อัพเดท Ulthera ราคาเท่าไหร่? แต่ละตำแหน่งราคาแพงไหม ในปี 2567
ฟื้นฟูผิวหย่อนคล้อยด้วยอัลเทอร่า สำหรับใครที่อยากทราบว่า Ulthera ราคาเท่าไหร่ ยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดแพงไหม? มาอัพเดทราคา Ulthera ปี 2567 ได้ที่นี่เลย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี? ให้ไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ
เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ควรเริ่มต้นจากการพิจารณาคลินิกที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย โดยมีหมอเป็นผู้ทำหัตถการด้วยตนเอง อ่านข้อควรรู้อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดูแลตัวเองอย่างไร? เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
หนึ่งในข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสรอบดวงตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อและอาการอักเสบ เรียนรู้วิธีดูแลหลังฉีดเพิ่มเติมในบทความนี้ คลิกเลย
คุณหมออู๋ร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ งานบรรยายวิชาการแพทย์ ในหัวข้อ Turn your AART into HIT SHAPE UP & GLOW ON
ภาพบรรยากาศในงานบรรยายความรู้วิชาการแก่เหล่าแพทย์ความงามเมื่อพุธที่ผ่านมา คุณหมออู๋ได้ร่วมเป็น Moderator ในหัวข้อ Turn your AART into HIT SHAPE UP & GLOW ON ซึ่งงานจัดขึ้นโดย บริษัท กัลเดอร์มา ไทยแลนด์ ณ UOB Live Emsphere ค่ะเนื้อหาโดยรวมเน้นไปที่การดูแลผู้รับบริการในรูปแบบ Holistic Individualized Treatment โดยการใช้ สารลดเลือนริ้วรอย สารเติมเต็มในกลุ่ม Hyaluronic acid และ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีความเป็นธรรมชาติสูงสุด และตรงใจผู้รับบริการทุกท่านค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทุกเรื่องความงามและผิวพรรณ📍Infiniz clinic, 4th Floor The Mercury Ville, BTS Chidlom📞 Tel: 098-8285444🆔 Line ID: @Infinizclinic (มี@ข้างหน้า) หรือ กดคลิกแอดไลน์➡️ https://lin.ee/egwR5Ge📥 Inbox: m.me/infinizclinic
คุณหมออู๋ กับบทบาท Speaker งานสอนใน GAIN Thailand 2024
เป็นอีกหนึ่งงานบรรยายวิชาการประจำปีของบริษัท Galderma Thailand ที่เป็นงานประชุมวิชาการ บรรยายแก่แพทย์ความงามทั่วทั้งประเทศโดยในปีนี้มีหัวข้อที่ชื่อว่า Turn on your AART into HIT SHAPE UP and GLOW ON แปลแบบสรุปก็คือ รูปแบบการวิเคราะห์รูปหน้าผิวพรรณเพื่อกำหนดจุดที่เป็นปัญหาของผู้รับบริการก่อนจะวางแผนการใช้ สารลดเรือนริ้วรอย สารเติมเต็มในกลุ่ม Hyaluronic acid และ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นำมาซึ่งการรักษาที่ตรงจุดชัดเจนและได้ผลอย่างเป็นธรรมชาติ โดยปราศจากผลข้างเคียง ในงานนี้ มีการพูดถึงการใช้ตัว Collagen Biostimulator( Sculptra) ในการฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียง เช่น ก้อน หรือ ผิวไม่เรียบ ตลอดจนระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้งก็ต้องมีความเหมาะสม โดยมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล เป็นหน้าที่ที่แพทย์ควรต้องมีความรู้และประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงจะสามารถประเมินรูปแบบการรักษาในแต่ละบุคคลได้อย่างดี เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดนั่นเอง การใช้ Sculptra ร่วมกับการใช้เครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera, Ultrafomer MPT, Thermage FLX หรือ เลเซอร์กลุ่มยกกระชับอื่นๆ ก็เช่นกัน เป็นการรักษาที่เป็นที่นิยมอย่างมากโดยควรต้องเว้นระยะการรักษาระหว่างกัน ประมาณ 1 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบหรือการระบมในชั้นผิวที่มากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียง สิ่งที่เป็น Highlight สำคัญคือ การฉีด Sculptra ควบคู่กับการฉีด Skinboostersเพื่อกระตุ้นให้ผิวมีคอลลาเจนใหม่มากขึ้น ร่วมกับการเติมน้ำให้ผิวในระดับชั้นลึกซึ่งผลที่ได้ย่อม Double เกิดปรากฏการณ์ผิวฉ่ำวาว เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย และ ดูอ่อนเยาว์ ไปพร้อมๆกัน โดยผู้รับบริการไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตต่อได้ตามปกติ แต่เทคนิคนี้ ต้องอาศัยการจัดวางโดยแพทย์ที่มีความแม่นยำในชั้นผิว และ การออกแบบเพื่อกำหนดจุดยก ดึง โครงสร้างผิวที่ถูกวิธี ให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างและชัดเจนกว่าวิธีปกติ และหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย นอกจากนี้การปรับรูปหน้าด้วยการฉีด HA Filler ร่วมกับ Sculptra