คุณหมออู๋แนะนำการดูแลผิวแห้งในช่วงอากาศหนาว
“Winter Itch” หรือ “Winter Xerosis” ภาวะผิวแห้งขาดน้ำในฤดูหนาว เกิดจาก ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่ลดลงเช่นเดียวกับการเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนังชั้นนอกที่ลดน้อยลงตามสภาพอากาศภายนอกนั่นเอง โดยอาการดังกล่าวจะเกิดได้ง่ายใน คนที่มีปัญหาผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว ผู้ป่วยภูมิแพ้ผิวหนังที่มักจะมีเซลล์ผิวที่เก็บกักน้ำได้น้อยอยู่แล้วอาการจึงกำเริบในช่วงฤดูหนาว หรือคนทั่วไปที่การดูแลผิวไม่ถูกต้องตามสภาพอากาศที่แห้ง และหนาวเย็นลงย่อมได้รับผลกระทบจากภาวะผิวแห้งขาดน้ำเช่นกัน เช่น การใช้สบู่ที่ขจัดน้ำมันส่วนเกินที่ผิวมากเกินไป การเปิด Heater หรือแม้แต่การมีกิจวัตรประจำวันกลางแสงแดดเป็นระยะเวลานานโดยไม่ทาครีมกันแดดที่เหมาะสม โดยอาการที่พบส่วนมาก มักมีอาการคันตามผิวหนัง ระคายเคืองง่าย ผิวหนังอักเสบเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง ภาวะผิวแห้งในหน้าหนาว เป็นภัยร้ายต่อผิวในหลากหลายมิติ โดยสามารถเป็นต้นเหตุของการเกิดผื่นแพ้ (Eczema) เรื้อรังและรักษายากในระยะยาว จนเกิดเป็นภาวะแผลเป็นแข็งนูนตามมา หรือ มีการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ไวรัสหูดบางชนิดได้ ในผิวที่เป็นผื่นแพ้เนื่องจากภูมิคุ้มกันผิวค่อนข้างอ่อนแอนั่นเอง ดังนั้น ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณที่สูญเสียการเก็บน้ำในช่วงหน้าหนาวเพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว วิธีการดูแลผิวแบบง่ายๆในช่วงอากาศหนาวมีดังนี้ -การใช้ moisturizing skin care ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและเก็บกักน้ำไว้ใต้ผิว รวมทั้งเคลือบผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง 3 อย่าง ได้แก่ Humectants ช่วยดึงดูดโมเลกุลของน้ำเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ประกอบไปด้วย ceramides (pronounced ser-A-mids), glycerin, sorbitol, hyaluronic acid, and lecithin Sealing substances ช่วยซีลปิดเพื่อกันการระเหยของน้ำออกจากเซลล์ผิว ได้แก่ petrolatum (petroleum jelly), silicone, lanolin, and mineral oil Emollients เช่น linoleic, linolenic, and lauric acids มีบทบาทช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวให้มีประสิทธิภาพในการเก็บน้ำและน้ำมันที่สำคัญในระดับเซลล์ไว้ให้มีประสิทธิภาพในการสร้างความชุ่มชื้นต่อผิวได้อย่างดีเยี่ยม คงทนต่อสภาพอากาศหนาวได้ดี -อาจเพิ่มเครื่องปล่อยความชุ่มชื้นในอากาศ (Humidifier) เพื่อทำให้บรรยากาศ และ ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น -ใช้สบู่ที่มี Moisterizer บำรุงผิวเสมอได้แก่ Dove, Olay, and Basis หรือCleansers ที่ไม่มีสบู่ เช่น Cetaphil, Oilatum-AD, and Aquanil. แทนสบู่ปกติ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหลังอาบน้ำ แล ระยะเวลาในการอาบน้ำควรจำกัดลดลงแค่ 5-10 นาที ต่อครั้ง และไม่บ่อยเกินไป จนทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น -ควรลดการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะ น้ำอุ่นจะละลาย Natural oil ที่ติดอยู่ที่ผิวออกไป ทำให้ผิวยิ่งแห้งลง -ควรหลีกเลี่ยง สบูที่มีน้ำหอม ระงับกลิ่น หรือ สบู่ที่ผสมแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะละลาย Natural oil ที่ผิวเราออกไปเช่นกัน -แนะนำทา Moisturizer บำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำหรือล้างมือ เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กลับคืนสู่ผิว -ควรใช้ผงซักฟอกที่ปราศจากน้ำหอม และ งดใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม -หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อขนสัตว์ ใยสังเคราะห์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว -แนะนำทาครีมกันแดดที่มีสามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB เนื่องจากในช่วงหน้าหนาว แสงแดด สามารถทำร้ายผิวได้มากขึ้นจากผิวที่แห้งลง และ UV index ที่เพิ่มมากขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มี Moisturizer ผสมด้วยจะดีขึ้นในผู้มีภาวะผิวแห้ง -ก่อนโกนขน หรือหนวด แนะนำทา Shaving cream หรือ Oil บนผิวสักระยะหนึ่งก่อนเริ่มโกนเพื่อช่วยลดการระคายเคืองจากใบมีดโกนได้ -การทา Pretolatum เพื่อเคลือบปิดผิว แนะนำทาทีละน้อย เพื่อช่วยลดความเหนอะไม่สบายผิว อาจจะแนะนำเป็นทาทีละน้อย แต่ ทาบ่อยขึ้น -หากมีอาการคันจากผิวแห้ง ไม่ควรเกา แนะนำทา Moisturizer ที่ช่วยลดอาการคันได้ดี โดยอาจจะมีสาร Menthol ให้ความเย็นทดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง การเพิ่ม Skin Hydration ให้กับผิวด้วยโปรแกรม 3D Skinboosters ที่ Infiniz clinic โดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ มีโปรแกรมรักษาผิวขาดน้ำและสร้างความกระจ่างใส โดยได้รับความนิยมในช่วงหน้าหนาว ด้วยหลักการฉีดตัว Hyaluronic acid skinboosters เข้าไปสู่ชั้นหนังแท้ เพื่อเป็นตัวช่วยให้เก็บกักน้ำสู่เซลล์ผิวชั้นลึก ผลที่ได้จึงเพิ่มน้ำให้กับเซลล์ผิว การทำงานของเซลล์ผิวกลับสู่ภาวะสมดุลย์มากขึ้น จึงทำให้ผิวเนียนนุ่ม เปล่งประกาย สดใส เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง ตลอดจน แลดูสุขภาพดีอีกด้วย ด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวของโปรแกรม 3D Skinboostersด้วยการทำskin highlight & shading จะทำให้ผิวดูแวววาว มี Focused zone รับแสงจาก Light reflection และ มี Shading zone เกิดความละมุนใบหน้าเข้ารูปมากขึ้น นั่นเอง
