Scroll to top

Blog

420F024B AC9C 48BA 867B 0BB080EAB082 L0 001

Anatomy บริเวณใต้ตา (Tear Trough Anatomy)

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไรให้ปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตานั้นถือว่าเป็นบริเวณที่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากว่า มีโครงสร้าง ผิวหนังไขมัน กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่วางตัวซ้อนทับกัน และ พาดเกี่ยวกัน ด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่สำคัญปริมาณมากรวมทั้งพื้นที่บริเวณใต้ตาและแก้ม จะมีการเคลื่อนไหวอย่างมากนำมาซึ่งพยาธิสภาพที่ผิดปกติเมื่อ อายุที่มากขึ้น ทั้งความหย่อน และโครงสร้างที่บางหรือพร่องลงไป นอกจากนี้ บริเวณใต้ตา และแก้ม ยังมีเส้นเลือดเส้นประสาทสำคัญปริมาณมาก และมีความสำคัญที่เชื่อมต่อเข้าสู่ดวงตาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งของเส้นเลือดเหล่านี้อย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปในบริเวณดังกล่าว หรือ ป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์นั่นเอง พื้นทีบริเวณใต้ตา ประกอบด้วย Jigsaw ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกัน และ วางทับกันอยู่เป็นปริมาณมาก และ มีขนาดหรือการเรียงตัวที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลการเข้าใจถึงพยาธิสภาพปัญหาที่ถูกต้องสำหรับปัญหาใต้ตาจึงต้องได้รับการฝึกฝน และ ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์อย่างมากโดยการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เล็กๆนี้ ยังต้องอาศัยความแม่นยำในการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณนั้นๆอีกเช่นกันดังนั้นสิ่งสำคัญที่แพทย์ทุกคนควรต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างสูง นั่นคือโครงสร้างกายวิภาคศาสตร์บริเวณใต้ตา อย่างละเอียด เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้อย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามไร้ผลข้างเคียง ปัญหาที่พบบ่อยคือ ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน หลังฉีด ซึ่งอาจพบได้หลังจากฉีดไปแล้ว 3-6 เดือน หรือในบางราย อาจยาวนานถึง 1 ปี จึงค่อยเกิดปัญหานี้ขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแทรกตัวอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อนั่นเอง โดยมักเกิดขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตามีการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก จึงง่ายต่อการเกิดภาวะดังกล่าว ซึ่งวิธีแก้คือ การฉีดสลายฟิลเลอร์ส่วนเกินนั้นออกและ ทำการแก้ไขใหม่ตามความเหมาะสม อีกปัญหาหนึ่งคือการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาในชั้นตื้นเกินไปและปริมาณมากเกินไป จึงเกิดเป็นก้อนสีเทาๆ จากแสงที่ตะกกระทบลงบนผิว ทำให้เกิดความไม่เรียบเนียนและไม่สวยงาม ขั้นตอนนี้ เกิดขึ้นจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพปัญหา จึงเกิดภาวะไม่กลืนตัวเข้ากับผิวบริเวณดังกล่าว โดยแพทย์ผู้ฉีดต้องมีความระมัดระวังอย่างสูงนั่นเอง โดยการแก้ไข ก็จำเป็นต้องฉีดยาสลายฟิลเลอร์ส่วนนั้นออก และ ประเมินสภาพปัญหาใหม่ การเลือกชนิดของ HA Fillerก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญที่จะนำมาซึ่งผลการรักษาที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนกับโครงสร้างหรือผิวพรรณของผู้รับบริการได้อย่างดีเยี่ยม โดยฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดแก้ไขบริเวณใต้ตา สำหรับคนไทย คือ Restylane Vital Light หรือ Restylane Classic และ Juvederm Volbella or Juvederm Volite นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ในผู้รับบริการบางคน ที่มีร่องใต้ตาลึกมาก ก็สามารถใช้ Filler ชนิดที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น นำมาแก้ปัญหาได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาด้วยโปรแกรม Daisy Eyes โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ยังถูกออกแบบมาให้สามารถใช้เทคนิคในการยกกระชับ และ แก้ไขถุงใต้ตา ได้อีกด้วย โดยจากการดูโครงสร้างบริเวณใต้ตาจะเห็นได้ว่า เมื่ออายุที่มากขึ้น ย่อมทำให้กระดูกเบ้าตา และ ชั้นไขมันใต้ตา บางลง เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อก็มีความหย่อนไม่กระชับอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่สามารถค้ำจุนถุงใต้ตาที่โป่งพองออกมาจากอายุที่มากขึ้นได้ ดังนั้น การแก้ไขด้วยการวางฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลพอดี และแม่นยำ จึงช่วยให้มีโครงสร้างที่ support ถุงใต้ตาได้อย่างดีทำให้ขนาดลดลง ดังนั้นด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตาอย่างถูกวิธี จึงสามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมได้อีกด้วย **อย่างไรก็ตามปัญหาถุงใต้ตา มีความซับซ้อน และมีหลากหลายรูปแบบแนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาก่อนได้รับการรักษาเท่านั้น เพื่อวางแผนการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากปัญหาถุงใต้ตาของผู้รับบริการแต่ละคนแตกต่างกัน

หลังฉีดFillerห้ามกินอะไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ห้ามกินอะไร? ดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม? ที่นี่มีคำตอบ

หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ห้ามกินอะไร? หลังฉีดฟิลเลอร์ให้งดแอลกอฮอล์, อาหารแสลง, อาหารรสจัด, ปิ้งย่างชาบู และอาหารหมักดอง เพราะจะทำให้แผลอักเสบและติดเชื้อง่าย

แพ้ฟิลเลอร์

แพ้ฟิลเลอร์ อันตรายที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์

ผู้ที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์จะมีการอักเสบ บวมแดง โดยโอกาสผู้ที่แพ้ฟิลเลอร์มีน้อยมาก ๆ หากฉีดฟิลเลอร์แท้และทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฉีดยังไงให้ปลอดภัย ดูยังไงว่าเป็นของแท้?

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีและปลอดภัย จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นของแท้ที่ผ่านอย.หรือเปล่า มาหาคำตอบด้วยกันในบทความนี้ได้เลย

Web Oct 23 01

หมออู๋ Update ความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ประจำปี ค้นพบ บริเวณที่ต้องระวังเพิ่มเติมในการฉีดฟิลเลอร์ คือ คาง และ ขมับ