ย่อมสามารถทำได้แต่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องอาศัยการวิเคราะห์รูปหน้าอย่างละเอียดเพื่อการจัดวาง HA Filler ปรับโครงสร้างเสริมความงามให้ตรงจุด ร่วมกับการฉีด Sculptra กระชับผิวเข้าไปอีกระดับนึง จึงต้องอาศัยการคาดคะเน ปริมาณ PLLA SCA (Sculptra) ที่แม่นยำ จัดวางอย่างถูกต้อง และ ไม่รบกวนการทำงานของ HA Filler โดยตำแหน่งที่มักได้ผลดีคือ การฉีดบริเวณแก้ม ใต้ตา ร่องแก้ม และ คางกรอบหน้า นั่นเอง ทั้งหมดนี้ เป็นรูปแบบการรักษาที่ Customized อย่างชัดเจนจึงต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง ในงานวิจัยล่าสุด มีการทดลองดู Gene expression หลังการฉีด Sculptra เข้าไปในเนื้อเยื่อ พบว่า มีการกระตุ้นให้ผิว มีการสร้าง Fibroblast, Collagen type 1 & 3, Elastin และ Proteoglycan อย่างชัดเจนด้วยขบวนการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลาหนึ่งจนถึง 2 ปีซึ่งพบว่า ยังมีการเกิด ขบวนการยับยั้งการอักเสบเพื่อลดการเกิดการกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวของเราไม่ต้องการอีกด้วย สุดท้าย ก่อนทำการเลือกการฉีด Biostimulator ตัวใด แพทย์ควรคำนึงถึง ลักษณะของ Particle คุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของสารตัวนั้น ความคงทนอยู่ในผิวของเราได้ยาวนานแค่ไหน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ และเมื่อเกิดแล้วสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ผลที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณหลังได้รับการฉีดไปแล้วเป็นแบบใด ขบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นได้ โดยBiostimulator แต่ละตัว มีลักษณะที่แตกต่างกันทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง และ วิธีการฉีดก็มีความแตกต่างกันผู้รับบริการจึงควรศึกษารายละเอียด คุณสมบัติ หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ก่อนทำการรักษา เพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ตอบโจทย์ ตรงใจผู้รับบริการแต่ละคนนั่นเองครับ
Galderma Award Night 2024
ค่ำคืนแห่งความสุขและความยินดีในงาน🏆GALDERMA AWARD NIGHT 2024 จัดขึ้นที่ UOB Live @theemsphere Infiniz Clinic นำทีมโดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ เข้าร่วมรับรางวัลอันทรงเกียรติ✨ 2 รางวัล ได้แก่ 🏆Senior Local Mentor Trainer 2023 award 🏆คลินิกที่มียอดใช้โปรแกรมฟิลเลอร์สูงสุดระดับประเทศ ประจำปี2023 การันตีความสำเร็จอย่างต่อเนื่องยาวนานด้วยคุณภาพและมาตรฐานการบริการและผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมระดับ world class ที่เน้นความประทับใจสูงสุดของผู้รับบริการ✨ อินฟินิซคลิกนิกและคุณหมออู๋ ณัฐพลขอขอบคุณผู้รับบริการทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ และขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ไว้วางใจให้อินฟินิซคลินิกดูแลตลอดมา เราสัญญาจะไม่หยุดพัฒนาคุณภาพและบริการ พร้อมส่งต่อประสบการณ์ความงามที่เหนือระดับ พร้อมความสุขและรอยยิ้ม เพราะทุกคนคือคนสำคัญ สำรองคิวปรึกษาปรับรูปหน้าแบบ exclusive กับคุณหมออู๋ ณัฐพล🧑⚕️ 📍 𝗜𝗻𝗳𝗶𝗻𝗶𝘇 𝗖𝗹𝗶𝗻𝗶𝗰 𝗠𝗲𝗿𝗰𝘂𝗿𝘆 𝗩𝗶𝗹𝗹𝗲, 𝗕𝗧𝗦 𝗖𝗵𝗶𝗱𝗹𝗼𝗺 📞 Tel: 098-8285444 🆔 Line ID: @Infinizclinic (มี@ข้างหน้า) หรือ กดคลิกแอดไลน์: bit.ly/3actYK1 📥 Inbox: m.me/infinizclinic #GALDERMATHAILAND #RESTYLANE #ABOTOXIN #หมออู๋ณัฐพล #อินฟินิซคลินิก #galdermatrainer
Sculptra Training Class 22 Jan 2024
คุณหมออู๋ ได้รับเชิญสอนภาคปฏิบัติ (Hands-On) การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน SCULPTRA การเรียน การสอนสอนเต็มไปด้วยความรู้ผสานความสนุก บรรยากาศในคลาสอบอุ่นเป็นกันเอง คุณหมออู๋หวังว่าแพทย์ผู้เรียน จะนำความรู้ไปพัฒนาเพิ่มพูนทักษะเรื่องการเลือกฉีด Sculptra ในทุกรายละเอียด เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สวยงามและลงตัวต่อผู้รับบริการแต่ละคน และขอขอบคุณ บริษัท กัลเดอร์มา ไทยแลนด์ มา ณ โอกาสนี้ค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจทำโปรแกรม Collagen Biostimulator❤️ด้วย PLLA SCAโดยเทคนิคพิเศษของคุณหมออู๋ ณัฐพล Thailand Master Trainer & Speaker🥇การฉีดสาร PLLA ทำนัดง่ายๆ ตามช่องทางนี้เลยค่ะ 📍Infiniz clinic, 4th Floor The Mercury Ville, BTS Chidlom 📞 Tel: 098-8285444 🆔 Line ID: @Infinizclinic (มี@ข้างหน้า) หรือ กดคลิกแอดไลน์➡️ https://lin.ee/egwR5Ge 📥 Inbox: m.me/infinizclinic #PLLA #SCULPTRA #SkinSculptingSolution #theskinthatfeelslikeyouagain #SculptraMultidimensions #หมออู๋ณัฐพล #อินฟินิซคลินิก #แพทย์วิทยากรผู้สอนการฉีดSculptra