Belotero Revive ฟิลเลอร์เพื่อผิวสวยฉ่ำวาว สไตล์สาวเกาหลี
เคยสงสัยกันมั้ย ว่าทำไมดาราเกาหลี หรือคนเกาหลีถึงดูผิวใส ฉ่ำวาวกันมาก นั่นก็เพราะว่าพวกเค้าได้มีการบำรุงและปรนนิบัตรผิวหลายอย่าง รวมถึงการเข้าคลินิกเพื่อทำหัตถการความงามต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์งานผิวหรือการดริปวิตามิน สำหรับที่ Infiniz Clinic ก็มีการฉีดฟิลเลอร์เพื่อสร้างผิวกระจกประดุจหนุ่มสาวเกาหลี อย่าง โปรแกรม Belotero Revive ซึ่งในวันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกันมากขึ้นว่าดียังไง สำหรับงานผิว จุดเด่นมีอะไรบ้าง ต่างกับ Rejuran ยังไง ที่สำคัญหากฉีด Belotero Revive สามารถทำหัตถการอื่นได้หรือเปล่า คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว Belotero Revive ดียังไง สำหรับงานผิว โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero revive งานผิวจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการผสมผสานสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่าง Hyaluronic acid และ Glycerol ที่ผลิตภายใต้กระบวนการผลิตโดยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติหลังทำ ฟิลเลอร์ Belotero revive ช่วยปรับคุณภาพผิวได้มากถึง 4 มิติ เพิ่มความยืดหยุ่น และความกระชับให้แก่ผิว ช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ลดขนาดของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนเล็กลง แก้ปัญหาริ้วรอยบนผิว ให้เรียบเนียน ลดปัญหาหลุมสิวให้ตื้นมากขึ้น ลดการระคายเคือง ลดความแดง ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดความหมองคล้ำ รอยแผลเป็น ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ปรับสีผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวเงา ผิวฉ่ำวาว เหมือนผิวกระจก Belotero Revive มีจุดเด่นอะไรบ้าง เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นผิว ตัว Belotero revive มีความแตกต่างที่มีส่วนผสมของสาร Hyaluronic acid และ Glycerol ในขณะที่แบรนด์อื่นๆมีแค่สาร Hyaluronic acid โดยการผสมผสานระหว่างสาร Hyaluronic acid (HA) 20mg/ml และ Glycerol 17.5mg/ml ของ Belotero Revive ส่งผลให้เมื่อฉีดลงบนผิวหน้าของผู้รับบริการแล้ว จะเกิดผลที่แตกต่างจากฟิลเลอร์งานผิวตัวอื่นๆ ดังนี้ ความแตกต่างระหว่าง Belotero Revive กับ Rejuran Belotero Revive จะโดดเด่นในเรื่องของการกักเก็บความชุ่มชื้นได้สูงกว่า เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Glycerol ที่ช่วยเรื่องการอุ้มน้ำ และ Hyaluronic acid ที่ช่วยในเรื่องการดึงดูดน้ำเข้าสู่เซลล์ผิวซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวขาดความชุ่มชื้น ใบหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และรูขุมขนกว้างได้ดี ส่วน Rejuran จะมีส่วนผสมหลักจาก PN (Polynucleotide) ที่สกัดจาก DNA Salmon และเป็น DNA ที่มีความคล้ายคลึงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมผิวในระดับลึก และแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวเนียนใสดูอ่อนเยาว์ขึ้น จะมีความโดดเด่นในเรื่องการซ่อมแซมเซลล์ และช่วยให้โครงสร้างผิวทั้งผิวชั้นบน และคอลลาเจน ให้มีความแข็งแรงและการจัดเรียงตัวที่ดีกว่า ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวอักเสบ รอยแดง ปรับความหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ฟื้นฟูหลุมสิว ซ่อมแซมเซลล์ผิวจากโครงสร้างภายในทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ ทั้งสองหัตถการก็สามารถฉีดร่วมกันได้ เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวที่ดูดี อิ่มน้ำ ผิวกระชับ ดูเรียบเนียน โดยที่ Rejuran และ Belotero revive จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของการทำให้ผิวฉ่ำวาว ปรับผิวให้กระจ่างใส และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในส่วนของความแตกต่างกันนั้น โดย rejuran จะช่วยปรับให้ผิวโดดเด่น เล่นแสงไฟได้ดีกว่า หรือคล้ายผิวกระจกนั่นเอง ฉีด Belotero Revive แล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม การฉีดฟิลเลอร์ Belotero revive สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ เพื่อแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย และ ส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Ulthera / Ultraformer MPT หัตถการ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือ เครื่องเลเซอร์ยกกระชับอื่นๆ ซึ่งลำดับในการทำขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่คนไข้แต่ละท่านมี และความต้องการที่อยากจะแก้ไข หมอแนะนำส่งรูปหน้าให้ประเมินปัญหาผิวเบื้องต้นก่อนได้เพื่อการวางแผนการรักษาที่ละเอียดและชัดเจนมากขึ้น ผิวใส งานสวย ต้องมาทำที่ Infiniz Clinic ฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic เราให้บริการด้วย Product แท้ทุกยี่ห้อที่นำมาใช้ที่คลินิกล้วนแล้วแต่ผ่าน อย. ทั้งหมด รับรองได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าอย่างถูกต้องจากบริษัทตัวแทนจำหน่าย 100% ดังนั้นเมื่อคุณเข้ามาใช้บริการกับเรา นอกจากจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์อย่างหมออู๋ ณัฐพล ที่คอยตรวจสอบสภาพผิวและแนะนำการรักษาตลอดจน ควบคุมปริมาณและความเหมาะสม รวมไปถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นเฉพาะผิวของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง Infiniz clinic ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ติดกับ BTS ชิดลม ดังนั้นหากคุณกำลังสนใจที่สนใจเรื่องงานผิว ฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่ Infiniz clinic คือคำตอบสำหรับทุกท่านครับ
บอกลาปัญหา! ใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหลด้วย Filler จาก Infiniz Clinic
เรื่องของใบหน้า ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะให้ความสำคัญ เพราะใบหน้ามักจะเป็นจุดแรกที่คนภายนอกมองเห็น บางอาชีพ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ใบหน้าในการทำงาน ดังนั้นจะปล่อยให้หน้าเกิดปัญหา หรือไม่สดใสไม่ได้ ซึ่ง หนึ่งในเรื่องที่กวนใจมากที่สุด คือปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ซึ่งในวันนี้ Infiniz Clinic จะพาทุกคนไปดูถึงสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาหมองคล้ำ ใช้ฟิลเลอร์ตัวไหน สำหรับแก้ปัญหาดังกล่าว ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและใครคือคนที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รับรองเลยว่าคุณจะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น ปัญาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร 1. พันธุกรรม พันธุกรรม ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหลได้ เนื่องจากมีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้เชื้อชาติก็นับว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตา เช่น คนอาหรับ อินเดีย จะมีใต้ตาคล้ำที่เยอะกว่าคนชาติอื่น ๆ 2. อายุเพิ่มขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันภายในร่างกายจะลดลงตามช่วงวัย ซึ่งไขมันที่อยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เช่นเดียวกัน เมื่อไขมันลดลง ก็จะส่งผลให้รอบดวงตามีความหมองคล้ำไปด้วย ไม่เพียงแค่นั้น การยุบตัวของกระดูก ก็จะส่งผลให้เกิดร่องตาลึก และเห็นใต้ตาคล้ำมากขึ้นเช่นเดียวกัน 3. ถุงใต้ตา ความหมองคล้ำที่เกิดจากถุงใต้ตา เกิดจากถุงไขมันใต้ตาและหลอดเลือดส่วนเกินที่ไปเลี้ยงบริเวณใต้ตา จนเห็นเงาเส้นเลือดจนมืด นอกจากนี้ ถุงไขมันก็จะนูนขึ้นด้วย อีกทั้งยังสร้างเงาบริเวณใต้ตา หรือเห็นร่องและจุดด่างดำบริเวณร่อง สามารถรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อขจัดไขมันส่วนเกินออกไป ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาเรียบเนียนกระชับ เป็นธรรมชาติ 4. โรคภูมิแพ้ หลอดเลือดดำรอบดวงตาของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ การแพ้อาจทำให้เกิดอาการคันตา ระคายเคือง และแม้กระทั่งทำให้คนขยี้ตา การเสียดสีบ่อยครั้งจะรบกวนผิวหนังรอบดวงตา ซึ่งไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ในผิวหนังให้ผลิตเมลานินมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ผิวใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย 5. แสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ มีผลกระทบโดยตรง เนื่องจากผิวใต้ตาบอบบางมาก ผิวหนังใต้ตาของคุณอาจจะบางลงจนมองเห็นเส้นเลือดบริเวณดวงตาได้ชัดเจน และทำให้ใต้ตาดูคล้ำ หากคุณต้องเจอกับแสงแดดเป็นประจำ นอกจากนี้ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการผลิตเม็ดสีผิวมากขึ้น ทำให้ผิวที่บอบบางใต้ตาดูมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย 6. การพักผ่อนน้อย มีความเครียด การใช้สายตามากเกินไป ฯลฯ การอดนอนและการพักผ่อนรวมถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มันกลายมาเป็นเพื่อนกับรอยคล้ำเพราะอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้รอยคล้ำใต้ตาแย่ลงได้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการรักษารอยคล้ำจึงต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี มีความแตกต่างกันยังไง ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane สำหรับฟิลเลอร์ Restylane ยี่ห้อแรกนี้ จะมี 2 ส่วนที่โดดเด่น คือ NASHA techology และ OBT technology ซึ่งเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ตัวฟิลเลอร์เกิดความหลากหลาย และได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากความหลากหลาย ทำให้เหมาะกับผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละปัญหา โดยทั้งนี้ Restylane ที่เหมาะจะฉีดบริเวณใต้ตา มี 4 รุ่นด้วยกันดังนี้ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและกลืนตัวกับผิวค่อนข้างมาก มีจุดเด่นคือสามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาแอ่งลึกใต้ตา แก้ปัญหาใบหน้าตอบ จากสาเหตุการทรุดตัวของกระดูก และชั้นไขมันที่หายไป โดยสามารถฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก เพื่อให้โครงสร้างบริเวณใต้ตาได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น สำหรับการฉีดใต้ตา รุ่นที่แนะนำคือ ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกาที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand by Abbvie โดยคุณสมบัติเด่นของเนื้อฟิลเลอร์จะมี Crosslink (จำนวนการเชื่อมพันธะ) ที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น สลายช้าลง เติมเต็มได้ดีขึ้น และเก็บน้ำได้ดี โดยเจลในกลุ่ม VyCross มีความสามารถขึ้นทรงยึดเกาะเฉพาะจุดที่ดี แต่ก็สามารถกลืนตัวกับผิวได้ดีเช่นกัน หลังฉีดจึงมีความเรียบเนียน ทำให้ฉีดแล้วไม่ฟูมากเกินไปจนผิดธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี โดยรุ่นของฟิลเลอร์ Juvedermที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา หมอจะแนะนำ 3 รุ่นดังนี้ครับ ทั้ง 3 รุ่นนี้จะมี Vycross ที่เป็นเทคโนโลยีในเรื่องของการยกระชับ เพราะมีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น หลังฉีดยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน ซึ่งถ้าหากจะถามว่าฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี จากประสบการณ์ของหมอแล้ว ฟิลเลอร์ Juvederm ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ผลข้างเคียงหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รอยบวม หรือรอยเข็มที่มีสาเหตุมาจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว ซึ่งไม่ต้องกังวล รอยเข็มจะค่อย ๆ หายไปภายในระยะเวลา 2-3 วัน ในเรื่องของอาการบวมจะลดลง ฟิลเลอร์จะกลายเป็นธรรมชาติ จะใช้เวลาราว ๆ 2 สัปดาห์ ถึงจะหาย 100% ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Infiniz Clinic ปลอดภัย 100% การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาค่อนข้างเป็นบริเวณที่ พบปัญหาได้ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะ ปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน จึงขอแนะนำผู้รับบริการศึกษาถึง ประสบการณ์ของแพทย์ จำนวนปีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ โดยเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Infiniz Clinic สำหรับโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่อินฟินิซ คลินิก ผู้รับบริการจะมั่นใจได้เลยว่าฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ เป็นของแท้แน่นอน 100% เพราะเรานั้นให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความซื่อตรงต่อลูกค้าเป็นอันดับแรก ทุกหัตถการการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควบคุมโดย แพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูงทุกขั้นตอน นั่นคือ คุณหมออู๋ ณัฐพล คอยให้คำปรึกษา วิเคราะห์ปัญหาใต้ตา ร่วมกับการเลือกตัว HA Filler products พร้อมใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะตัว ไม่เกิดผลข้างเคียงทั้งหลังฉีดและในระยะยาว เพื่อต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามารับบริการได้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจในทุกเคส ดังนั้นถ้าคุณอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยากให้ลองมาที่ Infiniz Clinic เพื่อรับการวิเคราะห์ และ การรักษาที่ตรงจุด ปลอดภัยทุกขั้นตอน และได้ผลหลังทำตามที่ใจปรารถนาค่ะ โปรโมชั่นฟิลเลอร์ใต้ตาที่อินฟินิซ คลินิก เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล พร้อมวิธีดูว่าแพ้หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง
ความสวยงามเป็นเรื่องที่รอกันไม่ได้ ใครหลาย ๆ คน จึงยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันเลยเห็นว่าสถาบันความงาม หรือคลินิกต่าง ๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในหัตถการที่เป็นที่นิยมมากสุดที่เห็นผลอย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้นในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นฟิลเลอร์ ซึ่งทาง Infiniz ได้มีการนำเข้าฟิลเลอร์หลายชนิด โดยในวันนี้จะพาไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ Belotero Reviveกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมวิธีแยกระหว่างอาการแพ้กับผลข้างเคียง และใครที่เหมาะกับการฉีด รวมไปถึงควรฉีด Belotero ที่ไหนดี Belotero Revive คืออะไร ฉีดบริเวณไหน ต้องบอกในภาพรวมก่อนว่า Belotero Revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่ผ่าน อย.ยุโรป อเมริกา และไทย มีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ คือ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเนียน เข้ากับผิวหน้าได้ดี ถูกออกแบบมาสำหรับการฉีดเข้าไปสู่ชั้นผิวระดับตื้นเพื่อปรับสภาพผิว โดยมีความพิเศษเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid ถึง 20 mg/mL และ Glycerol เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 1,000 เท่า ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก โปรแกรม Belotero Revive ที่ทาง Infiniz Clinic มีความพิเศษแตกต่างโดยจะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดให้ได้รับความชุ่มชื้นต่อผิวชั้นตื้น และชั้นหนังแท้ ให้ผิวดูสวยฉ่ำโกลว์ ผิวอวบอิ่ม โดยเป็นงานฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นงานผิวโดยเฉพาะ Belotero Revive จึงได้รับสมญานามว่าตัวช่วยยืนหนึ่งเรื่อง “ผิวกระจก” Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ถ้าถามว่า Belotero ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล โดยปกติแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ตัวดังกล่าว จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผิวจะดูอิ่มฟู ดูกระชับ ผิวชุ่มชื้น ผิวใส และภายใน 2 สัปดาห์ ผิวจะเพิ่มความเต่งตึงยิ่งขึ้นไปอีก และฉีด 1 ครั้ง มีผลรักษายาวนานถึง 9 เดือน แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง เพื่อยืดเวลาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากที่สุด จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง สามารถแยกประเภทได้ดังนี้ ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ปกติหลังฉีด BELOTERO REVIVE อาการแพ้ฟิลเลอร์ Belortero Revive อาการข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีวิธีการป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหรือกดเบียดเส้นเลือด จนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เป็นอย่างดี โดยต้องมีความรู้ ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ ของเนื้อเยื่อ และ บริเวณที่ทำการฉีดเป็นอย่างดี ตลอดจน ตรวจสภาพผิวก่อนฉีดเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใครคือคนที่ควรฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลเทคนิคพิเศษต้องที่ Infiniz การฉีด Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic โดยเบื้องต้นในทุกเคส แพทย์จะทำการประเมินผิว ก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีด ร่วมปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น ซึ่งเทคนิคการฉีด Belotero Revive โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติในชั้นผิว และมีการกระตุ้นให้ผิวตอบสนองต่อ Belotero Revive ได้ดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของลูกค้าทุกคนออกมาอย่างพึงพอใจสูงสุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดก็ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการ โดยผู้รับบริการที่เข้ามาฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถมั่นใจได้เลยว่า ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงมีความปลอดภัย 100%
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss ผิวกระจกต้องมา
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss เพื่อหน้าฉ่ำวาว งานผิวกระจกต้องมา Belotero Revive Filler ชื่อนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับวงการงานผิวมากเท่าไหร่ แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับขนานนามว่าเมื่อฉีดไปแล้ว จะทำให้ผิวใสเหมือนกระจก ซึ่งทาง Infiniz จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Belotero Revive Filler ให้ได้อ่านกันว่าฟิลเลอร์ตัวนี้คืออะไร และที่เค้าบอกต่อกันว่าผิวใสดุจกระจก Glass Skin นั้นจริงหรือเปล่า คำตอบที่ทุกคนสงสัยจะถูกคลายได้ด้วยบทความวันนี้ครับ Belotero Revive Filler คืออะไร BELOTERO REVIVE The World 1stSkin Quality HA filler ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิว ตัวแรกของโลก เป็นฟิลเลอร์ งานผิวตัวแรกที่มอบประสิทธิภาพอันส่งพลังของสารประกอบหลัก 2 ตัว คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic acid ขนิดพิเศษที่มีความอ่อนนิ่มและกลืนตัวสูงตามแบบฉบับของฟิลเลอร์สวิส