ปัจจุบัน มีผู้เข้ามารับบริการการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางและขมับ จำนวนมาก ที่อินฟินิซ คลินิก โดยส่วนมากเป็นเคสที่เคยฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาก่อนแล้วเจอผลข้างเคียง ที่หมอรวบรวมไว้มีดังนี้ ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์คางจากคลินิกอื่น -รูปทรงไม่เข้ากับใบหน้า ยาวไป สั้นไป หรือ คางยื่นเกินไป -คางไม่สมดุล ไม่สมมาตรกัน หรือ ไม่ได้สัดส่วนกับแนวขากรรไกรล่าง -มีก้อนฟิลเลอร์ช้ดเจนขณะอยุ่เฉยๆ หรือมองเห็นขณะพูดและแสดงสีหน้า -มีอาการบวมแดงอักเสบหลังฉีด หรือภาวะคางอักเสบ ติดเชื้อ -มีอาการบวมแดง เป็นบางครั้ง -เจอเคสผลข้างเคียงจากการฉีดอุดตันเส้นเลือด ทำให้ ริมฝีปากล่างม่วงคล้ำ ผิดปกติ แต่ได้รับการแก้ไขทันเวลา จนเป็นปกติ ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ขมับจากคลินิกอื่น -ขมับบวม ผิดรูป ไม่ได้สัดส่วน -หลังฉีดมีอาการบวม และ ช้ำมาก -หลังฉีดไปสักระยะหนี่งมีอาการก้อนบวมปูดเป็นระยะๆ -ฟิลเลอร์ไม่กลืนกับผิวทำให้มีความไม่เรียบ -รูปทรงขมับไม่สัมพันธ์กับโครงสร้างบริเวณโหนกแก้มและหน้าผาก -มีรอยช้ำหรือสีม่วงบริเวณขมับหลังการฉีดจากที่อื่นมา แต่ได้รับการแก้ไขทันเวลา จะสังเกตเห็นว่า การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจ สรีระกายวิภาคศาสตร์ ตลอดจนการออกแบบรูปทรง เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเติมฟิลเลอร์บริเวณ คาง และ ขมับ รวมถึงเทคนิคการวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและสวยงาม อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงที่รุนแรงที่สำคัญที่สุดคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอุดตัน หรือ กดเบียด เส้นเลือดบริเวณใกล้เคียงจนเกิดภาวะเนื้อตายบริเวณที่ฉีดถือเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุด ซึ่งแพทย์ต้องป้องกันและหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าว วันนี้ในงานประชุมวิชาการประจำปี GAIN INSPIRED : Annual update on the “ensuring safe & effective use of dermal fillers and collagen biostimulator” 2023 มีเนื้อหาใหม่ๆที่เป็น highlight ที่หมออู๋ รวบรวมมาให้ผู้รับบริการเข้าใจดังนี้ นอกจากบริเวณใต้ตาและบริเวณหน้าผากที่เป็นจุดเสี่ยงหลักในการฉีดฟิลเลอร์ และควรได้รับการแก้ไขโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาอย่างดี  การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางและขมับคับเป็นอีกบริเวณที่แพทย์มักลืมให้ความสำคัญต่อเส้นเลือดเส้นประสาทบริเวณนี้ เพราะคิดว่าฉีดง่าย แต่เมื่อปีที่ผ่านมา พบเคสมีปัญหาฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดหลังได้รับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก ข้อมูลสำคัญคือ บริเวณคาง มีเส้นเลือดดำและแดง🖤❤️ หรือ แขนงที่เชื่อมต่อกันปริมาณมากและเชื่อมต่อกับภายในช่องปากด้วย ซึ่งยากจะคาดเดาได้บนใบหน้าจึงตัองอาศัยการวิเคราะห์จากสภาพปัญหาจริง ของผู้รับบริการแต่ละบุคคลก่อนจะวางแผนการฉีดฟิลเลอร์คับ ความแม่นยำในเนื้อหา Anatomy และเทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์เท่านั้น จึงจะสามารถรังสรรค์งานฉีดฟิลเลอร์คางให้ได้ รูปทรงที่สวยงาม✨โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การฉีดฟิลเลอร์ที่คลาดเคลื่อนตำแหน่งผิดเพียงแค่  0.1-0.2 มิลลิเมตร ย่อมทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงผิวหนังขาดเลือดที่สำคัญ ได้แก่ คาง ริมฝีปาก และ ในช่องปาก เช่น ลิ้น อีกตำแหน่งหนึ่ง ที่มีผู้รับบริการที่อินฟินิซคลินิกเป็นจำนวนมาก คือ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ ด้วยพื้นที่ในการฉีดมีจำกัด และมีเส้นเลือดเส้นประสาทพาดผ่านจำนวนมากและหนาแน่น ตลอดจนมีโครงสร้างผิวถึง 10 ชั้นทำให้การฉีดต้องอาศัยความแม่นยำสูงสุด พร้อม การใช้ตัวฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในการขึ้นทรงขมับให้ผู้รับบริการให้สวยถูกใจไร้รอยต่อ โดยไม่มีผลข้างเคียง และที่สำคัญในใบหน้าจริงมีเส้นเลือดที่วางในลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลอีกด้วย ทำให้แพทย์ต้องทำการตรวจร่างกาย ประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณที่แตกต่างกัน เพราะการวางฟิลเลอร์บริเวณนี้ ต้องอาศัยทักษะสูงเพื่อเลี่ยงการโดนเส้นเลือดแต่ยังคงต้องควบคุมให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามถูกใจผู้รับบริการมากที่สุด รวมถึงทักษะการออกแบบรูปทรงขมับให้รับกับไรผม คิ้ว หน้าผาก ดวงตา ตลอดจนโหนกแก้มของผู้รับบริการ

03 Belotero Infiniz 1

Belotero Revive ฟิลเลอร์เพื่อผิวสวยฉ่ำวาว สไตล์สาวเกาหลี

เคยสงสัยกันมั้ย ว่าทำไมดาราเกาหลี หรือคนเกาหลีถึงดูผิวใส ฉ่ำวาวกันมาก นั่นก็เพราะว่าพวกเค้าได้มีการบำรุงและปรนนิบัตรผิวหลายอย่าง รวมถึงการเข้าคลินิกเพื่อทำหัตถการความงามต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์งานผิวหรือการดริปวิตามิน สำหรับที่ Infiniz Clinic ก็มีการฉีดฟิลเลอร์เพื่อสร้างผิวกระจกประดุจหนุ่มสาวเกาหลี อย่าง โปรแกรม Belotero Revive ซึ่งในวันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกันมากขึ้นว่าดียังไง สำหรับงานผิว จุดเด่นมีอะไรบ้าง ต่างกับ Rejuran ยังไง ที่สำคัญหากฉีด Belotero Revive สามารถทำหัตถการอื่นได้หรือเปล่า คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว Belotero Revive ดียังไง สำหรับงานผิว โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero revive งานผิวจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการผสมผสานสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่าง Hyaluronic acid และ Glycerol ที่ผลิตภายใต้กระบวนการผลิตโดยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติหลังทำ ฟิลเลอร์ Belotero revive ช่วยปรับคุณภาพผิวได้มากถึง 4 มิติ  เพิ่มความยืดหยุ่น และความกระชับให้แก่ผิว ช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ลดขนาดของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนเล็กลง แก้ปัญหาริ้วรอยบนผิว ให้เรียบเนียน ลดปัญหาหลุมสิวให้ตื้นมากขึ้น  ลดการระคายเคือง ลดความแดง ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดความหมองคล้ำ รอยแผลเป็น ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ปรับสีผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวเงา ผิวฉ่ำวาว เหมือนผิวกระจก Belotero Revive มีจุดเด่นอะไรบ้าง เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นผิว ตัว Belotero revive มีความแตกต่างที่มีส่วนผสมของสาร Hyaluronic acid และ Glycerol ในขณะที่แบรนด์อื่นๆมีแค่สาร Hyaluronic acid  โดยการผสมผสานระหว่างสาร Hyaluronic acid (HA) 20mg/ml และ Glycerol 17.5mg/ml ของ Belotero Revive ส่งผลให้เมื่อฉีดลงบนผิวหน้าของผู้รับบริการแล้ว จะเกิดผลที่แตกต่างจากฟิลเลอร์งานผิวตัวอื่นๆ ดังนี้  ความแตกต่างระหว่าง Belotero Revive กับ Rejuran  Belotero Revive จะโดดเด่นในเรื่องของการกักเก็บความชุ่มชื้นได้สูงกว่า เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Glycerol ที่ช่วยเรื่องการอุ้มน้ำ และ Hyaluronic acid ที่ช่วยในเรื่องการดึงดูดน้ำเข้าสู่เซลล์ผิวซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวขาดความชุ่มชื้น ใบหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และรูขุมขนกว้างได้ดี  ส่วน Rejuran จะมีส่วนผสมหลักจาก PN (Polynucleotide) ที่สกัดจาก DNA Salmon และเป็น DNA ที่มีความคล้ายคลึงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมผิวในระดับลึก และแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวเนียนใสดูอ่อนเยาว์ขึ้น จะมีความโดดเด่นในเรื่องการซ่อมแซมเซลล์ และช่วยให้โครงสร้างผิวทั้งผิวชั้นบน และคอลลาเจน ให้มีความแข็งแรงและการจัดเรียงตัวที่ดีกว่า ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวอักเสบ รอยแดง ปรับความหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ฟื้นฟูหลุมสิว ซ่อมแซมเซลล์ผิวจากโครงสร้างภายในทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ ทั้งสองหัตถการก็สามารถฉีดร่วมกันได้ เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวที่ดูดี อิ่มน้ำ ผิวกระชับ ดูเรียบเนียน โดยที่ Rejuran และ Belotero revive จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของการทำให้ผิวฉ่ำวาว ปรับผิวให้กระจ่างใส และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในส่วนของความแตกต่างกันนั้น โดย rejuran จะช่วยปรับให้ผิวโดดเด่น เล่นแสงไฟได้ดีกว่า หรือคล้ายผิวกระจกนั่นเอง ฉีด Belotero Revive แล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม  การฉีดฟิลเลอร์ Belotero revive สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ เพื่อแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย และ ส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Ulthera / Ultraformer MPT หัตถการ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือ เครื่องเลเซอร์ยกกระชับอื่นๆ ซึ่งลำดับในการทำขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่คนไข้แต่ละท่านมี และความต้องการที่อยากจะแก้ไข หมอแนะนำส่งรูปหน้าให้ประเมินปัญหาผิวเบื้องต้นก่อนได้เพื่อการวางแผนการรักษาที่ละเอียดและชัดเจนมากขึ้น  ผิวใส งานสวย ต้องมาทำที่ Infiniz Clinic ฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic เราให้บริการด้วย Product แท้ทุกยี่ห้อที่นำมาใช้ที่คลินิกล้วนแล้วแต่ผ่าน อย. ทั้งหมด รับรองได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าอย่างถูกต้องจากบริษัทตัวแทนจำหน่าย 100% ดังนั้นเมื่อคุณเข้ามาใช้บริการกับเรา นอกจากจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์อย่างหมออู๋ ณัฐพล ที่คอยตรวจสอบสภาพผิวและแนะนำการรักษาตลอดจน ควบคุมปริมาณและความเหมาะสม รวมไปถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นเฉพาะผิวของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง Infiniz clinic ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ติดกับ  BTS ชิดลม ดังนั้นหากคุณกำลังสนใจที่สนใจเรื่องงานผิว ฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่ Infiniz clinic คือคำตอบสำหรับทุกท่านครับ 