Ultraformer MPT ตัวช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย พร้อมสลายไขมันในเครื่องเดียว
การมีริ้วรอยพร้อมกับความหย่อนคล้อยตามผิวหน้าและผิวกาย อาจเป็นปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คนที่กำลังมีอายุเพิ่มมากขึ้น Ultraformer MPT จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น ด้วยการใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงที่ลงลึกถึงชั้นใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวันนี้ Infiniz Clinic ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Ultraformer MPT ที่ตอบโจทย์เรื่องยกกระชับผิวให้คุณได้เป็นอย่างดีกัน Ultraformer MPT คืออะไร? Ultraformer MPT (Ultraformer Micro-Pulse Technology) คือ เทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาช่วยยกกระชับผิว ลดเรือนริ้วรอยบนใบหน้าให้บางลง พร้อมปรับกรอบหน้าให้เรียวขึ้นจากการสลายไขมันส่วนเกิน ด้วยการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปยังใต้ผิวหนังขั้น SMAS ได้อย่างเฉพาะจุดและแม่นยำ ซึ่งเราเรียกนวัตกรรมนี้ว่า MMFU หรือ Micro & Macro Focused Ultrasound นอกจากนี้ เครื่องมือ Ultraformer MPT ประกอบไปด้วยหัวยิงหลากหลายที่มีรูปแบบการปล่อยพลังงานมากถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ แบบจุดธรรมดา (Normal Dot), แบบเส้นตรงชนิด MP (Micro Pulse), แบบวงกลมชนิด MP (Micro Circular) และแบบจุดวงกลม (Circular Dot) ซึ่งนอกจาก Ultraformer MPT จะช่วยลดเรือนริ้วรอยแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบนผิวได้ดีอีกด้วย หลักการทำงานของ Ultraformer MPT การยกกระชับผิวด้วย Ultraformer MPT นั้นสามารถทำได้ด้วยการยิงคลื่นพลังงานเสียงอัลตราซาวนด์ลงไปที่ผิวหนัง โดย Ultraformer MPT มีหลักการทำงาน 2 รูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะการทำงานแตกต่างกันดังนี้ 1. Micro Focused Ultrasound หลักการทำงานของ Ultraformer MPT ลักษณะนี้ สามารถส่งคลื่นพลังงานในระดับความลึกที่ 1.5 mm., 3 mm. และ 4.5 mm. ให้ถึงผิวชั้นใต้ผิวหนัง (SMAS) โดยมีความร้อนอยู่ที่ 65-70 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยให้บริเวณผิวหน้าและลำคอที่มีความหย่อนคล้อยเกิดความกระชับ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดการริ้วรอยเล็ก ๆ เฉพาะจุดบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางพลังงานอยู่ที่ 0.5 mm. 2. Macro Focused Ultrasound Macro Focused Ultrasound มีหลักการทำงานที่สามารถส่งคลื่นพลังงานเข้มข้นในระดับความลึกที่ 6 mm., 9 mm. และ 13 mm. ถึงผิวชั้นลึกใต้ผิวหนัง (SMAS) ได้เช่นเดียวกัน กับความร้อนที่ 65-70 องศาเซลเซียส ด้วยระดับความลึกที่มากขึ้นและการปล่อยพลังงานได้สูงถึง 8 เท่ากว่า Micro Focused Ultrasound ทำให้ Ultraformer MPT ลักษณะนี้เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการสลายไขมันส่วนเกิน เพราะจะทำให้บริเวณที่ทำยกกระชับและมีกรอบหน้าเรียวชัดมากขึ้น Ultraformer MPT ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? เทคโนโลยี Ultraformer MPT เป็นเครื่องมือที่ได้รับการรับรองระดับสากลว่ามีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้ากับการยกกระชับผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแก้ไขบริเวณผิวหน้าและผิวกายได้หลากหลายจุดอีกด้วย ดังนี้ Ultraformer MPT เหมาะกับใคร? Ultraformer MPT ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยปรับรูปหน้าด้วยการยกกระชับผิว และแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้หลากหลายจุด สำหรับใครที่กำลังกังวลว่าตนเองเหมาะกับการทำ Ultraformer MPT หรือไม่ สามารถพิจารณาได้จากผู้มีปัญหาผิวหน้าดังต่อไปนี้ ข้อดีของ Ultraformer MPT ปัจจุบัน Ultraformer MPT เป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับยกกระชับผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถปล่อยคลื่นพลังงานลงลึกได้ทุกชั้นผิวโดยไม่ส่งผลอันตราย รวมถึงเกิดผลข้างเคียงหลังทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ทุกสภาพผิว เนื่องจากสามารถปรับระดับของพลังงานและหัวยิงได้หลากหลาย ตามจุดที่ผู้เข้ารับบริการแต่ละคนต้องการแก้ไขโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือใช้เวลาพักฟื้น ตลอดจนไม่ต้องกังวลว่าทำ Ultraformer แล้วกี่วันเห็นผล