อีกทั้งด้วยนวัตกรรมการผลิตซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้ดี ในขนาดโมเลกุลที่บางเบาที่สุด แต่ในขนาดความเข้มข้น 20 mg/mL และ Glycerol ขนาด 17.5 mg/mL ถือว่าเป็นความเข้มข้นสูงสุดในตลาด Filler งานผิวในปัจจุบัน มอบผลลัพธ์ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติทันทีที่ฉีด มีความปลอดภัยสูง ผ่านองค์การอาหารและยาของ 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง USA, EU และ ไทย Belotero Revive Filler ช่วยอะไรบ้าง ทำให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม Belotero Revive Filler ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และสามารถทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม เราจะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ คุณสมบัติเด่นของ Belotero Revive ทั้ง 3 ประการได้แก่ ทั้งสองส่วนประกอบหลักอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้น คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะต่างๆ หรือผิวที่เกิดจากภาวะคอลลาเจนลดลงจากอายุที่มากขึ้น โดยเหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่นหรือขาดความกระชับ รวมถึงมีปัญหาริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้าด้วยคุณสมบัติเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต็มขั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ 4 มิติ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว โดยจากประสบการณ์หลังฉีด จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผิวจะมีความแวววาว ดูละเอียด เรียบเนียนมากขึ้น ชัดเจนหลังจากที่ตัว Hyaluronic acid และ Glycerol กลืนตัวกับชั้นผิวได้ 100% และ เข้าทำการเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้อย่างดีที่สุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ผลการรักษาคงอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ตรงที่จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero Revive มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Merz Aesthetics Belotero Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสม เมื่อนำ Belotero Revive มาใช้ก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (Kertatinized layer of skin) จึงมีความสมบูรณ์ในเรื่องการเพิ่ม Hydration ตั้งแต่ผิวชั้นใน จนถึงผิวชั้นนอกสุด โดยสามารถล็อกความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังแท้ และผิวที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากการอิ่มน้ำ จะทำให้มีความเรียบเนียน ฉ่ำวาว หรือที่หลายคนเรียกว่า “Glass Skin” หรือผิวกระจก นั่นเอง Belotero Revive Filler ต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร Belotero จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและจุดที่เหมาะสมแก่การฉีดที่ไม่เหมือนกัน สำหรับรุ่น Belotero Revive กับรุ่นอื่น ๆ จะมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตา และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่นอกจากฟิลเลอร์คาง แล้ว ยังมีขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่ และต้องฉีดบ่อยแค่ไหน จากผลการศึกษาของ BELOVE study1 พบว่า BELOTERO REVIVE แสดงผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน และมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ดังนี้ Belotero Revive มีความสามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานได้ยาวนานมากถึง 9 เดือนในการรักษาเพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น ด้วยความเข้มข้นของตัวยาที่มี HA concentration สูงร่วมกับ Glycerol อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตามผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองและสภาพปัญหาผิวพรรณของผู้รับบริการ แต่ละท่าน โดยสามารถทำซ้ำได้ที่ 4 เดือน หลังการฉีดครั้งแรกในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ในรายปกติ อาจจะทำซ้ำที่ 9-12 เพื่อคงผลการรักษาไว้ต่อเนื่อง แนะนำ Belotero Revive Filler ที่ Infiniz Clinic ที่ Infiniz clinic ก่อนทำการฉีดมีการประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณ รวมถึงความหนาของชั้นผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ 3D Skinboosters by Belotero Revive เพื่อกำหนดชั้นผิวที่ต้องการฉีดเข้าซ่อมแซมได้อย่างตรงจุด ด้วยเทคนิค Mid-Dermis Injection ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฉีด Belotero Revive เพื่อที่ตัว HA จะเข้าสู่ชั้น Deep Dermis ได้ดี ส่วนตัว Glycerol จะลอยมาอยู่ในชั้นของ Keratin เปรียบเสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนี้ ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง จึงจะกำหนดความลึกของเข็มได้อย่างแม่นยำในแต่ละจุด เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนกว่า ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic Reference
