลอร์ แต่ Profhilo จะใช้กรดที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า เพื่อมากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ช่วยปรับโครงสร้างผิวใหม่ (Bio-Remodeling) โดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เต่งตึง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมลดเลือนริ้วรอยและความเหี่ยวย่นที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นให้จางลง
Profhilo มีองค์ประกอบอะไรบ้าง?
Profhilo ใช้ Hyaluronic Acid (HA) ที่ผ่านเทคโนโลยี NAHYCO โดยใช้พลังงานความร้อนเชื่อมโยงโมเลกุล HA สองขนาดให้เกิดพันธะร่วมกันเป็นโครงสร้าง Hybrid Cooperative Complex (HCC) ทำให้ HA ใน Profhilo มีความเข้มข้นสูงสุดในตลาดแต่ยังสามารถกระจายตัวได้ดีในผิวและไม่เป็นก้อน โดยประเภทของสาร Hyaluronic Acid จะมีอยู่สองประเภท คือ Cross-linked HA และ Non-Crosslinked HA ที่มีความแตกต่างกัน และต่อไปเราจะมาดูว่า HA ทั้งสองประเภทมีลักษณะเป็นอย่างไร
Hyaluronic acid แต่ละประเภทเป็นอย่างไร
ประเภทของ Hyaluronic Acid ที่ใช้ในท้องตลาด จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ Cross-linked HA กับ Non-Crosslinked HA โดยจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
Cross-linked HA
Cross-linked HA คือ Hyaluronic Acid ที่มีการเชื่อมพันธะระหว่างโมเลกุลด้วยสารบางชนิด เช่น BDDE หรือ PEG ซึ่งทำให้ HA คงรูปและไม่ถูกสลายออกจากร่างกายง่าย ๆ โดย HA ประเภทนี้จะนิยมเอามาทำฟิลเลอร์ต่าง ๆ เช่น Restylane, Juvederm, และ Belotero เพื่อเติมเต็มหรือปรับรูปหน้า นอกจากนี้ยังมีการใช้กับฟิลเลอร์งานผิว เช่น Belotero Revive หรือ Juvederm Skinvive แต่ฃขะเป็น HA ที่มีการเชื่อมพันธะที่ต่ำลง เพื่อให้สามารถกระจายตัวได้ดีกว่าในชั้นผิวตื้นๆ แต่ถึงกระนั้น ฟิลเลอร์ประเภทนี้ไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวได้
Non-Crosslinked HA
Non-Crosslinked HA เป็น Hyaluronic Acid ที่ไม่มีการเชื่อมพันธะระหว่างโมเลกุลด้วยสารเคมี ทำให้ร่างกายสามารถสลาย HA ได้อย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น Neuvia Hydrodeluxe หรือการทำ เมโสหน้าใส ที่เน้นผลลัพธ์การทำให้ผิวดูอิ่มฟูในระยะสั้น แต่ไม่ได้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากมีการผสมสารกระตุ้นคอลลาเจนอื่น ๆ เข้าด้วย ผลลัพธ์ก็อาจจะดีกว่าแค่การเพิ่มความชุ่มชื้นเท่านั้น
Profhilo เป็น Hyaluronic Acid ประเภทไหน?
Profhilo เป็น Non-Crosslinked Hyaluronic Acid (HA) เนื่องจากไม่มีการเชื่อมพันธะระหว่างโมเลกุลด้วยสารเคมีแบบ Crosslinker เช่น BDDE ที่ใช้ในฟิลเลอร์ประเภทอื่นๆ โดย Profhilo ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการสร้างโครงสร้าง HA ที่สามารถคงอยู่ในร่างกายได้ยาวนานและกระจายตัวได้ดีในผิว
แม้ว่าจะเป็น Non-Crosslinked HA แต่ Profhilo มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจาก HA ทั่วไปที่มักจะเน้นการเพิ่มความชุ่มชื้นแบบชั่วคราวเท่านั้น
Profhilo มีหลักการทำงานอย่างไร?
Profhilo ทำงานโดยการฉีด Hyaluronic Acid (HA) ที่ไม่ผ่านการเชื่อมพันธะ (Non-Crosslinked HA) เข้าไปในผิวชั้นลึก ซึ่งสามารถกระจายตัวทั่วบริเวณที่ฉีดอย่างสม่ำเสมอและไม่ทำให้เกิดการสะสมเป็นก้อน การกระจายตัวนี้ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้าหรือโครงสร้างของใบหน้า
เมื่อถูกฉีดเข้าไปในผิว Profhilo จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และสดใส กระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์หลังการฉีด ทำให้ผิวมีความเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม
Profhilo แตกต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร?