เพราะหัตถการดังกล่าวสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายในสัปดาห์แรก พร้อมให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ข้อจำกัดของ Ultraformer MPT การทำ Ultraformer MPT มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการทำ Ulthera ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาริ้วรอยลึกหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก ในกรณีนี้ อาจต้องการการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ สารลดเลือนริ้วรอย สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนร่วมด้วย เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ แม้ว่าการทำ Ultraformer จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่หากผู้รับบริการต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน Ultraformer III และ Ultra MPT ต่างกันอย่างไร? แม้ Ultraformer MPT และ Ultraformer III จะเป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์และเทคโนโลยีแบบ Focus Ultrasound เช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองเครื่องก็ยังมีข้อแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการปล่อยพลังงาน, ระดับความลึก, ระยะเวลาในการทำ และข้ออื่น ๆ ที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ยาวนานนั่นเอง ซึ่งสามารถพิจารณาได้ตามนี้ ข้อแตกต่างระหว่าง Ultraformer MPT กับการทำหัตถการแบบอื่น ๆ Ultraformer MPT เป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจนผิวให้กระจ่างใส และเสริมผิวให้อิ่มฟูมากขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากขั้นตอนการทำ เครื่องมือที่ใช้ ตลอดจนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังทำ ย่อมแตกต่างจากการทำหัตถการรูปแบบอื่น ๆ โดยสามารถพิจารณาได้ดังต่อไปนี้ การทำ Ultraformer MPT Ultraformer MPT เป็นเทคโนโลยีกระชับผิวด้วยการปล่อยคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ โดยมีจุดเด่นคือ สามารถเปลี่ยนหัวยิงที่ปล่อยพลังงานออกมาได้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เข้ากับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และแก้ไขปัญหาของผู้เข้ารับบริการได้อย่างตรงจุด MPT Ultraformer จึงเหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยและไขมันสะสมบนใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์เป็นการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า ให้ผิวชั้นในกับชั้นใต้ผิวหนังกลับมาอิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น รวมถึงช่วยเสริมจุดต่าง ๆ เช่น คาง ขมับ ปาก เป็นต้น เพื่อปรับรูปหน้าให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม ด้วยการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปนั่นเอง ไม่ใช่การส่งคลื่นพลังงาน ทำให้ฟิลเลอร์เป็นการทำหัตถการที่แตกต่างจาก Ultraformer MPT อย่างชัดเจน การทำ HIFU HIFU ทั่วๆไป เป็นหัตถการที่ช่วยยกระชับใบหน้า ลดริ้วรอยให้ดูตื้น และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนบนผิวหนังได้ โดยสามารถเลือกหัวยิงสำหรับปล่อยพลังงานให้เหมาะสมกับระดับผิวได้เช่นเดียวกับ Ultraformer MPT แต่โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการทำ HIFU 1 ครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนเท่านั้น ต่างกับ Ultraformer หลังทำผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือนเลยทีเดียว การทำ Ulthera Ulthera และ Ultraformer MPT เป็นเครื่องมือสำหรับยกกระชับผิวที่สามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS แต่ Ulthera จะใช้ความถี่ของคลื่นเสียงแบบ Focused Ultrasound ด้วยขนาดจุดโฟกัส 1 mm. ทำให้ส่วนใหญ่มักถูกใช้ทำหัตถการยกกระชับเฉพาะจุด เช่น ผิวหน้า ลำคอ หรือบริเวณเนินอก ในขณะที่ Ultraformer MPT โดดเด่นเรื่องการยกกระชับกับสลายไขมันบริเวณผิวหน้าและลำตัว นอกเหนือจากหัตถการที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว การทำ Thermage ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้า สลายไขมันในผิวให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่กระชับ พร้อมลดเลือนริ้วรอยให้บางลงกว่าเดิม ซึ่งเป็นหัตถการที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ “Thermage ช่วยเรื่องอะไร ดีจริงไหม?” ทำ Ultraformer MPT ราคาเท่าไร? สำหรับผู้ที่สนใจยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจนผิวชั้นบนด้วยการทำ Ultraformer MPT มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15,900 