ปัจจุบันมีหัตถการหลากหลายรูปแบบที่จะช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า แต่มีอยู่สองหัตถการที่กำลังได้รับความนิยมนั่นก็คือ Sculptra และ Radiesse โดยหัตถการทั้งสองรูปแบบมีจุดเด่นที่เหมือนกันนั้นก็คือ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยและผิวที่หย่อนคล้อยได้ แต่ทั้งสองหัตถการก็มีรายละเอียดของการออกฤทธิ์และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันด้วย บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Radiesse vs Sculptra มาให้ทุกคนได้ศึกษากันก่อนตัดสินใจ จะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
Radiesse vs Sculptra สรุปความเหมือนที่แตกต่าง
- ทั้ง Radiesse และ Sculptra เป็นหัตถการที่ช่วยในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่ผิวได้สูญเสียไป ทั้งสองหัตถการจึงช่วยฟื้นฟูให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้เช่นเดียวกัน
- Sculptra เหมาะสำหรับคนที่ต้องการค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าย้วยหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ หรือผิวไม่กระจ่างใส
- Radiesse เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกที่ต้องการเห็นความแตกต่างทันทีหลังฉีด หรือ ต้องการผิวอิ่มฟูเรียบเนียนมากขึ้น
- Sculptra 1 ขวดและ Radiesse 1 เข็ม ให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใกล้เคียงกัน โดย sculptra จะช่วยเรื่องการยกกระชับผิวร่วมด้วย ในขณะที่ Radiesse ช่วยการเติมเต็มร่องผิวได้ดีกว่า
- ควรเลี่ยงการฉีด Radiesse และ Sculptra ในชั้นผิวเดียวกันและในเวลาเดียวกัน เพราะอาจเพิ่มโอกาสเกิดผลข้างเคียง และทำให้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นมาจากหัตถการใด
รวมข้อมูลเกี่ยวกับ Radiesse vs Sculptra ที่คนรักงานผิวเฟิร์มห้ามพลาด
Sculptra VS. Radiesse เป็นหัตถการที่มีจุดเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อมาทดแทนส่วนที่ร่างกายสูญเสียไป ซึ่งเมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ โดยทั้ง Sculptra และ Radiesse มีกลไกการทำงาน สารประกอบ และรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
Radiesse คืออะไร
Radiesse เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม หรือ Regenerative Biostimulator ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับฟิลเลอร์แต่จะไม่มีไฮยาลูรอนเป็นส่วนผสมหลักแบบฟิลเลอร์ โดย Radiesse จะมีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite microsphere หรือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัยเพราะพบได้ทั่วไปในเยื่อกระดูก และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
Radiesse ทำงานโดยการฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้าง Collagen Type 1, Collagen Type 3, อีลาสติน, หลอดเลือดเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง และสารหล่อเลี้ยงผิว ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก ผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู หรือต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยตามร่องแก้มและมุมปาก นอกจากนี้ Radiesse ยังสามารถช่วยให้ผิวบริเวณ โหนกแก้ม กรอบหน้า ขากรรไกรล่าง มีโครงสร้างที่แข็งแรงมากขึ้นได้อีกด้วย ทั้งนี้การฉีด Radiesse นั้นสามารถเห็นความแตกต่างได้ทันทีหลังฉีดแต่จะเห็นผลเต็มที่ภายใน 3-6 เดือน โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายและการดูแลตนเองหลังฉีดของแต่ละคน
Sculptra คืออะไร
Sculptra เป็นอนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid หรือ PLLA สารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังตามธรรมชาติ ซึ่งสาร PLLA นี้จะทำงานผ่านระบบภูมิคุ้มกันโดยกระตุ้นการทำงานและการสร้าง Collagen Type 1, Collagen Type 3, Elastin และ Proteoglycan บริเวณใต้ผิวหนัง ดังนั้นการฉีด Sculptra จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับคุณภาพผิวให้มีความกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวทำให้ผิวยกกระชับมากขึ้น
ผู้ที่ฉีด Sculptra อาจไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันทีหลังฉีด แต่จะค่อย ๆ เริ่มเห็นผลตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน 3 เดือนหลังฉีดตามปริมาณคอลลาเจนที่มีเพิ่มมากขึ้นถึง 66% โดยระยะแรกในการฉีด Sculptra ควรฉีดติดต่อกันทุก ๆ 6-8 สัปดาห์ เพื่อปรับสภาพผิวในการสร้างคอลลาเจน และเมื่อผิวสามารถสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่แล้วผลลัพธ์ก็สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการสร้างคอลลาเจนของแต่ละคน
Radiesse vs Sculptra เหมือนกันอย่างไร?