ฟิลเลอร์ belotero ดียังไง แต่ละสีมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไร
ฟิลเลอร์ belotero ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถแก้ไขได้ทุกริ้วรอยบนใบหน้า สร้างผิวเรียบเนียนสวยฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยฟิลเลอร์เนื้อเนียนจากสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ประเภทเติมเต็มให้ผิวสวยอย่างต่อเนื่องจากยุโรป เติมเต็มได้ทุกสภาพผิว เน้นความเรียบเนียนได้ทุกสัมผัส ไม่เป็นก้อน มีความปลอดภัยสูง และไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ Belotero คืออะไร ฟิลเลอร์ Belotero คือหนึ่งในฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic acid ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความนิยม แพร่หลายในกลุ่มแพทย์ผิวหนังและความงามทั่วโลกนำมาใช้ในการแก้ไขเติมเต็มส่วนบกพร่องกับปรับรูปหน้าเช่นกัน นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics Thailand โดยผ่านการรับรองจาก US FDA, Thai FDA (อย.) CE Mark (Europe) และมีการยอมรับถึงความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน เนื่องจาก Belotero Filler ตัวโมเลกุลของ HA มีการรวมตัวกันขึ้นในรูปแบบของ patented CPM® (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ทำให้ตัวเจลมีความสามารถในการกลืนตัวกับผิว เรียบเนียนไปกับผิวของผู้รับบริการที่หลากหลายได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เกิดก้อนและด้วยขนาดของโมเลกุลที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นของ Belotero ทำให้มีความสามารถในการยึดเกาะในแต่ละตำแหน่ง ความยืดหยุ่น และ ความขึ้นรูป ในแต่ละบริเวณที่ได้รับการฉีดได้อย่างเหมาะสม ฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม บางคนอาจจะสงสัยว่า ฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม ต้องบอกก่อนว่าเป็นฟิลเลอร์เนื้อเนียนจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่โดดเด่นในเรื่องความเรียบเนียนและกลืนตัวกับผิวค่อนข้างมาก จึงเหมาะกับผู้รับบริการที่กลัวการเกิดก้อนหลังฉีด หรือผู้มีสภาพผิวบางและต้องการ การเติมเต็มหรือปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนถึงผิวสัมผัส หลังฉีดจะได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ โดยแนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดของ ฟิลเลอร์สวิตที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการรักษาสำหรับแต่ละบุคคล โดยสามารถแก้ปัญหาได้ดังต่อไปนี้ Belotero อยู่ได้นานไหม สำหรับ Belotero อยู่ได้นานหรือเปล่า ต้องบอกว่า ตัวเจล HA Belotero Filler ผ่านขบวนการผลิตด้วย กระบวนการ Dynamic Cross-Linking Technology (DCLT) โดยการมีการยึดเกาะกันของตัวเจลที่หนาแน่นมากขึ้น เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ฟิลเลอร์คงสภาพในผิวหนังได้ยาวนานขึ้นกว่าปกติ โดยเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และสภาพผิวหนังและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผิวของผู้รับบริการหลังทำ จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero แต่ละสี จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero จะมีความแตกต่างกันไป เนื่องจากแต่ละสี จุดที่สามารถรักษาได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในส่วนนี้ เราจะพาคุณไปดูว่าแต่ละสีมีจุดเด่นด้านไหนกันบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด และไม่ตกเป็นเหยื่อของการทำหัตถการจากคลินิกอื่น ๆ ทั้งนี้แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะพิจารณาชนิดของฟิลเลอร์ Belotero แก่ผู้รับบริการอีกครัง Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่ของฟิลเลอร์ เช่น คาง ขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement ฟิลเลอร์ Belotero แบบไหนเหมาะกับคุณ สำหรับคนที่ต้องการใช้ฟิลเลอร์ Belotero เพื่อต้องการลดเลือนริ้วรอย สิ่งหนึ่งที่คุณต้องคำนึงถึงก็ คือ ต้องการแก้ปัญหาที่ส่วนใด เพราะแต่ละสีจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ต้องเลือกสีให้ตรงกับความต้องการ เช่น ถ้าอยากได้ช่วยเรื่องรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก และรอบปากให้มีความเรียบเนียน ต้องใช้ฟิลเลอร์ปาก Belotero Balance เพื่อเพิ่ม volume ในผู้มีปากบาง แต่อาจจะใช้ Belotero Intense ในสาวที่อยากมีริมฝีปากขนาดใหญ่มากขึ้นและขอบปากเด้งแบบ สาย ฝ นั่นเอง ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อผลลัพธ์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการรับหัตถการแต่ละครั้ง
ทำความรู้จักกับ HA Filler สารเติมเต็มที่ Infiniz Clinic เลือกใช้