02 ปัญหาใต้ตาคล้ำ Infiniz 1

บอกลาปัญหา! ใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหลด้วย Filler จาก Infiniz Clinic

เรื่องของใบหน้า ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะให้ความสำคัญ เพราะใบหน้ามักจะเป็นจุดแรกที่คนภายนอกมองเห็น บางอาชีพ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ใบหน้าในการทำงาน ดังนั้นจะปล่อยให้หน้าเกิดปัญหา หรือไม่สดใสไม่ได้ ซึ่ง หนึ่งในเรื่องที่กวนใจมากที่สุด คือปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ซึ่งในวันนี้ Infiniz Clinic จะพาทุกคนไปดูถึงสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาหมองคล้ำ ใช้ฟิลเลอร์ตัวไหน สำหรับแก้ปัญหาดังกล่าว ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและใครคือคนที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รับรองเลยว่าคุณจะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น ปัญาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร 1. พันธุกรรม พันธุกรรม ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหลได้ เนื่องจากมีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้เชื้อชาติก็นับว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตา เช่น คนอาหรับ อินเดีย จะมีใต้ตาคล้ำที่เยอะกว่าคนชาติอื่น ๆ 2. อายุเพิ่มขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันภายในร่างกายจะลดลงตามช่วงวัย ซึ่งไขมันที่อยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เช่นเดียวกัน เมื่อไขมันลดลง ก็จะส่งผลให้รอบดวงตามีความหมองคล้ำไปด้วย ไม่เพียงแค่นั้น การยุบตัวของกระดูก ก็จะส่งผลให้เกิดร่องตาลึก และเห็นใต้ตาคล้ำมากขึ้นเช่นเดียวกัน 3. ถุงใต้ตา ความหมองคล้ำที่เกิดจากถุงใต้ตา เกิดจากถุงไขมันใต้ตาและหลอดเลือดส่วนเกินที่ไปเลี้ยงบริเวณใต้ตา จนเห็นเงาเส้นเลือดจนมืด นอกจากนี้ ถุงไขมันก็จะนูนขึ้นด้วย อีกทั้งยังสร้างเงาบริเวณใต้ตา หรือเห็นร่องและจุดด่างดำบริเวณร่อง สามารถรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อขจัดไขมันส่วนเกินออกไป ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาเรียบเนียนกระชับ เป็นธรรมชาติ 4. โรคภูมิแพ้ หลอดเลือดดำรอบดวงตาของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ การแพ้อาจทำให้เกิดอาการคันตา ระคายเคือง และแม้กระทั่งทำให้คนขยี้ตา การเสียดสีบ่อยครั้งจะรบกวนผิวหนังรอบดวงตา ซึ่งไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ในผิวหนังให้ผลิตเมลานินมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ผิวใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย 5. แสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ มีผลกระทบโดยตรง เนื่องจากผิวใต้ตาบอบบางมาก ผิวหนังใต้ตาของคุณอาจจะบางลงจนมองเห็นเส้นเลือดบริเวณดวงตาได้ชัดเจน และทำให้ใต้ตาดูคล้ำ หากคุณต้องเจอกับแสงแดดเป็นประจำ นอกจากนี้ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการผลิตเม็ดสีผิวมากขึ้น ทำให้ผิวที่บอบบางใต้ตาดูมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย 6. การพักผ่อนน้อย มีความเครียด การใช้สายตามากเกินไป ฯลฯ การอดนอนและการพักผ่อนรวมถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มันกลายมาเป็นเพื่อนกับรอยคล้ำเพราะอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้รอยคล้ำใต้ตาแย่ลงได้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการรักษารอยคล้ำจึงต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี มีความแตกต่างกันยังไง ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane  สำหรับฟิลเลอร์ Restylane ยี่ห้อแรกนี้ จะมี 2 ส่วนที่โดดเด่น คือ NASHA techology และ OBT technology ซึ่งเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ตัวฟิลเลอร์เกิดความหลากหลาย และได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากความหลากหลาย ทำให้เหมาะกับผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละปัญหา โดยทั้งนี้ Restylane ที่เหมาะจะฉีดบริเวณใต้ตา มี 4 รุ่นด้วยกันดังนี้ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero  เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและกลืนตัวกับผิวค่อนข้างมาก มีจุดเด่นคือสามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาแอ่งลึกใต้ตา  แก้ปัญหาใบหน้าตอบ จากสาเหตุการทรุดตัวของกระดูก และชั้นไขมันที่หายไป โดยสามารถฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก เพื่อให้โครงสร้างบริเวณใต้ตาได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น สำหรับการฉีดใต้ตา รุ่นที่แนะนำคือ ฟิลเลอร์ Juvederm  เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกาที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand by Abbvie  โดยคุณสมบัติเด่นของเนื้อฟิลเลอร์จะมี Crosslink (จำนวนการเชื่อมพันธะ) ที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง เติมเต็มได้ดีขึ้น และเก็บน้ำได้ดี โดยเจลในกลุ่ม VyCross มีความสามารถขึ้นทรงยึดเกาะเฉพาะจุดที่ดี แต่ก็สามารถกลืนตัวกับผิวได้ดีเช่นกัน หลังฉีดจึงมีความเรียบเนียน ทำให้ฉีดแล้วไม่ฟูมากเกินไปจนผิดธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี โดยรุ่นของฟิลเลอร์ Juvedermที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา หมอจะแนะนำ 3  รุ่นดังนี้ครับ ทั้ง 3 รุ่นนี้จะมี Vycross ที่เป็นเทคโนโลยีในเรื่องของการยกระชับ เพราะมีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น หลังฉีดยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน ซึ่งถ้าหากจะถามว่าฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี จากประสบการณ์ของหมอแล้ว ฟิลเลอร์ Juvederm ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ผลข้างเคียงหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รอยบวม หรือรอยเข็มที่มีสาเหตุมาจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว ซึ่งไม่ต้องกังวล รอยเข็มจะค่อย ๆ หายไปภายในระยะเวลา 2-3 วัน ในเรื่องของอาการบวมจะลดลง ฟิลเลอร์จะกลายเป็นธรรมชาติ จะใช้เวลาราว ๆ 2 สัปดาห์ ถึงจะหาย 100% ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา  เลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Infiniz Clinic ปลอดภัย 100% การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาค่อนข้างเป็นบริเวณที่ พบปัญหาได้ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะ ปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน จึงขอแนะนำผู้รับบริการศึกษาถึง ประสบการณ์ของแพทย์ จำนวนปีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ โดยเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Infiniz Clinic สำหรับโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่อินฟินิซ คลินิก ผู้รับบริการจะมั่นใจได้เลยว่าฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ เป็นของแท้แน่นอน 100% เพราะเรานั้นให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความซื่อตรงต่อลูกค้าเป็นอันดับแรก  ทุกหัตถการการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควบคุมโดย แพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูงทุกขั้นตอน นั่นคือ คุณหมออู๋ ณัฐพล คอยให้คำปรึกษา วิเคราะห์ปัญหาใต้ตา ร่วมกับการเลือกตัว HA Filler products  พร้อมใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะตัว ไม่เกิดผลข้างเคียงทั้งหลังฉีดและในระยะยาว เพื่อต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามารับบริการได้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจในทุกเคส ดังนั้นถ้าคุณอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยากให้ลองมาที่ Infiniz Clinic เพื่อรับการวิเคราะห์ และ การรักษาที่ตรงจุด ปลอดภัยทุกขั้นตอน และได้ผลหลังทำตามที่ใจปรารถนาค่ะ  โปรโมชั่นฟิลเลอร์ใต้ตาที่อินฟินิซ คลินิก เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC

01 โหวงเฮ้งปาก Infiniz 1

เสริมโหงวเฮ้งด้วยทรงปาก โดดเด่นเรื่องการงาน การเงิน โชคลาภ

ในยุคปัจจุบันการทำฟิลเลอร์ปากไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ในบางคน ทำเพื่อเสริมโหงวเฮ้งให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเงิน โชคลาภ หรือเรื่องอื่น ๆ ในวันนี้ทาง Infiniz clinic เลยอยากมาแนะนำว่าทรงปากมีแบบไหนบ้าง ทรงแบบไหนที่เสริมให้โหงวเฮ้งดี และทำแบบไหนที่ไม่ดี ให้คุณได้ประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์เพื่อป้องกันความผิดพลาด รู้จักทรงปาก ก่อนทำฟิลเลอร์ปาก ก่อนจะทำฟิลเลอร์ปาก ต้องรู้จักทรงปากก่อน ซึ่งทรงปากที่ได้รับความนิยมในตอนนี้จะมีหลัก ๆ 3 ทรง ได้แก่ ทรงเกาหลี ทรงฝรั่งสายฝอ และทรงปากกระจับ โดยมีรายละเอียดแต่ละทรงดังนี้ ฟิลเลอร์ปากทรงเกาหลี ทรงปากสายเกาหลี หรือมีอีกชื่อว่า ทรง Cherry Lips ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นแบบไหน ให้ลองจินตนาการถึง ลูกเชอร์รี่ 2 ลูก ประกบกันอยู่บริเวณกลางริมฝีปากบนและล่าง ซึ่งจะดูอิ่มฟูกว่าด้านข้างด้วย ทรงปากสายเกาหลีนี้ จะช่วยทำให้ปากดูอวบอิ่ม ปากเต็ม ฟู และยังเสริมให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง ฟิลเลอร์ปากทรงฝรั่งสายฝอ ทรงปากฝรั่งสายฝอ มีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกจะเป็นแนวอวบอิ่ม เซ็กซี่ โดยริมฝีปากล่างจะหนา ส่วนริมฝีปากบนจะเจ่อเล็กน้อย อีกแบบจะเป็นปากอวบอิ่ม คือ ทั้งริมฝีปากล่างและบนจะหนา สำหรับสายฝอ ขึ้นอยู่ที่ว่าตัวคุณต้องการแบบไหน ซึ่งในปัจจุบัน ทรงปากสายฝอกำลังฮิต เพราะนอกจากจะทำให้ปากดูอิ่มแล้ว ยังเพิ่มลุคน่าค้นหาหรือเซ็กซี่มากขึ้น  ฟิลเลอร์ทรงปากกระจับ สำหรับทรงยอดฮิตทรงสุดท้าย ทรงปากกระจับ ทั้งริมฝีปากส่วนบนและส่วนล่าง จะได้รูปสวยงาม ซึ่งรับกับใบหน้าได้ดี ทรงปากจะโค้งเหมือนผลกระจับ นอกจากชื่อนี้ ยังมีอีกชื่อ คือ ปากปีกนก เนื่องจากมุมปากจะมีความเรียวและยกสูงขึ้นคล้ายกับปีกนก เป็นหนึ่งในทรงปากที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า และมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด  ฟิลเลอร์ปากเปลี่ยนโหงวเฮ้งได้จริงไหม  สำหรับสิ่งที่หลาย ๆ คนสงสัยว่าฟิลเลอร์ปาก ช่วยเปลี่ยนโหงวเฮ้งได้จริงไหม ถ้าอ้างอิงตามหลัก โหงวเฮ้ง ที่เป็นศาสตร์ในการทำนายสมบัติของคนจากรูปลักษณ์ภายนอก โดยใช้หน้าตาในการอ้างอิง ที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน และใช้กันอย่างแพร่หลาย การทำให้ใบหน้าโดยเฉพาะปาก ถูกตามหลักโหงวเฮ้ง สำหรับคนที่มีความเชื่อ อาจจะช่วยดึงดูดให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นได้จริง  เพราะใบหน้าและปาก ถือเป็นจุดรวมในการพิจารณาจิตใจ รวมถึงสุขภาพในภาพรวม และริมฝีปากเอง ก็ยังสามารถทำนายได้ถึงปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วยเช่นกัน แต่สำหรับสิ่งที่หลาย ๆ คนสงสัยว่าฟิลเลอร์ปาก ช่วยเปลี่ยนโหงวเฮ้งได้จริงไหม จนถึงตอนนี้ ก็ต้องบอกตามตรงว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคลเท่านั้น โดยอาจจะต้องดูองค์ประกอบส่วนอื่นของใบหน้าเพื่อให้รับกันได้เป็นอย่างดีทั้งหมด ทรงปากแบบไหนที่โหงวเฮ้งดี vs ไม่ดี  ในส่วนนี้เราจะพามาดูว่าทรงปากแบบไหนที่โหงวเฮ้งดี และทรงปากแบบไหนที่ทำให้โหงวเฮ้งไม่ดี ทรงปากที่โหงวเฮ้งดี ทรงปากที่โหงวเฮ้งดี จะมีขนาดของปากที่ได้มาตรฐาน มุมปากไม่เกินบริเวณกลางตา อีกแบบของทรงปากที่ดี จะต้องมีหยักตรงบริเวณมุมปากทั้งสองข้าง อาจจะตรงหรือช้อนขึ้นเล็กน้อย มีขนาดที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล เมื่อปากมีโหงวเฮ้งดี หากเป็นผู้ชาย จะเป็นคนที่มีบุญและวาสนาดี หากมีคู่ก็จะช่วยเหลืออุปถัมภ์กันและกัน เกิดความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ กล้าคิดกล้าลงมือทำ ตำแหน่งหน้าที่การงานดี ทำงานใหญ่ได้สำเร็จลุล่วง หากเป็นผู้หญิง จะหัวแข็งไม่ยอมใคร ทำงานเก่ง และหาเงินได้เก่งกว่าผู้ชาย ไม่จมปลักอยู่กับอดีต พูดตรง มีความซื่อสัตย์ มองไปแต่อนาคตข้างหน้าเท่านั้น ทรงปากที่โหงวเฮ้งไม่ดี  ทรงปากที่โหงวเฮ้งไม่ดี ปากจะมีลักษณะบางเฉียบ หากเป็นผู้ชายจะเต็มไปด้วยเล่ห์กล ขาดความอดทน ไม่สนใจเรื่องความรัก หากเป็นผู้หญิง ปากจะพูดแต่เรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ มักจะชอบนินทาผู้อื่น ชอบโกหก ชอบเถียง มองโลกในแง่ร้าย ขี้น้อยใจ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เกิดภาวะมีลูกยาก หรือถ้าเกิดว่ามีลูกก็จะไม่แข็งแรง และเลี้ยงยาก ทำฟิลเลอร์ปาก ใช้ยี่ห้อไหนดี  ฟิลเลอร์ปากทาง Infiniz เลือกใช้ มี 2 ยี่ห้อหลัก และมีรุ่นสำหรับทำฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะดังนี้ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm เลือกฟิลเลอร์ปากที่ Infiniz Clinic ปลอดภัย 100% ที่ Infiniz Clinic พร้อมให้บริการฉีดฟิลเลอร์ปาก จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณหมออู๋ ณัฐพล แพทย์ผู้สอนการฉีดฟิลเลอร์  โดยการเริ่มการฉีด ต้องมีการประเมินสภาพริมฝีปากและสภาพปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล  โดยการใช้เทคนิคพิเศษในการเติมเพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงและการสร้างผลลัพธ์การเติมฟิลเลอร์ปากให้ตรงใจผู้รับบริการ โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นของแท้ มีความปลอดภัย 100% โปรโมชั่น การเติมฟิลเลอร์ปากที่ Infiniz clinic อยู่ที่ 18,000 บาท / cc

07 แก้ฟิลเลอร์ใต้ตาที่เป็นก้อน Infiniz 1

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย สามารถแก้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ไหม