บาทเป็นต้นไป โดยราคาของ Ultraformer ขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณที่เลือกทำ, จำนวนช็อตที่ใช้, สภาพผิวหน้าของผู้รับบริการแต่ละบุคคล รวมถึงโปรโมชันของคลินิกที่จัดในแต่ละช่วง หากต้องการทราบรายละเอียดการทำ Ultraformer MPT กับราคาที่แน่นอน รวมไปถึงบริการอื่นๆ เช่น Thermage ราคาเท่าไหร่ ? สามารถติดต่อสอบถามกับ Infiniz Clinic ผ่านช่องทางออนไลน์และปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการได้ที่คลินิกทุกสาขา การเตรียมตัวก่อนไปทำ Ultraformer MPT การทำ Ultraformer MPT เป็นหัตถการที่ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อประเมินสภาพผิวหน้า และวิเคราะห์ปัญหาผิวที่ผู้รับบริการต้องการแก้ไข จึงค่อยเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมตัวสภาพผิวก่อนทำ Ultraformer MPT โดยวิธีเตรียมตัวที่เราแนะนำมีด้วยกัน ดังนี้ ขั้นตอนการทำ Ultraformer MPT หลังจากทราบการประเมินผิวหน้าจากแพทย์ และปฏิบัติตามวิธีการเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ultraformer MPT ซึ่งกระบวนการทำจะอยู่ภายใต้ความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ การดูแลตนเองหลังไปทำ Ultraformer MPT สิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์จากการ Ultraformer MPT มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวมากที่สุดก็คือ วิธีการดูแลตนเองหลังทำ Ultraformer ซึ่งสามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่วิธีดังต่อไปนี้ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ultraformer MPT ควรทำ Ultraformer MPT กี่ครั้งถึงเห็นผล ? การทำ Ultraformer MPT หากต้องการให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนควรทำอย่างต่อเนื่องในระยะ 3-6 เดือน เพื่อมอบผลลัพธ์ให้อยู่นานขึ้นและเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว Ultraformer MPT อันตรายหรือไม่? วิธีการยกกระชับผิวและสลายไขมันด้วยเครื่องมือ Ultraformer MPT ไม่เป็นอันตรายต่อผิวและ หลังทำ Ultraformer สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้ ความอันตรายจากการเข้ารับบริการขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์และเครื่องอัลตร้าฟอร์เมอร์ที่ได้มาตรฐาน ทำ Ultraformer MPT เจ็บหรือไม่? การทำ Ultraformer MPT เป็นการยกกระชับผิวและสลายไขมันที่มีความเจ็บเพียงเล็กน้อย จะรู้สึกอุ่น ๆ และตึงบริเวณใต้ผิวหนัง หากถามว่า Ultraformer MPT เจ็บไหม ก็เป็นความเจ็บที่อยู่ในระดับทนได้ เนื่องจากผิวมีการสะสมพลังงานความร้อนในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งความรู้สึกเจ็บนี้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรทำ Ultraformer MPT กี่ช็อต? โดยทั่วไปแล้ว Ultraformer MPT สามารถทำได้ตั้งแต่ 200-600 ช็อต ซึ่งจำนวนช็อตที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากบริเวณผิวที่ทำ สภาพผิวหน้าของผู้ของรับบริการ ซึ่งอยู่ภายใต้คำแนะนำและการประเมินของแพทย์ผู้ให้บริการ Ultraformer MPT นวัตกรรมยกกระชับผิวที่มีประสิทธิภาพ สรุปแล้ว Ultraformer MPT เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก และสลายไขมันส่วนเกิน ได้ครบจบภายในเครื่องเดียว ซึ่งเป็นการยกกระชับผิวที่สามารถทำได้ทั้งผิวหน้า ลำคอ และผิวกาย ด้วยการส่งคลื่นพลังงานเข้มข้นไปยังชั้นใต้ของผิวหนัง (SMAS) ให้เกิดความร้อนสะสมจนทำให้เนื้อเยื่อหดตัวและผิวยกกระชับมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดและเข้าพักฟื้น หากใครที่กำลังสนใจยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้เรียวมากขึ้น ควรปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาผิวแต่ละบุคคล ซึ่งทาง Infiniz Clinic เรามีบริการทำ Ultraformer MPT ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยทีมแพทย์หมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ อาจารย์แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนังและการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ พร้อมรางวัลการันตีในความสามารถมากมายอย่าง Gold Awards Facial Aesthetics 2023 สามารถติดต่อสอบถามทางคุณหมอและทีมงานได้ตามช่องทางดังนี้ References Mark Contini,…