มาทำความรู้จักกับ HA Filler สารเติมเต็มที่ Infiniz Clinic เลือกใช้ หนึ่งในรูปแบบของการพัฒนาตัวเอง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความงาม เพราะคนเราเมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพหรือผิวพรรณ ที่ต้องทำให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ HA Filler ว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร เหมาะกับใคร เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ก่อนใช้บริการ HA Filler คืออะไร HA Filler (Hyaluronic Acid Filler) เป็นฟิลเลอร์ใช้ในการเติมเต็ม และเสริมส่วนบกพร่องมายาวนาน HA Filler ผลิตจากไฮยาลูโรนิค แอสิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ด้วยกระบวนการ Minimal Stabilization ส่งผลให้ HA สามารถคงอยู่ภายใต้ผิวหนังได้ยาวนานขึ้น HA ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้ารอบตัว ทำให้สามารถเติมเต็มเนื้อเยื่อให้กับผิวหนัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปกติเมื่อคุณมีอายุมากขึ้นไฮยาลูโรนิค แอสิด ธรรมชาติที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะมีปริมาณที่ลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย โครงสร้างใบหน้าแลดูหย่อนคล้อย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยอย่าง HA Filler เพื่อความอ่อนเยาว์ที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น HA Filler ทำงานอย่างไร หลักการทำงานของ HA Filler เมื่อเติมเต็มด้วย HA Filler จะช่วยเพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าของคุณกลับมาเต่งตึง และสามารถเติมเต็มริ้วรอย ให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติในทันที ด้วยความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก HA Filler เป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการภายใต้ความปลอดภัย สูงสุด HA Filler สามารถทำให้คุณสวยอย่างเป็นธรรมชาติได้ในทันที และจะคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทั้งนี้ฟิลเลอร์บางชนิดสามารถอยู่ได้ถึง 2 ปี HA Filler เหมาะกับใคร ถ้าถามว่า HA Filler เหมาะกับใคร จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล แต่กลุ่มที่เหมาะในการจะมาใช้บริการ HA Filler มีดังนี้ HA Filler ฉีดตรงไหนดี สำหรับคำถามที่ว่า HA Filler ฉีดตรงไหนดี นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่สงสัย ซึ่งสามารถตอบได้ตรงนี้เลยว่า จุดฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมประกอบไปด้วย ร่องแก้ม การฉีด HA Filler บริเวณร่องแก้ม เหมาะกับใบหน้าที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย เพราะจะช่วยกักเก็บน้ำไว้ชั้นใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มบริเวณช่องว่างของชั้นเซลล์ผิว ส่งผลให้ร่องแก้มที่ดูลึกนั้นตื้นขึ้น เรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ขมับ การฉีด HA Filler บริเวณขมับ เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องโหนกแก้มสูง ผิวหน้าแก่กว่าวัย จะช่วยให้ใบหน้าได้สัดส่วนสวยงาม ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น จมูก การฉีด HA Filler บริเวณจมูก เหมาะสำหรับคนที่ไม่มั่นใจทรงจมูกของตัวเอง ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยในส่วนของการปรับสันจมูกให้ได้รูป หรือมีความโด่งเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ใต้ตา การฉีด HA Filler บริเวณใต้ตา เหมาะสำหรับคนที่บริเวณร่องใต้ตาลึก มีถุงไขมันใต้ตา ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนคนที่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และยังช่วยลดรอยดำ ร่องลึก อีกด้วย ริมฝีปาก การฉีด HA Filler บริเวณริมฝีปาก เหมาะสำหรับคนที่ปากไม่ได้รูป โดยฉีดเพื่อให้ปากมีความอวบอิ่ม เติมเต็มบริเวณร่องปาก ยกมุมปากให้ได้ทรงสวย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด บริการ HA Filler ที่ Infiniz Clinic HA Filler ที่ Infiniz Clinic เลือกใช้ HA Filler ผลิตจากประเทศสวีเดนและอเมริกาเท่านั้น โดยถูกนำมาใช้แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ตั้งแต่ปี 1996 และปัจจุบันได้มีการใช้ HA Filler อย่างแพร่หลาย มากกว่า 28,000,000 การรักษา และมีการใช้มากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยทาง Infiniz Clinic มีการใช้ HA Filler ในการรักษาแทบทุกปัญหาของผิวตั้งแต่ร่องลึก ริ้วรอย ปรับรูปหน้า เสริมคาง จมูก แก้ไขปัญหาผิวขาดน้ำ หยาบกร้าน ขาดความยืดหยุ่น โดย 2 รุ่นที่ได้รับการยอมรับและนำเข้ามาใช้ภายในคลินิกคือ Restylane และ Juvederm เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลทันทีหลังทำหัตถการ
ทำความเข้าใจเรื่อง Filler เติมเต็มอย่างปลอดภัย
Fillers ที่ปลอดภัยจะเป็นกลุ่มที่อยู่ได้ระยะเวลาหนึ่งนานพอควร แต่ไม่ถาวร (non permanent)