ปัญหาหนึ่งที่เจอได้เยอะในกลุ่มผู้เข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ นั่นคือ พบภาวะหลังฉีดเกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน  ไม่เรียบเนียน ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ การประเมินปัญหา และเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือผู้รับบริการควรศึกษาข้อมูลสำคัญก่อนตัดสินใจทำหัตถการใด ๆ เกี่ยวกับความสวยงามของตัวเองเสมอ หนึ่งในนั้นคือ  การเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งพิจารณาแพทย์ที่จะทำการรักษา ประวัติความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงผลงานการรักษาของแพทย์โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาเนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องใช้ประสบการณ์สูงเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่สวยงามไร้ผลข้างเคียง ไม่มีก้อน Infiniz clinic จะพาไปทำความรู้จักและเข้าใจกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ วิธีแก้ พร้อมหลักการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้ถูกวิธี ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อนเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ? ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เป็นลำ ผิดปกติ มีได้หลายสาเหตุ ก็จะมีเรื่องของตัวยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์เอง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการ ฉีดแก้ปัญหาใต้ตา เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการจัดวางที่ผิดปกติ รวมถึงลักษณะกล้ามเนื้อกล้ามในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น ในบางกรณีผู้รับบริการมีกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาที่มีความแข็งแรงมาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอยู่บริเวณนั้นอาจทำให้เกิดการดันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ออกจากบริเวณที่ต้องการได้ หมอได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เป็นลำ หรือ บวมผิดปกติได้ดังนี้ เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ แพทย์ผู้ฉีด มีความจำเป็นต้องรู้จักกายวิภาคศาสตร์ปัญหาของบริเวณใต้ตา ร่วมกับสามารถประเมินปัญหาได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งต้องอาศัยประสบการณ์ในการเลือกชนิดของ HA FILLER ในการแก้ปัญหาร่องใต้ตาในผู้รับบริการแต่ละคนได้อย่างดี และที่้สำคัญที่สุด เทคนิคเฉพาะตัวที่จะเป็นตัวกำหนดผลหลังฉีดให้ได้ผลงานที่เติมเต็มใต้ตาได้อย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติ และ ไม่เกิดก้อน หากแพทย์ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์การฉีด ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดก้อน หรือ เกิดลำ ขึ้นได้  ชนิดของฟิลเลอร์ ต้องเลือกชนิดที่ความเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะฉีด เช่น การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น restylane classic Restylane Defyne Juderm Volift and Voluma เหมาะกับการเติมในส่วนลึกเพื่อสร้างโครงสร้างเบ้าตาให้ดูเต็มขึ้น และมีมิติมากขึ้น โดยแพทย์จะต้องประเมินปัญหาจากการตรวจสภาพปัญหาผิวจริงก่อนทำการรักษาอีกครั้ง เนื่องจากสภาพผิวและปัญหาย่อมมีความแตกต่างกัน ระหว่างบุคคล  การเลือกชนิดของ HA Filler ที่ถูกต้อง จะมีผลให้การรักษามีความสวยงาม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติหลังทำ และ ขยับใบหน้าหรือยิ้มแสดงสีหน้าได้ตามปกติ  ปริมาณที่ใช้ฉีด การคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่จะฉีดมีความสำคัญมากอีกประการหนึ่ง โดยความแม่นยำในการคำนวณปริมาณฟิลเลอร์เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวในการฉีดฟิลเลอร์มาจำนวนมาก จึงจะสามารถคาดคะเนปริมาณฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนเกินความจำเป็นในแต่ละจุดที่รักษา จนทำให้เกิดผลข้างเคียงถูกดันออกไปในบริเวณใกล้เคียง หรือเกิดปัญหา ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นลำ ในเวลาต่อมานั่นเอง  มีอาการบวมหลังฉีด โดยปกติหลังการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะมีอาการบวมเล็กน้อย ประมาณ 3-5 วัน เท่านั้น ดังนั้นการประเมินการฉีดฟิลเลอร์ต้องรอให้อาการบวมยุบลง จนอยู่ในระดับที่ปกติ จนแน่ใจว่า หลังฉีดฟิลเลอร์มีก้อนหรือลำฟิลเลอร์ที่ผิดปกติหรือไม่ โดยทั่วไปการประเมิน มักทำที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง  ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ปลอมในที่นี้จะหมายถึง ฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ Hyaluronic acid และจะไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ผ่านมาตรฐาน อย.ไทย หรือ อาจจะเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid ที่ทำเลียนแบบขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่า ประสิทธิภาพของตัว HA อาจจะมีความไม่เสถียร เกิดปฏิกิริยากับผิวหนังบริเวณที่ฉีด และ อาจจะเกิดการเกาะเป็นกลุ่มเป็นก้อนไหล ไหลย้อยไม่เป็นทรง และอาจเป็นอันตรายกับผู้รับบริการได้ ดังนั้น ผู้รับบริการควรขอดูผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนฉีดเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ถูกต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ตลอดจนนำเข้าโดยบริษัทตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น  ฟิลเลอร์เป็นก้อนแบบไหนปกติ VS ผิดปกติ ? ก้อนที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ในช่วงแรก เกิดจากอาการบวมของเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบหรือจากอาการระบมจากเข็มที่ส่งผ่านฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวที่ต้องการ โดยผู้รับบริการอาจจะรับรู้ได้จากการคลำได้เป็นก้อนขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีอาการบวม แดง ร้อน อาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยไม่มาก ไม่สามารถมองเห็นได้เอง โดยก้อนลักษณะแบบนี้จะชัดเจนในช่วงแรก และ จะค่อยๆยุบลง จนเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บใดๆ ใน 2 สัปดาห์  อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนที่ผิดปกติ เช่น ภาวะฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว ทำให้เวลาแสดงสีหน้าแล้วมีก้อนฟิลเลอร์ดันออกมาจากผิว แสดงว่าเป็นภาวะที่ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น เข้าไปอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ หรือการฉีดใน ชั้นผิวส่วนตื้นแล้วไม่กลืนตัวเข้ากับผิว โดยภาวนะนี้มักเกิดจากการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ผิดชนิดหรือประเภทนั่นเอง  อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนและมีอาการบวม แดง ร้อน และ เจ็บเมื่อสัมผัส โดยมักเกิดขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วประมาณ 3 วัน ภาวะนี้เกิดจากการติดเชื้อที่ตัวฟิลเลอร์ หากเกิดสงสัยภาวะนี้ แนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพปัญหา และ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะร่วมกับการรักษาอื่นๆ ต่อไป แก้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนทำยังไง ? การแก้ไขปัญหา ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีอยู่ 3 วิธีหลักๆ โดยแพทย์ต้องทำการประเมินสภาพปัญหาที่ใบหน้าผู้รับบริการเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจบริเวณที่ผิดปกติ ร่วมกับประวัติชนิดของฟิลเลอร์ที่ได้รับการฉีดมา โดยทั่วไปฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic acid สามารถฉีดสลายตรงบริเวณที่มีก้อนหรือลำผิดปกติได้เลย แต่ถ้าหากไม่ใช่ สารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid หรือฟิลเลอร์ปลอม อาจจะมีการเจือปนจำเป็นต้องทำการขูดหรือผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออกเท่านั้น  การฉีดสลายฟิลเลอร์ หากฉีดฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid ก็สามารถฉีดสลายได้โดยใช้ Hyaluronidase ในการฉีดสลาย หลังฉีดสลายจะเห็นผลหลังฉีดทันทีโดยฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอยู่เช่นบริเวณใต้ตานูนเป็นลำผิดปกติก็จะสลายไปทันที ถือว่าเป็น Antidode ในการรักษาการฉีด Hyaluronic acid โดยเฉพาะนั่นเอง  ผลภายหลังจากการฉีดสลายฟิลเลอร์ ด้วย Hyaluronidase จะทำให้ฟิลเลอร์ค่อยๆยุบตัวลง และสลายหายไปในที่สุด โดยในเคสที่พบบ่อยคือ มีการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาจากที่อื่นแล้วผู้รับบริการรู้สึกไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ออกมาก็สามารถฉีดสลายออกได้เช่นกัน จะเห็นผลหลังฉีดทันทีในบางส่วนประมาณ 50% โดยระยะเวลาการสลายทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์  การขูดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวรหรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายเองได้ โดยพบได้ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ แพทย์ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในความปลอดภัยของฟิลเลอร์ชนิดนั้นๆ โดยการขูดฟิลเลอร์จะเอาออกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ประมาณ 50-70 % ไม่สามารถนำออกได้ทั้งหมด  การทำศัลยกรรมผ่าตัดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือซิลิโคนเหลว  ทำให้เกิดก้อนขนาดใหญ่ หรือ ผิดรูป เมื่อนานวันเข้า อาจจะมีอาการไหลย้อนเปลี่ยนที่ได้อย่างง่ายดาย ในบางเคส มีการฉีดในชั้นผิวมานาน จนเกิดพังผืด โดยส่วนมากถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดแต่ก็ไม่สามารถเอาออกได้ทั้งหมด 100% ขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งที่ฉีด บางบริเวณจะต้องเลี่ยงเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด เช่น ผิวทะลุ หรือ เส้นประสาทอาจจะเกิดอันตรายได้ในระหว่างการทำผ่าตัด หลักการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้ถูกวิธี ? การแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ สามารถเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ ที่ขึ้นทรงได้ดี ในการแก้ปัญหาเบ้าตาลึก หรือใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียดอ่อนนิ่ม ที่มีการกลืนตัวสูงในการแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาระดับตื้น ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวบริเวณใต้ตา และ โครงสร้างสรีรวิทยา ของแต่ละบุคคลนั่นเอง  การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่อุ้มน้ำไว้มากเกินไป หรือมีการพองตัวสูงหลังจากฉีดไปแล้ว อาจจะเกิดภาวะใต้ตาบวมจนรูปหน้าเปลี่ยนไปได้ หรือ การเลือกฟิลเลอร์ที่แข็งเกินไป ก็ย่อมทำให้เกิดภาวะฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นลำ ผิดปกติ โดยเฉ​พาะเวลายิ้มอาจจะเห็นความผิดปกติที่ชัดเจนมากขึ้นได้อีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้อยู่ 3 ยี่ห้อคือ Restylane , Juvederm และ Belotero เนื่องจาก 3 ยี่ห้อนี้มีคุณสมบัติเด่น คือฉีดแล้วคงรูป ไม่พองตัวมากเกินไป มีชนิดที่ตัวเจลอ่อนนิ่ม ไม่เป็นก้อน และมีลักษณะโมเลกุลที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตา แก้ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน ที่ Infiniz Clinic ดีกว่าที่อื่นยังไง ?  อันดับแรกที่อินฟินิซ ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้แน่นอน 100% เราให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความซื่อตรงต่อลูกค้า รวมถึงทางคลินิก ควบคุมการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง หมออู๋ ณัฐพล ก่อนทำการรักษาจะต้องมีการตรวจสภาพผิวหน้า ประเมินปัญหาร่วมกับผู้รับบริการทุกครั้งและคุณหมออู๋ เป็นผู้คิดค้น เทคนิคพิเศษเฉพาะตัวในทุกตำแหน่งปัญหาของใบหน้า โดยอาศัยประสบการณ์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์มามากกว่า 15 ปี ทั้งนี้  เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจสูงสุด โดยปราศจากผลข้างเคียง โดยเฉพาะโปรแกรม Daisy Eyes เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบัน ลดปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเป็นลำผิดปกติได้  100%   ราคาโปรโมชั่น ฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC 