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแก้ไขได้อย่างไร ฉีดสลายได้หรือไม่?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เป็นปัญหาที่พบได้ค่อนข้างมาก จากกรณีการฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อีกทั้งการที่ฟิลเลอร์เป็นก้อนยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ในบทความนี้ Infiniz Clinic จะพาทุกคนไปเรียนรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนใต้ตา รวมไปถึงวิธีป้องกันและวิธีแก้ไขปัญหานี้ ปัจจัยที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนมีอะไรบ้าง? ปัจจัยที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนมีหลายประการ โดยปัจจัยที่สามารถพบได้บ่อยมีดังต่อไปนี้ 1. ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับพื้นที่บริเวณที่ฉีด ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วกลายเป็นก้อนอาจเกิดจากการที่ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด มีการฉีดในปริมาณมากเกินไปสำหรับพื้นที่ใต้ตา โดยเมื่อเวลายิ้มกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาจะหดตัวขึ้น ทำให้ฟิลเลอร์ใต้ผิวหนังที่มีปริมาณมากเกินไปจนไม่เรียบเนียนไปกับผิว จะถูกดันขึ้นจนเห็นเป็นก้อนได้ 2. ฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเป็นฟิลเลอร์ปลอม หากฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรองจากอย. หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอม ก็สามารถทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นก้อนได้เช่นกัน เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมมักเป็นฟิลเลอร์ชนิดถาวรหรือซิลิโคน ซึ่งสามารถจับตัวกันเป็นก้อนและไหลย้อยไม่เป็นทรงหลังจากเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง แต่ไม่สลายไปเองตามธรรมชาติเหมือนฟิลเลอร์มาตรฐาน อีกทั้งฟิลเลอร์ปลอมยังไม่สามารถฉีดสลายเหมือนฟิลเลอร์มาตรฐานได้อีกด้วย จะต้องทำการผ่าตัดหรือขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น 3. ฉีดฟิลเลอร์ไม่ถูกตำแหน่ง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ถูกตำแหน่ง เช่น การฉีดบริเวณเหนือกล้ามเนื้อ หรือการฉีดบริเวณผิวชั้นตื้น ก็สามารถทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นก้อนได้ เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาจะมีความบางเป็นอย่างมาก หากฉีดไม่ถูกตำแหน่งก็จะสามารถสังเกตเห็นว่าเป็นก้อนได้อย่างง่ายดาย 4. แพทย์ที่ให้บริการมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ หากแพทย์ที่ให้บริการการฉีดฟิลเลอร์มีความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์และประสบการณ์ในการฉีดมาไม่มากพอ ก็อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาพลาดแล้วกลายเป็นก้อนบวมได้ โดยอาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นกล้ามเนื้อ การเลือกฟิลเลอร์ในยี่ห้อและรุ่นที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เป็นต้น 5. พื้นผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์บางจนเกินไป โดยปกติพื้นผิวบริเวณใต้ตาจะมีความบางอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคนไข้มีลักษณะเป็นคนผิวบางโดยธรรมชาติอยู่ด้วย ก็จะสามารถสังเกตเห็นฟิลเลอร์ใต้ตาในลักษณะเป็นก้อนหรือเงาสีเขียวได้ แม้จะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณและตำแหน่งที่ถูกต้องก็ตาม อาการหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน อาการหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณีคือ กรณีที่เกิดการอักเสบซึ่งมีความอันตราย กับกรณีที่ไม่ได้เกิดการอักเสบ เป็นแค่ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น โดยวิธีสังเกตความผิดปกติจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนมีดังนี้ กรณีเกิดการอักเสบหลังจากฉีดฟิลเลอร์ หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเกิดเป็นก้อนในลักษณะที่มีการอักเสบ จะมีอาการปวดมากกว่าปกติซึ่งควรรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและแก้ไขความผิดปกติโดยเร็วที่สุด โดยอาการอักเสบที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัด ได้แก่ กรณีไม่เกิดการอักเสบหลังจากฉีดฟิลเลอร์ อาการฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนสามารถเกิดในลักษณะที่ไม่มีการอักเสบได้เช่นกัน โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ช่วง 3 วันแรก ผิวบริเวณใต้ตาจะสามารถเห็นเป็นก้อนบวมได้เป็นปกติ แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวดหรือบวมแดงร่วมด้วย และเมื่อเวลาผ่านไปก้อนบวมก็จะค่อย ๆ ยุบลงไปเอง หากก้อนใต้ตามีอาการแย่ลงหรือไม่ยุบลงตามปกติหลังผ่านไป 2 สัปดาห์แล้ว ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและแก้ไขความผิดปกติต่อไป