อ่านมาจนถึงตรงนี้หลายคนคงเข้าใจแล้วว่า Radiesse filler vs Sculptra นั้นไม่ใช่หัตถการเดียวกัน แต่สิ่งที่ทั้ง Radiesse และ Sculptra มีเหมือนกันนั้นก็คือ กลไกการทำงานที่จำเป็นต้องฉีด Radiesse หรือ Sculptra ลงไปบริเวณชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อให้ออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว นอกจากนี้ผลลัพธ์ของทั้งสองหัตถการก็ยังมีความคล้ายคลึงกัน โดยเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นทั้งสองหัตถการจึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต
จุดที่แตกต่างกันของ Radiesse vs Sculptra
พูดถึงความเหมือนของ Sculptra vs Radiesse กันไปแล้ว หลายคนอาจมีคำถามต่อมาว่าแล้ว Sculptra vs Radiesse ต่างกันยังไง ในหัวข้อนี้ได้รวบรวม 3 ความแตกต่างระหว่าง Radiesse vs Sculptra มาให้ทุกคนได้ลองพิจารณากัน โดย Radiesse และ Sculptra มีจุดที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
- ผลลัพธ์หลังจากทำหัตถการ เป็นความแตกต่างระหว่าง Radiesse vs Sculptra ที่เห็นได้ชัดที่สุดเพราะ Radiesse เป็นหัตถการที่สามารถเห็นความแตกต่างได้ทันทีหลังฉีด เนื่องจาก Radiesse จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลทำให้เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังก็จะสามารถเติมเต็มผิวบริเวณที่ฉีดได้ทันที ส่วน Sculptra เป็นหัตถการที่ต้องใช้เวลา รวมไปถึงอาจต้องฉีดหลายครั้งจึงจะสามารถเห็นผลได้อย่างเต็มที่
- บริเวณที่นิยมใช้ อีกหนึ่งความแตกต่างระหว่าง Radiesse vs Sculptra ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้นั้นก็คือทั้งสองหัตถการมีบริเวณที่เหมาะสมในการใช้งานต่างกัน โดย Sculptra นั้นเหมาะที่จะใช้รักษาบริเวณที่ผิวหนังมีความหย่อนคล้อย อาทิ แก้ม, ขมับ, กรอบหน้า และใช้รักษาริ้วรอยบริเวณแก้ม ส่วน Radiesse นั้นเหมาะที่จะใช้เพิ่มความโดดเด่นอิ่มฟูให้กับแนวกราม และโหนกแก้ม หรือเพิ่มVolumeให้แก้มที่ตอบลง
- นอกจากนี้ Radiesse และ Sculptra ยังสามารถนำมาใช้เติมเต็มและรักษาริ้วรอยบนหลังมือให้เรียบเนียนได้ ซึ่งเป็นอีกบริเวณที่เป็นที่่นิยมของผู้รับบริการนั่นเอง
- กลไลในการกระตุ้นคอลลาเจน Radiesse จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินโดยตรง แต่ Sculptra จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผ่านทางระบบการสร้าง Fibroblast เซลล์ต้นกำเนิดสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ส่งสัญญาณไปให้เซลล์สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมา
กลไกการทำงานของ Radiesse vs Sculptra แตกต่างกันอย่างไร?
อย่างที่ได้กล่าวถึงไปแล้วว่ากลไกการทำงานของหัตถการทั้งสองชนิดนั้นมีความแตกต่างกัน โดย Radiesse จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีความสำคัญมากสำหรับผิวหนัง เพราะเซลล์ไฟโบรบลาสต์เป็นเซลล์ที่เป็นตัวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นและช่วยคงความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง ส่วน Sculptra จะมีกลไลการออกฤทธิ์ที่ต่างกันออกไปโดย Sculptra จะทำงานโดยออกฤทธิ์กระตุ้นคอลลาเจนผ่านระบบการสร้างเซลล์ไฟโบรบลาสต์หรือเซลล์ต้นกำเนิดกลุ่มคอลลาเจนอีกที ไม่ได้กระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์โดยตรงแบบ Radiesse
จะเลือกอะไรดี ระหว่าง Radiesse vs Sculptra
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าทั้ง Radiesse vs Sculptra มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณใต้ชั้นผิวหนังได้เหมือนกัน โดย Radiesse และ Sculptra จะกระตุ้นคอลลาเจนได้หลากหลายชนิด เช่น Collagen Type 1,3 และ elastin ซึ่งคอลลาเจนเหล่านี้จะช่วยทำให้ผิวหน้ากระชับและผิวดูยืดหยุ่นขึ้น ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของผิว และยังทำให้ผิวหน้าอิ่มฟูและดูกระชับขึ้นอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าหัตถการทั้งสองชนิดสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าปัญหาผิวหน้าของตนเองนั้นเหมาะกับการรักษาหรือหัตถการแบบใด ก็แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจ เนื่องจากลักษณะโครงสร้างของผิวและความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้มีประสบการณ์ก่อนเสมอ
Sculptra กับ Radiesse ฉีดพร้อมกันได้ไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า?