08 Exosome Infiniz 1

ฉีด Exosome คืออะไร? อันตรายหรือเปล่า? พร้อมวิธีการดูแลตัวเองก่อนฉีด

ช่วงนี้เทรนด์การสร้างผิวสุขภาพดีกำลังมาแรง คุณอาจจะเห็นตามสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่แนะนำให้ไปทำหัตถการ ทำเลเซอร์ หรือการใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ ฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ชุ่มชื้น เรียบเนียน แก้ไขร่องลึก ริ้วรอยตื้น หรือแม้กระทั่งรอยหลุมสิว ซึ่งในวันนี้ทาง Infiniz Clinic จะขอแนะนำให้รู้จักกับอีกหนึ่งหัตถการที่น่าสนใจ นั่นคือ ตัว Exosome โดยในวันนี้เราจะบอกให้คุณรู้เกี่ยวกับการฉีด Exosome ดีไหม มีความแตกต่างยังไงกับฟิลเลอร์และอันตรายหรือไม่  ฉีด Exosome คืออะไร มีส่วนประกอบใดบ้าง ? Exosome คือ รูปแบบของถุงบรรจุขนาดนาโนเมตรที่ประกอบไปด้วยสาร ประกอบทางอนุภาคเคมีระดับเซลล์ที่ถูกปล่อยออกมาจากสเต็มเซลล์ (Stem Cell) โดยหลักๆคือ ทำหน้าที่ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล (Parakine) กว่า 1,000 ชนิด เช่น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acids และโปรตีนต่าง ๆ มากมาย โดยช่วยส่งสัญญาณระดับเซลล์ให้มีการทำงานที่ดีมากขึ้น และพัฒนาเป็นเซลล์ปกติที่มีการทำงานอย่างสมบูรณ์และแข็งแรงเพียงพอ ดังนั้น จึงมีผู้คิดค้นประโยชน์ของรูปแบบการเก็บสารประกอบทางชีวเคมีระดับเซลล์เหล่านี้จาก stem cell มนุษย์ สกัดออกมาอย่างถูกต้อง ปลอดเชื้อ และคงสภาพการทำงานไว้ได้ 100 %  เพื่อใช้เป็นเทคโนโลยีในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ ด้วยอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนที่มีขนาดเล็กกว่าเซลล์โดยทั่วไปถึง 1/1,000 เท่า มีขนาดของอนุภาคเพียง 30-100 นาโนเมตร โดยมีส่วนประกอบมากกว่า 1,000 ชนิด เช่น กรดไขมัน กรดอะมิโน โปรตีน จึงทำให้เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้ว จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวหนัง และกระตุ้นการทำงานให้ฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสวยงาม Growth Factor Growth Factor คือ สารกลุ่มโปรตีนระดับชีวโมเลกุลขนาดเล็กที่เซลล์ร่างกายผลิตขึ้นมากระตุ้นการทำงานของเซลล์โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ในรูปแบบปกติ การซ่อมแซมเซลล์ให้ทำงานปกติ ลดการบาดเจ็บ ลดการอักเสบ รวมทั้งบางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังให้อยู่ในระดับปกติ การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนัง (Cell Differentiation) ให้อยู่ใน Cycle ปกติที่ 21-28 วัน เหนี่ยวนำกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรงสวยงาม และการสร้างกรดไฮยาลูรอนิค ในเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ผิวหนังให้มีการทำงานที่เป็นปกติ เพื่อเก็บน้ำสร้างความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน ปัจจุบัน Exosome จึงทำให้ช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัยให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ  Cytokine  Cytokine คือ สารประกอบโปรตีนชีวเคมีขนาดเล็กที่ผลิตจากเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่เป็นตัวสื่อสารกับเซลล์เม็ดเลือดขาว เกิดขึ้นเวลาเซลล์มีการบาดเจ็บหรืออักเสบ ทำหน้าที่ทั้งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและรักษาบาดแผล ลดอาการอักเสบต่างๆ ของผิว ในส่วนประกอบที่คัดเลือกมาบรรจุใน Exosome จะเลือกใช้ส่วนที่ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังให้คืนสภาพอ่อนเยาว์ เช่นเดิม  Micro RNA : miRNA Micro RNA : miRNA คือ สายโมเลกุล RNA ขนาดเล็ก ทำหน้าที่ควบคุมการแสดงออกของยีนและควบคุมระดับ mRNA ในเซลล์ ในระดับของ Exosome จะเลือกกลุ่ม mRNA ที่ดีโดยกระตุ้นการทำงานของยีนที่ดีเพื่อสร้างโปรตีน กระตุ้นให้การทำงานของเซลล์เป็นไปอย่างเป็นระเบียบและแบบแผนที่ถูกต้อง และยับยั้งการทำงานยีนที่ผิดปกติ เพื่อให้เซลล์มีประสิทธิภาพในการ ซ่อมแซม ฟื้นฟู ลดการอักเสบ และช่วยชะลอวัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังควบคุม การสร้างเซลล์ที่ผิดปกติอีกด้วย  Biological compounds  Biologica คือ สารชีวโมเลกุลต่างๆ ที่สเต็มเซลล์สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการรักษา และปรับสมดุลภายในเซลล์ เสริมสร้างเซลล์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กรดไขมัน โปรตีน กรดอะมิโนต่างๆ โดยพวกนี้มีผลต่อการทำงานของพวกเอนไซม์ หรือ เป็น Catalyst / Co-Factor ให้การทำงานของเซลล์ในการเจริญเติบโต มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ความแตกต่างระหว่างฉีด Exosome กับ ฟิลเลอร์ Stem cell Exosome (Exosome)  ผ่านกระบวนการผลิตจาก Biochemical Parakine (สารเคมีที่ส่งสัญญาณการทำงานระหว่างเซลล์) ของ Umbilical Cord Cell Line (เซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือเด็กแรกเกิด) นั่นเอง ซึ่งส่วนประกอบที่บรรจุใน Exosome ก็คือสารอาหาร โปรตีน และโมเลกุลอื่นๆที่ช่วยในเรื่องการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังของเราช่วยให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ตามจุดต่าง ๆ และชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ คืนความแข็งแรงให้เซลล์ ดังนั้น Exosome จึงเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผิวหนังดูสุขภาพดี ผิวไม่แห้งโทรม ลดเลือนปัญหาริ้วรอย รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และดูอ่อนวัย ในทุกมิติ ฟิลเลอร์ มีส่วนประกอบสำคัญคือ Hyaluronic acid ชนิดที่ช่วยในเรื่องการรักษาผิวพรรณ จะมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก และ แทรกตัวเข้าสู่เซลล์ผิวได้อย่างดี โดยหลักการทำงานคือกระตุ้นให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น และ กระตุ้นการสร้าง growth Factor ในระหว่างการฉีด ทำให้เกิดผลคือคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วมีความกระชับพองตัวและมีการจัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบมากขึ้น