วิธีป้องกันไม่ให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วกลายเป็นก้อน อาการฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ ด้วยการเลือกทำหัตถการกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากแพทย์ที่เคยทำหัตถการมามาก จะสามารถเลือกใช้ปริมาณฟิลเลอร์และเลือกตำแหน่งชั้นผิวที่ฉีดได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังต้องใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดก้อนใต้ตาที่ไม่สามารถฉีดสลายออกได้จากฟิลเลอร์ปลอม แก้ปัญหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนได้อย่างไรบ้าง? สามารถแก้ปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ 1. ขูดฟิลเลอร์ ในกรณีที่คนไข้ไม่ได้เลือกใช้ฟิลเลอร์ผ่านมาตรฐานที่ทำมาจากสาร Hyaluronic Acid หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องทำการขูดฟิลเลอร์ออก เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถฉีดสลายหรือสลายไปเองตามธรรมชาติได้ อีกทั้งการขูดฟิลเลอร์ออกก็สามารถเอาออกได้เพียง 60-70% เท่านั้น ไม่สามารถเอาออกได้ทั้งหมดจนกลับคืนสู่สภาพผิวปกติ 2. ผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออก การผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออก จะใช้ในกรณีที่ฟิลเลอร์ใต้ตามีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่และแข็งมาก ซึ่งเกิดได้จากการที่คนไข้ได้รับการฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปเป็นระยะเวลานาน จนเกิดเป็นพังผืดเกาะอย่างเหนียวแน่น และก้อนฟิลเลอร์มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะสามารถขูดออกได้ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัดเอาออกเท่านั้น 3. ฉีดสลายฟิลเลอร์ หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ แล้วต้องการที่จะฉีดสลายฟิลเลอร์ออก ก็สามารถทำได้ต่อเมื่อฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเป็นฟิลเลอร์ผ่านมาตรฐานที่ทำมาจากสาร Hyaluronic Acid ซึ่งสามารถฉีดสลายได้ด้วยตัวยา Hyaluronidase เท่านั้น ทั้งนี้ คนไข้ควรแจ้งแพทย์ถึง ชนิด ยี่ห้อ และปริมาณฟิลเลอร์ที่ได้รับการฉีดมา เพื่อที่แพทย์จะได้คำนวณปริมาณตัวยาที่ต้องใช้ในการฉีดสลายได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากที่สุด ดูแลตัวเองอย่างไรดี ไม่ให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน วิธีดูแลตัวเองไม่ให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วกลายเป็นก้อน สามารถทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตาที่กลายเป็นก้อน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุปัจจัย เช่น ใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฉีดฟิลเลอร์ไม่ถูกตำแหน่ง หรือแพทย์ผู้ทำหัตถการไม่มีประสบการณ์มากพอ โดยอาการใต้ตาเป็นก้อนสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ ด้วยการเลือกทำหัตถการกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มามากมาย เนื่องจากแพทย์ที่เคยทำหัตถการมามาก จะสามารถเลือกใช้ปริมาณฟิลเลอร์และเลือกตำแหน่งชั้นผิวที่ฉีดได้อย่างเหมาะสม เลือกฉีดฟิลเลอร์ได้มาตรฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเป็นก้อนใต้ตา หากไม่รู้ว่าควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ขอแนะนำ Infiniz Clinic ด้วยทีมแพทย์มากประสบการณ์และแพทย์เฉพาะทาง แก้ไขปัญหาใต้ตาของแต่ละคนด้วยการฉีดฟิลเลอร์เทคนิคพิเศษเฉพาะของ Infiniz Clinic เท่านั้น นำทีมแพทย์โดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ แพทย์วิทยากรผู้สอนและอาจารย์พิเศษรับเชิญทางด้านเวชศาสตร์ความงามทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ และสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมามากกว่า 15 ปี การันตีด้วยรางวัลปรับรูปหน้าโดยไม่ศัลยกรรมและรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายตั้งแต่ปี 2018-2023 สอบถามข้อมูลราคาฟิลเลอร์ใต้ตาได้ที่ช่องทางด้านล่าง References Christiano, D. (2019, July 12). Side Effects of Facial Fillers. Healthline. https://www.healthline.com/health/facial-fillers-side-effects Jung, H. (2020). Hyaluronidase: An overview of its properties, applications, and side effects. Archives of plastic surgery, 47(4): 297–300.https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7398804/
ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ต่อปริมาณ 1 CC?
ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ขอบตาดำ ใต้ตาดูลึก ตาโหล ดูโทรม คงเป็นปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คน ที่ทำให้เกิดความกังวลว่าหน้าจะดูแก่และไม่สดใสก่อนวัยอันควร ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เติมใต้ตาให้ดูเต็มและอิ่มฟูมากขึ้น ในบทความนี้ Infiniz Clinic จะพาทุกคนไปดูกันว่าฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไร และควรเลือกใช้ยี่ห้อไหนดีถึงจะเหมาะสมกับการแก้ปัญหาใต้ตามากที่สุด ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ ราคาเท่าไหร่? ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีราคา อายุการใช้งาน และคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรจะใช้ยี่ห้อที่ตัวฟิลเลอร์มีความพอดีกับปัญหาร่องใต้ตา เนื้อเจลมีความคงตัวดี และกลืนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งที่ Infiniz Clinic ฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีราคาอยู่ราว 16,500-26,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และปริมาณที่ใช้ ส่วนจะเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีในการฉีดใต้ตา สามารถดูรายละเอียดความแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นได้ดังนี้ Juvederm Ultra XC ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm รุ่น Ultra XC เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เนื้อเจลมีความนิ่ม เรียบเนียนไปกับผิวได้ดี สามารถอุ้มน้ำได้ค่อนข้างมาก เหมาะกับการฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ อย่างร่องใต้ตา อีกทั้งยังสามารถฉีดเป็นฟิลเลอร์ร่องแก้มได้อีกด้วย มีอายุการใช้งานอยู่ได้นาน 9-12 เดือน ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาทต่อ 1 CC Juvederm Volite ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm รุ่น Volite เป็นฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา ที่เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดที่สุดในทุกรุ่น มีความบางเบา กลืนตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้ดีมาก เหมาะกับการฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ อย่างริ้วรอยใต้ตาและรอบดวงตา สามารถอยู่ได้นาน 9-12 เดือน ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาทต่อฟิลเลอร์ 1 CC Juvederm Volift สำหรับฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm รุ่น Volift เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มปานกลาง เรียบเนียนไปกับผิวได้ดี มีความคงตัวสูง เหมาะกับการเติมเต็มและฉีดบริเวณผิวที่มีปัญหาร่องลึกระดับกลาง สามารถฉีดบริเวณใต้ตาชั้นลึกเพื่อแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและเบ้าตาโหลได้ อีกทั้งยังสามารถฉีดเป็นฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับรูปทรงปากให้ดูอวบอิ่มสวยงามได้อีกด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาทต่อ 1 CC อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน Restylane Vital ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane รุ่น Vital เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่เนื้อฟิลเลอร์มีขนาดอนุภาคที่ค่อนข้างใหญ่ มีความคงตัวสูง สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเต็มและแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา อีกทั้งยังสามารถฉีดเป็นฟิลเลอร์ขมับเพื่อเติมให้ใบหน้าดูเต็มยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ 16,500 บาทต่อ 1 CC อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน Restylane Vital Light ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane รุ่น Vital Light เป็นฟิลเลอร์ที่มีขนาดอนุภาคเล็กและละเอียดเป็นอย่างมาก มีส่วนผสมของยาชา และมีความนิ่มที่สุดในทุกรุ่นของยี่ห้อ Restylane เหมาะกับการใช้ฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตา สามารถอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ 16,500 บาทต่อ 1 CC Restylane Defyne ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane รุ่น Defyne เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่เนื้อเจลมีความแข็งและขึ้นทรงมากที่สุดในทุกรุ่น แต่ยังสามารถกลืนไปกับผิวได้ดี เรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการฉีดเสริมเติมร่องลึกใต้ตาที่มีความยุบตัวมาก และยังสามารถฉีดเป็นฟิลเลอร์คางหรือฟิลเลอร์โหนกแก้ม เพื่อปรับโครงสร้างใบหน้าได้อีกด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาทต่อ 1 CC อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน โปรโมชัน ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาพิเศษ ทาง Infiniz Clinic ได้มีการจัดโปรโมชันฟิลเลอร์ใต้ตาราคาพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่าน ทั้งยี่ห้อ Juvederm และยี่ห้อ Restylane โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้กับทาง Facebook : Infiniz Clinic หรือทาง Line ID: @Infinizclinic >> อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ “ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน“ สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตามีราคาเท่าไรบ้าง? สำหรับใครที่ต้องการจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาผิวบริเวณใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาริ้วรอย ขอบตาดำ ใต้ตาดูลึก หรือตาโหล ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการฉีดเป็นอย่างมาก หากสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม คนไข้ก็จะได้รับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในราคาที่เหมาะสมและผลลัพธ์ที่พึงพอใจมากที่สุด โดยสำหรับที่ Infiniz Clinic ฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีราคาเริ่มต้นที่ 16,500-18,000 บาทต่อ 1 CC ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี? ทาง Infiniz Clinic จึงแนะนำให้เลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากอย. และให้บริการโดยสถานพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด โดย Infiniz Clinic คลินิกหัตถการความงามโดยแพทย์เฉพาะทางและมากประสบการณ์ ปรับรูปหน้าของแต่ละคนด้วยการฉีดฟิลเลอร์เทคนิคพิเศษเฉพาะของ Infiniz Clinic เท่านั้น โดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ แพทย์วิทยากรผู้สอนและอาจารย์พิเศษรับเชิญทางด้านเวชศาสตร์ความงามทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ และสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมามากกว่า 15 ปี การันตีด้วยรางวัลปรับรูปหน้าโดยไม่ศัลยกรรมและรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายตั้งแต่ปี 2018-2023 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางนี้ References Where is JUVÉDERM® used?. (2023, May 3).JUVÉDERM® Collection of Fillers. https://www.juvederm.com/volume-loss#under-eyes-faq-content Q-Med AB. (2023). Instructions for use Restylane Defyne, US. Galderma Laboratories, L.P. https://www.restylaneusa.com/docs/Restylane-Defyne-IFU
ยกกระชับด้วย Sculptra® Multidimensions
ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี แก้ใต้ตาหมองคล้ำ เป็นแววตาใสปิ๊ง
ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน จะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นอะไรบ้างที่เหมาะกับฉีดใต้ตา ที่นี่มีคำตอบ