เป็นอีกหนึ่งงานบรรยายวิชาการประจำปีของบริษัท Galderma Thailand ที่เป็นงานประชุมวิชาการ บรรยายแก่แพทย์ความงามทั่วทั้งประเทศโดยในปีนี้มีหัวข้อที่ชื่อว่า Turn on your AART into HIT SHAPE UP and GLOW ON แปลแบบสรุปก็คือ รูปแบบการวิเคราะห์รูปหน้าผิวพรรณเพื่อกำหนดจุดที่เป็นปัญหาของผู้รับบริการก่อนจะวางแผนการใช้ สารลดเรือนริ้วรอย สารเติมเต็มในกลุ่ม Hyaluronic acid และ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นำมาซึ่งการรักษาที่ตรงจุดชัดเจนและได้ผลอย่างเป็นธรรมชาติ โดยปราศจากผลข้างเคียง
ในงานนี้ มีการพูดถึงการใช้ตัว Collagen Biostimulator( Sculptra) ในการฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียง เช่น ก้อน หรือ ผิวไม่เรียบ ตลอดจนระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้งก็ต้องมีความเหมาะสม โดยมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล เป็นหน้าที่ที่แพทย์ควรต้องมีความรู้และประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงจะสามารถประเมินรูปแบบการรักษาในแต่ละบุคคลได้อย่างดี เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดนั่นเอง การใช้ Sculptra ร่วมกับการใช้เครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera, Ultrafomer MPT, Thermage FLX หรือ เลเซอร์กลุ่มยกกระชับอื่นๆ ก็เช่นกัน เป็นการรักษาที่เป็นที่นิยมอย่างมาก
โดยควรต้องเว้นระยะการรักษาระหว่างกัน ประมาณ 1 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบหรือการระบมในชั้นผิวที่มากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียง
สิ่งที่เป็น Highlight สำคัญคือ การฉีด Sculptra ควบคู่กับการฉีด Skinboostersเพื่อกระตุ้นให้ผิวมีคอลลาเจนใหม่มากขึ้น ร่วมกับการเติมน้ำให้ผิวในระดับชั้นลึกซึ่งผลที่ได้ย่อม Double
เกิดปรากฏการณ์ผิวฉ่ำวาว เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย และ ดูอ่อนเยาว์ ไปพร้อมๆกัน โดยผู้รับบริการไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตต่อได้ตามปกติ แต่เทคนิคนี้ ต้องอาศัยการจัดวางโดยแพทย์ที่มีความแม่นยำในชั้นผิว และ การออกแบบเพื่อกำหนดจุดยก ดึง โครงสร้างผิวที่ถูกวิธี ให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างและชัดเจนกว่าวิธีปกติ และหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย
นอกจากนี้การปรับรูปหน้าด้วยการฉีด HA Filler ร่วมกับ Sculptra ย่อมสามารถทำได้แต่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องอาศัยการวิเคราะห์รูปหน้าอย่างละเอียดเพื่อการจัดวาง HA Filler ปรับโครงสร้างเสริมความงามให้ตรงจุด ร่วมกับการฉีด Sculptra กระชับผิวเข้าไปอีกระดับนึง จึงต้องอาศัยการคาดคะเน ปริมาณ PLLA SCA (Sculptra) ที่แม่นยำ จัดวางอย่างถูกต้อง และ ไม่รบกวนการทำงานของ HA Filler โดยตำแหน่งที่มักได้ผลดีคือ การฉีดบริเวณแก้ม ใต้ตา ร่องแก้ม และ คางกรอบหน้า นั่นเอง ทั้งหมดนี้ เป็นรูปแบบการรักษาที่ Customized อย่างชัดเจนจึงต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง
ในงานวิจัยล่าสุด มีการทดลองดู Gene expression หลังการฉีด Sculptra เข้าไปในเนื้อเยื่อ พบว่า มีการกระตุ้นให้ผิว มีการสร้าง Fibroblast, Collagen type 1 & 3, Elastin และ Proteoglycan อย่างชัดเจน
ด้วยขบวนการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลาหนึ่งจนถึง 2 ปีซึ่งพบว่า ยังมีการเกิด ขบวนการยับยั้งการอักเสบเพื่อลดการเกิดการกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวของเราไม่ต้องการอีกด้วย
สุดท้าย ก่อนทำการเลือกการฉีด Biostimulator ตัวใด แพทย์ควรคำนึงถึง ลักษณะของ Particle คุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของสารตัวนั้น ความคงทนอยู่ในผิวของเราได้ยาวนานแค่ไหน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ และเมื่อเกิดแล้วสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ผลที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณหลังได้รับการฉีดไปแล้วเป็นแบบใด ขบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นได้ โดยBiostimulator แต่ละตัว มีลักษณะที่แตกต่างกันทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง และ วิธีการฉีดก็มีความแตกต่างกันผู้รับบริการจึงควรศึกษารายละเอียด คุณสมบัติ หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ก่อนทำการรักษา เพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ตอบโจทย์ ตรงใจผู้รับบริการแต่ละคนนั่นเองครับ