ผลที่ได้ คือ คอลลาเจน และ อีลาสติน คืนสภาพ ผิวจึงมีความกระชับ เรียบเนียนมากขึ้น รวมทั้งช่วยในเรื่องของผิวขาดน้ำได้เป็นอย่างดี โดยฟิลเลอร์งานผิวที่แนะนำคือ Belotero Revive / Restyalne Vital Light and Juvederm Volite นั่นเอง  โดยทั้งสองหัตถการรักษาผิวพรรณ มีความแตกต่างกันจากที่มา และ ชนิดของสารที่เติมเข้าสู่ชั้นผิว โดยจุดมุ่งหมายการรักษาที่แตกต่างกัน โดยการฉีด Exosome จะช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานของฟิลเลอร์งานผิวได้ดียิ่งขึ้น จากการที่เซลล์ผิวหนังมีโปรแกรมการทำงานที่รวดเร็ว จึงทำให้เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น  ดูแลตัวเองก่อนและหลังการฉีด Exosome  การเตรียมตัวก่อนฉีด Exosome เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด โดยวิธีการเตรียมตัวก่อนทำ ประโยชน์ของการฉีด Exosome  1.ช่วยฟื้นฟูผิว ให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ในทุกมิติ  การฉีด Exosome ช่วยรักษาให้เซลล์ผิวหนังที่อ่อนแอ แข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในผิวทำให้ผิวเต่งตึง และย้อนวัยผิวได้อย่างดี ช่วยให้เซลล์มีการผลัดตัวและเจริญเติบโตอย่างปกติในช่วงเวลาที่เหมาะสม 3-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังที่ผิดปกติ หรือ เนื้องอกผิวหนัง เช่น กระเนื้อ รูขุมขนอุดตัน เป็นต้น  2.ช่วยรักษาแผล ให้แผลหายเร็วขึ้น ในช่วงการเกิดแผล Exosome ที่เข้าสู่เซลล์ผิวหนังจะลดขบวนการอักเสบ บวม แดง และ ช่วยให้มีการหลั่งโปรตีนที่จำเพาะต่อขบวนการลดการอักเสบออกมาได้อย่างดี ทำให้การหายบวมแดงของแผลรวดเร็วมากขึ้น ตลอดจนขบวนการซ่อมแซมแผลด้วยการสร้างคอลลาเจน Type 1:3 ในสัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อลดการเกิดแผลเป็นที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย  3.ช่วยลดเม็ดสีที่ผิดปกติได้จากการยับยั้งการสร้างเม็ดสี เมื่ออายุมากขึ้นสัดส่วนของเซลล์เมลานินที่ผิดปกติก็มีมากขึ้น นำไปสู่การเกิดพวก ไฝ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ผิดปกติ โดยบางทีหาสาเหตุไม่ได้ การฉีด Exosome ช่วยทำให้ชนิดของเซลล์ในชั้นผิวหนังกลับมาเป็นปกติเหมือนหนุ่มสาวอีกครั้ง จึงลดปริมาณเม็ดสีส่วนเกิน และช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจน หรือ อีลาสตินแทน ทำให้ลดการเกิดเม็ดสีผิดปกติ ขจัดเม็ดสีส่วนเกิน ด้วยขบวนการตามธรรมชาติเพื่อคืนสภาพผิวสู่ความอ่อนเยาว์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้จุดด่างดำบนใบหน้าขาวขึ้น และผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น 4.ช่วยลดอาการผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ต่างๆ ช่วยลดผื่นผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ เนื่องจากลดขบวนการอักเสบของเซลล์ผิวได้อย่างดี ทำให้โอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ Atopic Dermatitis, Seborrheic Dermatitis, Contact Dermatitis, Perioral Dermatitis หรือ Rosacea ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากขบวนการทำงานของ Exosome ที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้นั่นเอง อย่างไรก็ตามภาวะภูมิแพ้ผิวหนังที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการดูแลตัวเองเรื่องการพักผ่อน ความเครียด และการรับประทานอาหาร ผลการรักษาจึงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล  5.ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ในผู้ชายและ ผู้หญิง (Male & Female Pattern Alopecia)  เนื่องจากตัว สารอาหารและโปรตีนที่ส่งเสริมการทำงานระดับเซลล์ จาก Programmed Hair Stem Cell Line ที่คัดเลือกมาบรรจุใน Exosome มีความสามารถในการทำให้ รากผมมีขนาดใหญ่มากขึ้น ส่งผลให้ผม มีขนาดใหญ่ และ หนามากขึ้น จึงนำมาใช้ในการฉีดกระตุ้นรากผม และ บำรุงผมให้กลับมา ดกดำ และ เพิ่มปริมาณมากขึ้น นั่นเอง อย่างไรก็ตามแพทย์ต้องมีการตรวจสภาพหนังศีรษะ และ ลักษณะของเส้นผม ก่อนทำการรักษาและเลือกชนิดของ Exosome ที่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ฉีด Exosome อันตรายไหม Exosome เป็นสารสกัดที่มาจากเซลล์เพาะเลี้ยง ของสายสะดือเด็กแรกเกิด (Umbilical Cord Cell Lne) จากบริษัทที่น่าเชื่อถือ และ มีใบตรวจสอบความปราศจากเชื้อ และ ปริมาณเซลล์ที่ชัดเจน จึงมีความปลอดภัย ตลอดจน แพทย์จะเป็นผู้ตรวจสอบ ชนิดของส่วนประกอบใน Exosome เพื่อความถูกต้องก่อนการนำมาฉีดรักษาที่ใบหน้าหรือหนังศีรษะ และด้วยขั้นตอนเหล่านี้ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ถึงความบริสุทธิ์ของ Exosome และ การนำมาใช้ได้อย่างตรงจุด และ ปราศจากผลข้างเคียง  ทางคลินิกไม่มีนโยบายการใช้ Exosome ที่ผลิตในประเทศ หรือ สารสังเคราะห์เลียนแบบ เพื่อป้องกันการเกิดสารเคมี หรือสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจือปน จะพิจารณาการรักษาโดยการใช้ Exosome ของแท้และ ผลิตด้วย LAB ที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย มีข้อมูลรายละเอียด แสดงการตรวจที่ปลอดเชื้อ และ สารปนเปื้อน เท่านั้น  ฉีด Exosome ที่ Infiniz ต่างจากที่อื่นยังไง ชนิดของ Exosome ที่นำมาใช้ที่ อินฟินิซ คลินิก มาจากห้อง LAB ที่ได้มาตรฐาน และ ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย มีใบรายงานผลความปราศจากเชื้อ และ จำนวนเซลล์ที่ชัดเจน ก่อนนำมาใช้ทำหัตถการทุกเคส จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยก่อนทำการรักษาได้ทุกรายหัตถการ  นอกจากนี้ แพทย์ต้องเป็นผู้ตรวจประเมินปัญหาและเลือกใช้ชนิดของ Exosome ที่มีความเหมาะสมกับปัญหา และเทคนิคการใช้เข็มทั้งขนาดและความลึกก็มีความสำคัญต่อผลการรักษาเช่นกัน เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ตรงจุดและประสิทธิภาพสูงสุด แพทย์ทุกท่านผ่านการ เทรนนิ่งโดย คุณหมออู๋ ณัฐพล ถึงแนวทางการเลือกใช้ Exosome การประเมินสภาพปัญหา และ เทคนิคการฉีดในผิวหนังของผู้รับบริการแต่ละท่าน