แม้ว่า Profhilo และฟิลเลอร์จะมีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง แต่ทั้งสองผลิตภัณฑ์มีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่แตกต่างกันชัดเจน
- Profhilo เป็น HA บริสุทธิ์ 100% ที่มุ่งเน้นในการฟื้นฟูผิวจากภายใน โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ซึ่งช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และเด็กขึ้น โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้าหรือโครงสร้างของใบหน้า Profhilo จะกระจายตัวในชั้นผิวและค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนที่ช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้กับผิว ผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ประมาณ 6-9 เดือน ก่อนที่ผลิตภัณฑ์จะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มผิวในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า โดยสามารถใช้ในการปรับรูปทรงหรือเติมเต็มเฉพาะส่วนที่สูญเสียปริมาตร เช่น ร่องแก้ม ขมับ หรือโหนกแก้ม ฟิลเลอร์มักมีการผสมสารที่ช่วยให้สามารถคงรูปได้ดี ซึ่งสามารถปรับโครงสร้างใบหน้าและเพิ่มมิติได้ชัดเจน ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย หรือปรับรูปหน้าในจุดที่ต้องการแก้ไขได้ทันที ฟิลเลอร์มักจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และตำแหน่งที่ฉีด หากต้องการปรับรูปหน้าใหม่บริเวณที่เคยฉีดสารเติมเต็มผิว จำเป็นต้องสลายฟิลเลอร์ก่อนเติมใหม่
ด้วยลักษณะเหล่านี้ทำให้ Profhilo เหมาะสำหรับการฟื้นฟูและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวทั่วใบหน้า โดยไม่เน้นการเปลี่ยนแปลงรูปหน้า ในขณะที่ฟิลเลอร์จะใช้เพื่อเติมเต็มและปรับโครงสร้างใบหน้า ให้รูปหน้าเด่นชัดและมีมิติมากขึ้น สามารถเพิ่มปริมาตรในจุดที่ต้องการได้ทันที
ขั้นตอนการฉีด Profhilo
การฉีด Profhilo เป็นกระบวนการที่เรียบง่าย ปลอดภัย และใช้เวลาไม่นาน โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้:
- ประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข : แพทย์จะทำการวิเคราะห์ปัญหาผิว เช่น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือความแห้งกร้านของผิว พร้อมออกแบบจุดที่จะทำการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ทำความสะอาดผิวหน้า : เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและลดผลข้างเคียง
- ทายาชา : ทายาชาบริเวณที่จะทำการฉีดเป็นเวลา 20-40 นาที เพื่อช่วยลดอาการเจ็บและเพิ่มความสบายระหว่างการรักษา
- ฉีด Profhilo เข้าสู่ผิว : แพทย์จะฉีด Profhilo ในตำแหน่งที่กำหนด โดยมักใช้ BAP Technique เพื่อช่วยให้สารกระจายตัวได้ดีและฟื้นฟูผิวอย่างทั่วถึง เทคนิคการฉีดของคุณหมออู๋ มีการเลือกใช้ที่หลากหลายนอกเหนือจาก BAP Technique เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สวยงามและแก้ไขปัญหาตรงจุด
- ทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง : หลังจากการฉีด แพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้งเพื่อขจัดสารตกค้างและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อลงอีก
ผลลัพธ์การฉีด Profhilo เป็นอย่างไร?
Profhilo เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด Profhilo ก็จะมีดังนี้
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว : ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว ชุ่มชื้น และไม่แห้งกร้าน
- ลดเลือนริ้วรอยและความเหี่ยวย่น : ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและกระชับมากขึ้น
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในระยะยาว : ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ช่วยรักษาหลุมสิวและความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอได้ดี
- ปรับผิวให้เรียบเนียนและเปล่งปลั่ง : ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ดูสุขภาพดี
- จัดการปัญหาผิวเสียสะสม : แก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพจากอายุและมลภาวะ เช่น ความหยาบกร้านและจุดด่างดำ
Profhilo สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
Profhilo สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดและฟื้นฟูสภาพผิวทั่วร่างกาย โดยบริเวณที่สามารถฉีดได้จะมีดังนี้
- ใบหน้า : ช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มความชุ่มชื้น และปรับผิวให้เรียบเนียน พร้อมคืนความเปล่งปลั่งให้ผิว
- รอยแผลเป็นและรอยหลุมสิว : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อเติมเต็มและฟื้นฟูสภาพผิวที่มีร่องริ้วรอย
- ลำคอ : ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยบริเวณลำคอ พร้อมคืนความกระชับให้ผิว
- มือ : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความเหี่ยวย่น ทำให้มือดูสวยขึ้น
- บริเวณที่มีความหย่อนคล้อยตามร่างกาย : เช่น ต้นแขน หน้าท้อง หรือหัวเข่า โดยช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กระชับและเรียบเนียนมากขึ้น
Profhilo เหมาะกับใคร?
Profhilo เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้สุขภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวเฉพาะจุดที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้แก่
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและไม่กระชับ : สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าผิวเริ่มขาดความกระชับ ไม่ยืดหยุ่น ต้องการฟื้นฟูให้ผิวดูเรียบเนียน มีความยืดหยุ่น และชุ่มชื้นมากขึ้น โดยไม่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปหน้า
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยบนผิวชั้นตื้น ฟื้นฟูผิวให้ดูโกลว์และสุขภาพดี
- ผู้ที่เคยฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึกด้วย Sculptra หรือ Radiesse : หากเคยฉีด Sculptra หรือ Radiesse มาก่อนจนพอใจในผลลัพธ์ชั้นลึกแล้ว แต่ต้องการแก้ไขผิวชั้นตื้นเพิ่มเติมเพื่อความเรียบเนียนและเส้นริ้วรอยลดลง
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขหลุมสิว : Profhilo สามารถใช้ร่วมกับเลเซอร์หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิดอื่น เช่น Sculptra และ Radiesse เพื่อรักษาหลุมสิว โดย Profhilo จะเน้นการฟื้นฟูและกระตุ้นชั้นผิวตื้นถึงชั้นกลาง
- ผู้ที่มองหาผิวเนียนใส อิ่มฟูจากภายในสู่ภายนอก : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เรียบเนียน และเพิ่มความชุ่มชื้นในทุกระดับชั้นของผิว
เปรียบเทียบ Profhilo vs Radiesse
Radiesse เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งแตกต่างจาก Profhilo ที่ใช้ Hyaluronic Acid โดย Radiesse เน้นกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก (Subdermal) และเพิ่มปริมาตรในบริเวณต่าง ๆ เช่น แก้มตอบและขมับลึก ช่วยยกกระชับผิวหน้าในระยะยาว
ทั้ง Profhilo กับ Radiesse ที่เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกัน แต่ Radiesse จะเหมาะสำหรับการสร้างโครงสร้างผิวและเพิ่มปริมาตรที่ชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวลึกและปรับรูปหน้า ส่วน Profhilo จะเน้นความเรียบเนียนและความชุ่มชื่น โดยไม่เปลี่ยนรูปหน้า
เปรียบเทียบ Profhilo vs Sculptra
Sculptra มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-lactic Acid (PLLA) ซึ่งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในหนังแท้ชั้นลึก ช่วยเพิ่มความหนาของผิวและเสริมโครงสร้างใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมโทรมหรือปรับรูปหน้าให้สมดุล
ทั้ง Profhilo กับ Sculptra จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกัน แต่ Sculptra จะเน้นการเสริมโครงสร้างผิวในระดับลึกเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เชิงลึกในระยะยาว ในขณะที่ Profhilo สามารถฉีดบริเวณผิวชั้นตื้นและเหมาะกับการปรับสภาพผิวโดยรวม
Profhilo ควรฉีดด้วยปริมาณกี่ cc?
มาตรฐานการฉีด Profhilo จะใช้ครั้งละ 1 หลอด (2 cc) ต่อการฉีดหนึ่งครั้ง โดยแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมากก็อาจเพิ่มเป็น 2 หลอดต่อครั้ง หรือฉีดซ้ำครั้งที่ 3 ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
Profhilo อยู่ได้นานแค่ไหน?
การฉีด Profhilo มักจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1-2 เดือนหลังการฉีด โดยผลลัพธ์จากการฉีด Profhilo สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล
หลังจากนั้นผิวอาจเริ่มลดความชุ่มชื้นและความกระชับลงบ้าง แต่สามารถมาเข้ารับการฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ไว้ โดยอาจมาทำทุก 6 เดือน ขึ้นอยู่กับความต้องการและคำแนะนำจากแพทย์
Profhilo มีผลข้างเคียงหรือไม่?
การฉีด Profhilo มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้ Hyaluronic Acid ความบริสุทธิ์สูงที่ปราศจากสารเติมแต่ง แต่หลังฉีดอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวมแดงในบริเวณที่ฉีด รอยช้ำเล็กน้อยหรือรู้สึกผิวตึง ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้หลังทำหัตถการและมักหายไปเองภายใน 24-48 ชั่วโมง
วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Profhilo
การเตรียมตัวก่อนการฉีด Profhilo เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ โดยวิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Profhilo ก็จะมีอยู่ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย : เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา หรือสารสกัดจากใบแปะก๊วย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- หยุดยากลุ่มที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด : เช่น แอสไพริน หรือวาร์ฟาริน ก่อนการฉีดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ : ควรงดก่อนการฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือสครับผิว : ไม่ควรทำในวันก่อนการฉีด เพื่อลดความการเกิดอาการอักเสบ
- งดออกกำลังกายหนัก : และกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายมีการสูบฉีดเลือดมากในช่วง 1-2 วันก่อนการทำ
- แจ้งประวัติสุขภาพที่สำคัญให้แพทย์ทราบ : เช่น โรคประจำตัว หรือยาที่กำลังใช้ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย
วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Profhilo
การดูแลตัวเองหลังฉีด Profhilo ให้ดีจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Profhilo ก็จะมีอยู่ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการแตะหรือกดบริเวณที่ฉีด : เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการกระทบกระเทือนในบริเวณที่เพิ่งฉีด
- งดการออกกำลังกายหนัก : ช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนหรือเสียเหงื่อมาก
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนจัด : งดการออกแดด อบซาวน่า หรือใช้ไอน้ำร้อน เนื่องจากอาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองหรือบวมมากขึ้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ทาครีมบำรุงหรือมอยส์เจอไรเซอร์อย่างอ่อนโยน : เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารระคายเคืองเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำช่วยเสริมการทำงานของ Hyaluronic Acid และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้รวดเร็ว
คำแนะนำจากคุณหมออู๋ Infiniz Clinic
สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างโปรไฟล์ผิวสวยด้วยการฉีด Profhilo จำเป็นต้องผ่านการตรวจ Mechanical Test อย่างละเอียดเพื่อดูความยืดหยุ่นของชั้นผิวโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ อย่างที่ Infiniz Clinic คุณหมอจะช่วยวิเคราะห์สภาพผิวและกำหนดปริมาณยาที่เหมาะสม เนื่องจากสภาพผิวแต่ละคนสามารถดูดซึมตัวยาได้ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน เช่น คนผิวบางไม่เหมาะสำหรับฉีดบริเวณชั้นผิวตื้น เพราะตัวยาจะไม่สามารถดูดซับไปได้หมดและอาจเกิดผลข้างเคียงตามมา และหลังจากฉีด Profhilo ควรงดสัมผัสหรือทำหัตถการบริเวณผิวที่เติม Profhilo เป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์ของหัตถการออกมาดีที่สุด
Profhilo กระตุ้นคอลลาเจนผิว
จะเห็นได้ว่า Profhilo เป็นนวัตกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับ โดยเน้นการเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ที่มักใช้เพื่อปรับรูปหน้าและเติมเต็มบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือก Profhilo หรือวิธีการเสริมความงามอื่น ๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ดีและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณ ซึ่งจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด อย่าลืมเลือกบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐานและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อความมั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยสามารถอ่านข้อมูลจากผู้ที่ใช้บริการมาก่อน เช่น Sculptra รีวิว, Radiesse รีวิว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกคลินิกและเข้ารับการรักษาจากหัตถการที่ปลอดภัย
ที่ Infiniz Clinic ก็จะมีบริการฉีดฟิลเลอร์คุณภาพสูง เพื่อปรับรูปหน้าและแก้ไขปัญหาผิว ที่นำโดยหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ แพทย์วิทยาการผู้สอนที่มีรางวัลการันตีความสามารถอย่างหลาย เช่น Gold Awards Facial Aesthetics 2023 หรือ Allure Awards 2023 หากสนใจการฉีด Profhilo หรือหัตถการยกกระชับผิว เช่น Radiesse Plus Sculptra ก็สามารถติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญได้ตามช่องทางดังนี้
- Facebook : Infiniz Clinic :: Skin & Facial Design Expert
- Line ID : @Infinizclinic
- โทร : 098-828-5444
References
Driver, G. (2024, March 22). Profhilo – Everything you need to know about the injectable treatment. https://www.elle.com/uk/beauty/skin/a39596754/profhilo/
The Skin to Love Clinic. (n.d.). Profhilo. https://www.theskintoloveclinic.co.uk/treatments/profhilo/
Skinney Medspa. (n.d.). What is Profhilo and how does it compare to popular fillers? https://skinneymedspa.com/what-is-profhilo/