การฉีด Radiesse vs Sculptra พร้อมกันนั้น หากฉีดในชั้นผิวที่แตกต่างกันและผ่านการพิจารณาโดยแพทย์แล้วก็สามารถฉีดพร้อมกันได้ แต่ถ้าหากต้องการฉีดในบริเวณเดียวกันหรือในชั้นผิวชั้นเดียวกัน ควรจะต้องเว้นระยะห่างประมาณ 1-3 เดือน เพราะการฉีด Sculptra และ Radiesse พร้อมกันในบริเวณเดียวกันอาจทำให้เราไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นมาจากหัตถการใดกันแน่ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มผลข้างเคียง โดยเฉพาะการทำหัตถการในแพทย์ที่ขาดประสบการณ์
ผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse vs Sculptra อยู่ได้นานไหม?
หากอ้างอิงผลลัพธ์จากคำเคลมของบริษัทผู้ผลิต การฉีด Sculptra ตามจำนวนที่ถูกต้องนั้นจะเห็นผลลัพธ์หลังฉีดนานถึง 2 ปีหรือประมาณ 24 เดือน ส่วน Radiesse นั้นเห็นผลลัพธ์หลังฉีดนาน 12-18 เดือน แต่หากอ้างอิงจากงานวิจัยในต่างประเทศจะพบว่า ทั้งสองหัตถการนั้นสามารถเห็นผลลัพธ์หลังฉีดได้นานกว่าระยะเวลาที่ทางบริษัทผู้ผลิตเคลมเอาไว้ เนื่องจาก Sculptra และ Radiesse ล้วนเป็นหัตถการที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้มากขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้นหากร่างกายของใครที่สามารถสร้างคอลลาเจนได้ดี ประกอบกับการดูแลตัวเองหลังฉีดได้อย่างถูกต้องก็อาจเห็นผลลัพธ์ได้ยาวนานมากกว่า 3 ปีเลยทีเดียว
Radiesse vs Sculptra อะไรกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่ากัน?
หากจะเปรียบเทียบการกระตุ้นคอลลาเจนของ Radiesse vs Sculptra ก็ต้องอ้างอิงจากงานวิจัยที่นำ Sculptra 1 ขวด และ Radiesse 2 ขวด มาทดลองฉีดที่แขนของอาสาสมัคร ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือนแขนข้างที่ฉีด Radiesse นั้นสามารถกระตุ้นการสร้างอีลาสตินได้ดีกว่า แต่ทั้งสองข้างก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ ด้วยปริมาณของยาที่ไม่เท่ากันจึงไม่สามารถสรุปได้ว่า จากงานวิจัยนี้หัตถการไหนที่จะกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่ากัน
ถึงแม้จะยังไม่มีผลวิจัยที่แน่ชัดว่าหัตถการใดจะกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า แต่การเลือกระหว่าง Radiesse vs Sculptra ก็ยังมีหลักการเลือกให้เหมาะสมกับตนเองอยู่ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- เลือกจากความกังวลหรือปัญหาผิวหน้าที่ต้องการแก้ไข เพราะถึงแม้จะสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกันแต่ Sculptra vs Radiesse ก็ยังมีจุดเด่นอื่น ๆ ที่ยังแตกต่างกันอยู่ อาทิ หากกังวลเรื่องผิวหน้าย้วยไม่กระชับหรือต้องการให้ผิวกระจ่างใสแบบเป็นธรรมชาติก็เหมาะที่จะใช้ Sculptra ในการแก้ไข แต่ถ้าหากต้องการเติมเต็มหรือแก้ไขริ้วรอยบนผิวหนังในบริเวณร่องแก้มหรือมุมปาก ก็เหมาะที่จะใช้ Radiesse ในการแก้ไข เป็นต้น
- เลือกจากผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการทำหัตถการ เนื่องจากทั้งสองหัตถการมีความแตกต่างกันในเรื่องผลลัพธ์หลังจากทำหัตถการอยู่ โดยหากใครที่ต้องการเห็นความแตกต่างหลังทำทันทีก็เหมาะที่จะใช้ Radiesse แต่ถ้าใครที่ต้องการค่อย ๆ กระตุ้นคอลลาเจนก็สามารถใช้ Sculptra ได้ เป็นต้น
ฉีด Radiesse กับ Sculptra โดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่ Infiniz Clinic
ถึงแม้จะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยและมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้น้อย แต่หากฉีด Sculptra หรือ Radiesse โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น อาการบวมแดง มีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการปวดหรือคันบริเวณที่ฉีด และอาจร้ายแรงได้หากเกิดอาการติดเชื้อจากการฉีดในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นการเลือกคลินิกที่สะอาด มีใบอนุญาตการประกอบกิจการคลินิก พร้อมทั้งมีแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การเลือกหัตถการให้เหมาะกับตนเอง
Infiniz Clinic เราเป็นคลินิกที่ควบคุมดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra และ Radiesse โดยเน้นการบริการที่ปลอดภัยและเห็นผลได้อย่างชัดเจน โดยทีมแพทย์ที่จบการศึกษาเฉพาะทางจากทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้เรายังมีเทคนิคการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เพราะทีมแพทย์ที่นี่จะใช้ศาสตร์การวิเคราะห์รูปหน้าหรือ Individual Facial Design Services มาแก้ไขปัญหาเรื่องรูปหน้าให้มีความเหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย ดังนั้นจึงวางใจได้เลยว่าการฉีด Sculptra หรือ Radiesse ที่ Infiniz Clinic จะมีความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน
สรุป Radiesse vs Sculptra สองหัตถการตัวดัง ฉีดแบบไหนแก้ไขปัญหาผิวได้ดีกว่ากัน
Radiesse vs Sculptra ล้วนเป็นหัตถการที่ช่วยในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ ถึงแม้จะมีจุดเด่นที่คล้ายกันแต่ทั้งสองหัตถการก็มีความแตกต่างกันในเรื่องกลไกการทำงาน ผลลัพธ์และบริเวณที่นำมาใช้ฉีด การเลือกว่าจะทำหัตถการใดดี ควรให้แพทย์พิจารณาจากปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่คนไข้คาดหวังไว้ โดยหากคนไข้มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก ผิวไม่อิ่มฟูและต้องการเห็นความแตกต่างทันทีหลังทำก็จะเหมาะกับการใช้ Radiesse แต่ถ้าคนไข้ต้องการค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวดูยืดหยุ่นและยกกระชับมากขึ้นก็จะเหมาะสำหรับการแก้ไขด้วย Sculptra
อ่านมาจนถึงตรงนี้ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะฉีด Radiesse หรือ Sculptra ที่ไหนดี Infiniz Clinic ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคลินิกที่ให้บริการทั้งสองหัตถการด้วยประสบการณ์เฉพาะทาง เรามีบริการฉีด Radiesse และ Sculptra โดยทีมแพทย์หมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ อาจารย์แพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาผิวหน้ามากกว่า 15 ปี การันตีผลงานด้วยการศึกษาเฉพาะทางปริญญาโทด้านผิวหนังและรางวัลมากมาย อาทิ
- Galderma Thailand Top Exclusive Clinic 2018-2023
- Senior Speaker and Trainer of Galderma Thailand
- Allergan Aesthetics Valued Customer 2016-2023
- The Star of Excellence for Ultherapy Transducer Award 2019
- KOL Skin O’Clock Pure Bim Hydrating Gel Mask
- KOl & Trainer for Ultraformer MPT by Quantum Aesthetics
ผู้ที่สนใจอยากให้ทีมแพทย์จาก Infiniz Clinic ดูแลเรื่องปัญหาผิวหรือรูปหน้า สามารถติดต่อสอบถามกับคุณหมอหรือทีมงานได้จากช่องทาง :
- Facebook : Infiniz Clinic :: Skin & Facial Design Expert
- Line ID: @Infinizclinic
- โทร : 098-828-5444
References
Buford, L. (2020, Apirl 6). Sculptra Vs. Radiesse: What’s The Difference. https://www.westlakedermatology.com/blog/sculptra-vs-radiesse/
Cadwell, K. (2022, September 8). Radiesse vs. Sculptra – How to Choose?. https://vibrantskinbar.com/blog/radiesse-vs-sculptra/
SLK Clinics. (2023, November 28).Which is Better? Sculptra or Radiesse? . https://slkclinic.com/slk-blog/which-is-better-sculptra-or-radiesse-non-surgical-facial-rejuvenation/