06 Product Infiniz 1

กระตุ้นคอลลาเจนให้ดูผิวอ่อนเยาว์ด้วย Collagen Biostimulator

ผิวที่ดูอ่อนเยาว์ สว่างกระจ่างใส และเฟิร์มกระชับ จะทำให้การใช้ชีวิตมีความมั่นใจมากขึ้น ส่งเสริมให้อาชีพการงานดีขึ้น ละเราก็เชื่อว่าทุกคนต่างก็ไม่มีใครอยากให้ดูผิวแก่กว่าวัย แต่สำหรับบางคน ที่เพิ่งเข้าวงการหัตถการฉีดบำรุงผิวหน้า  หรือวงการชะลอวัยอาจจะยังไม่รู้ว่า เลือกใช้วิธีการไหนถึงจะดี ในวันนี้ทาง Infiniz Clinic จะพามาทำความรู้จักกับ Original Collagen Biostimulator ที่ใช้ในการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการดูแลผิวที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้  Collagen Biostimulator คืออะไร ทำงานยังไง ? Collagen Biostimulator หรือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนคอลลาเจนเดิมที่สูญเสียไปตามอายุ  นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกที่ช่วยให้ผิวยกกระชับ คืนความแข็งแรง ความยืดหยุ่น พร้อมช่วยฟื้นคืนคุณภาพผิวให้กลับมาดียิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือนหลังจากการฉีดเพียง 1 ครั้ง โดยสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้สูงถึง 66.5% ใน 3 เดือนหลังฉีด ทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA จากอเมริกา ในเรื่องการรักษาผิวพรรณหรือความงาม ตั้งแต่ปี 2009 รวมถึงล่าสุดผ่านการรับรองจาก Thai FDA ให้นำมาใช้ในการรักษาปัญหาผิวเสื่อมจากคอลลาเจนอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการทำงาน คือ Original Collagen Biostimulator ประกอบด้วยอนุภาคของ PLLA-SCA (Poly-L-Lactic Acid : Sculptra) โดยผลิตจากโมเลกุลของ พืชที่ไม่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม เป็นโครงสร้างของน้ำตาลเชิงซ้อนและผ่านขบวนการหมักทางชีวภาพด้วย lactobacillus เกิดเป็นสารประกอบในรูปแบบ Polymer ที่โครงสร้างเข้ากับผิวหนังของมนุษย์ซึ่งจะทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้าในการกระตุ้นและฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยผลิตภัณฑ์จะฉีดไปยังผิวหนังชั้นลึก หลังจากนั้น 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบอื่นนอกเหนือจาก PLLA  จะถูกดูดซึมออกจากร่างกาย โดยจะเหลือเพียงอนุภาคของ Original Collagen Biostimulator (PLLA) ซึ่งจะเริ่มกระตุ้นให้ร่างกายดึงเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน หรือ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น ทำให้เกิดการสะสมของเส้นใยคอลลาเจนใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวในระยะยาว สามารถฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้อิ่มฟู ยกกระชับ และกลับมามีคุณภาพผิวที่ดีและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น โดยขบวนการสร้างคอลลาเจน จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องจนถึง 25 เดือน และโมเลกุลของ PLLA จะถูกขจัดออกจากร่างกายไม่เหลือตกค้างแต่อย่างใด Collagen Biostimulator VS Ulthera VS  Thermage ต่างกันยังไง ? Original Collagen Biostimulator (Sculptra) เป็นสารฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้าง และฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยเป็นการฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ส่วนล่างเพื่อกระตุ้นให้ผิวมีขบวนการสร้าง fibroblast เพื่อสร้าง collagen ใหม่ ผลที่ได้จะชัดเจนที่  1-2 เดือนหลังฉีด โดยโครงสร้างผิวจะแข็งแรง อ่อนเยาว์มากขึ้น เรียบเนียน และ กระจ่างใส เหมือนกับการย้อนอายุโครงสร้างผิวในทุกมิติ ด้วยการมีคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น  Ulthera ใช้วิธีการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์  (Ultrasound) ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูงด้วยเทคโนโลยีไมโครโฟกัส (Micro focused) เข้าไปเป็นจุดเล็กๆ เรียงกันเป็นแถว ในชั้นผิว คอลลาเจน หรือ SMAS โดยขณะทำสามารถมองเห็นโครงสร้างผิวได้อย่างชัดเจนจากหน้าจอ visualization screen แบบ real time ทำให้สามารถกำหนดแนวยกกระชับได้อย่างแม่นยำคลื่นอัลตราซาวด์จากไมโครโฟกัสสามารถเข้าสู่ชั้นผิวลึกลงไป 1.5, 3 และ 4.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นที่อยู่ของผิวชั้นคอลลาเจน และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน SMAS (Superficial muscular aponeurotic system: SMAS)  ใต้ชั้นไขมันอีกที เมื่อชั้นผิวทั้งสองมีความตึงตัวมากขึ้นจึงมีผลเด่นเรื่องการยกกระชับเป็นอย่างมาก  เนื่องจากผิวชั้น SMAS นี้แพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า มีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อผังผืดที่คอยยึดคอลลาเจนกับผิวหนังให้ดูกระชับ จากนั้นคลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดความร้อน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวชั้นบนดูกระชับขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง Thermage จะใช้การปล่อยคลื่นวิทยุ (Radio frequency: RF) แบบขั้วเดียว (Monopolar) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการปล่อยพลังงานมวลคลื่นวิทยุทั้งหมดเข้าไปในพื้นผิวที่ต้องการได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Hypodermis) และ ชั้นไขมัน (Subcutaneous fat) จึงมีผลให้คอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ และ ในชั้นไขมัน มีความตึงตัวกระชับ ผลที่ได้คือ ทำให้ ผิวพรรณกระชับมากขึ้น อ่อนเยาว์มากขึ้น รูขุมขนเรียบเนียนมากขึ้น นั่นเอง โดยการทำงานของ Thermage จะเน้นไปที่การคืนความกระชับในชั้นคอลลาเจน และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นโครงสร้างยึดทรงตัวของชั้นไขมันนั่นเอง Collagen Biostimulator / Thermage / Ulthera ทำพร้อมกันได้ไหม ?  โดยปกติการทำ Collagen Biostimulator และ กลุ่มเครื่องมือยกกระชับ ulthera and thermage สามารถเสริมให้ผลการยกกระชับดีขึ้น แต่ในบทความนี้ หมอจะขออธิบายถึงลำดับการทำว่า แบบไหนน่าจะเหมาะสมที่สุดครับ หลังการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถฉีด Collagen Biostimulator ได้หรือไม่  เนื่องจากหลังทำ Ulthera หรือ thermage ร่างกายจะมีขบวนการอักเสบเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ การซ่อมแซมชั้น SMAS ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งขบวนการดังกล่าวใช้พลังงานระดับเซลล์ค่อนข้างมากในช่วง 1 เดือนหลังฉีด หมอจึงแนะนำคนไข้ทำการฉีดตัว sculptra หลังจากทำหัตถการกลุ่มเครื่องยกกระชับไปแล้ว 1 เดือน เพื่อไปเสริมปริมาณคอลลาเจนให้มากขึ้น ทำให้ผลการรักษาชัดเจนมากขึ้น ก่อนการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถฉีด Collagen Biostimulator ได้หรือไม่?  เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำให้ฉีด Collagen Biostimulator ก่อนการทำ  Ulthera หรือ Thermage ประมาณ 1 เดือน เพื่อให้มีปริมาณ คอลลาเจนที่มากพอและพร้อมในการยกกระชับด้วย Ulthera หรือ Thermage ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง การดูแลตัวเองหลังฉีด Collagen Biostimulator ทำยังไง ?   สำหรับผู้ที่สนใจทำโปรแกรม Original Collagen Biostimulator คงจะอยากรู้เรื่องการเตรียมตัวและข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้ Collagen Biostimulator เหมาะกับใคร ?  Collagen Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือมีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 25-30 ปีขึ้นไป ทั้งยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ในระยะยาว ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า Original Collagen iostimulator สามารถเห็นผลลัพธ์ยาวนานได้ถึง 2 ปี** สามารถใช้เป็นการรักษาเสริมกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่ ต้องการให้มีคอลลาเจนที่มากขึ้น เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น เลเซอร์ยกกระชับ Ulthera Thermage HIFU และ  ควบคู่กับโปรแกรม การรักษาผิวพรรณ  ในผู้ที่มีโครงสร้างผิวที่ดีอยู่แล้ว ก็สามารถฉีด original Collagen Biostimulator ได้เช่นกัน เป็นเสมือนการป้องกันและชะลอวัยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ป้องกันความเสื่อม หยุดเวลาอายุผิวด้วย Collagen Biostimulator ที่ Infiniz Clinic ถ้าคุณเป็นคนที่อยากฟื้นฟูโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับ ฟื้นคืนความแข็งแรง ความยืดหยุ่น คืนคุณภาพผิวให้กลับมาดียิ่งขึ้น คุณสามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ Infiniz Clinic โดยมีคุณหมออู๋ ณัฐพล จะทำการตรวจประเมินโครงสร้างผิวในทุกมิติ เพื่อ พิจารณาโปรแกรม การรักษาปัญหาผิวพรรณต่างๆ รวมถึงโปรแกรม collagen Biostimulator  จะต้องมีการประเมิน ปริมาณยาที่จะใช้ ตำแหน่งที่ต้องฉีด และ จำนวนครั้งที่ต้องทำการรักษาทั้งหมด เพื่อให้ผลลัพธ์งานผิวของคุณดูดี กระชับ อ่อนเยาว์ขึ้น เสริมความมั่นใจเพื่อการมีบุคลิกที่ดีขึ้น  ที่สำคัญคลินิกของเราใช้ผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator ของแท้ ปลอดภัย 100%

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ และปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้ คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก