คุณหมออู๋แนะนำการดูแลผิวแห้งในช่วงอากาศหนาว
“Winter Itch” หรือ “Winter Xerosis” ภาวะผิวแห้งขาดน้ำในฤดูหนาว เกิดจาก ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่ลดลงเช่นเดียวกับการเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนังชั้นนอกที่ลดน้อยลงตามสภาพอากาศภายนอกนั่นเอง โดยอาการดังกล่าวจะเกิดได้ง่ายใน คนที่มีปัญหาผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว ผู้ป่วยภูมิแพ้ผิวหนังที่มักจะมีเซลล์ผิวที่เก็บกักน้ำได้น้อยอยู่แล้วอาการจึงกำเริบในช่วงฤดูหนาว หรือคนทั่วไปที่การดูแลผิวไม่ถูกต้องตามสภาพอากาศที่แห้ง และหนาวเย็นลงย่อมได้รับผลกระทบจากภาวะผิวแห้งขาดน้ำเช่นกัน เช่น การใช้สบู่ที่ขจัดน้ำมันส่วนเกินที่ผิวมากเกินไป การเปิด Heater หรือแม้แต่การมีกิจวัตรประจำวันกลางแสงแดดเป็นระยะเวลานานโดยไม่ทาครีมกันแดดที่เหมาะสม โดยอาการที่พบส่วนมาก มักมีอาการคันตามผิวหนัง ระคายเคืองง่าย ผิวหนังอักเสบเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง ภาวะผิวแห้งในหน้าหนาว เป็นภัยร้ายต่อผิวในหลากหลายมิติ โดยสามารถเป็นต้นเหตุของการเกิดผื่นแพ้ (Eczema) เรื้อรังและรักษายากในระยะยาว จนเกิดเป็นภาวะแผลเป็นแข็งนูนตามมา หรือ มีการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ไวรัสหูดบางชนิดได้ ในผิวที่เป็นผื่นแพ้เนื่องจากภูมิคุ้มกันผิวค่อนข้างอ่อนแอนั่นเอง ดังนั้น ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณที่สูญเสียการเก็บน้ำในช่วงหน้าหนาวเพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว วิธีการดูแลผิวแบบง่ายๆในช่วงอากาศหนาวมีดังนี้ -การใช้ moisturizing skin care ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและเก็บกักน้ำไว้ใต้ผิว รวมทั้งเคลือบผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง 3 อย่าง ได้แก่ Humectants ช่วยดึงดูดโมเลกุลของน้ำเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ประกอบไปด้วย ceramides (pronounced ser-A-mids), glycerin, sorbitol, hyaluronic acid, and lecithin Sealing substances ช่วยซีลปิดเพื่อกันการระเหยของน้ำออกจากเซลล์ผิว ได้แก่ petrolatum (petroleum jelly), silicone, lanolin, and mineral oil Emollients เช่น linoleic, linolenic, and lauric acids มีบทบาทช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวให้มีประสิทธิภาพในการเก็บน้ำและน้ำมันที่สำคัญในระดับเซลล์ไว้ให้มีประสิทธิภาพในการสร้างความชุ่มชื้นต่อผิวได้อย่างดีเยี่ยม คงทนต่อสภาพอากาศหนาวได้ดี -อาจเพิ่มเครื่องปล่อยความชุ่มชื้นในอากาศ (Humidifier) เพื่อทำให้บรรยากาศ และ ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น -ใช้สบู่ที่มี Moisterizer บำรุงผิวเสมอได้แก่ Dove, Olay, and Basis หรือCleansers ที่ไม่มีสบู่ เช่น Cetaphil, Oilatum-AD, and Aquanil. แทนสบู่ปกติ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหลังอาบน้ำ แล ระยะเวลาในการอาบน้ำควรจำกัดลดลงแค่ 5-10 นาที ต่อครั้ง และไม่บ่อยเกินไป จนทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น -ควรลดการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะ น้ำอุ่นจะละลาย Natural oil ที่ติดอยู่ที่ผิวออกไป ทำให้ผิวยิ่งแห้งลง -ควรหลีกเลี่ยง สบูที่มีน้ำหอม ระงับกลิ่น หรือ สบู่ที่ผสมแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะละลาย Natural oil ที่ผิวเราออกไปเช่นกัน -แนะนำทา Moisturizer บำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำหรือล้างมือ เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กลับคืนสู่ผิว -ควรใช้ผงซักฟอกที่ปราศจากน้ำหอม และ งดใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม -หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อขนสัตว์ ใยสังเคราะห์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว -แนะนำทาครีมกันแดดที่มีสามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB เนื่องจากในช่วงหน้าหนาว แสงแดด สามารถทำร้ายผิวได้มากขึ้นจากผิวที่แห้งลง และ UV index ที่เพิ่มมากขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มี Moisturizer ผสมด้วยจะดีขึ้นในผู้มีภาวะผิวแห้ง -ก่อนโกนขน หรือหนวด แนะนำทา Shaving cream หรือ Oil บนผิวสักระยะหนึ่งก่อนเริ่มโกนเพื่อช่วยลดการระคายเคืองจากใบมีดโกนได้ -การทา Pretolatum เพื่อเคลือบปิดผิว แนะนำทาทีละน้อย เพื่อช่วยลดความเหนอะไม่สบายผิว อาจจะแนะนำเป็นทาทีละน้อย แต่ ทาบ่อยขึ้น -หากมีอาการคันจากผิวแห้ง ไม่ควรเกา แนะนำทา Moisturizer ที่ช่วยลดอาการคันได้ดี โดยอาจจะมีสาร Menthol ให้ความเย็นทดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง การเพิ่ม Skin Hydration ให้กับผิวด้วยโปรแกรม 3D Skinboosters ที่ Infiniz clinic โดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ มีโปรแกรมรักษาผิวขาดน้ำและสร้างความกระจ่างใส โดยได้รับความนิยมในช่วงหน้าหนาว ด้วยหลักการฉีดตัว Hyaluronic acid skinboosters เข้าไปสู่ชั้นหนังแท้ เพื่อเป็นตัวช่วยให้เก็บกักน้ำสู่เซลล์ผิวชั้นลึก ผลที่ได้จึงเพิ่มน้ำให้กับเซลล์ผิว การทำงานของเซลล์ผิวกลับสู่ภาวะสมดุลย์มากขึ้น จึงทำให้ผิวเนียนนุ่ม เปล่งประกาย สดใส เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง ตลอดจน แลดูสุขภาพดีอีกด้วย ด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวของโปรแกรม 3D Skinboostersด้วยการทำskin highlight & shading จะทำให้ผิวดูแวววาว มี Focused zone รับแสงจาก Light reflection และ มี Shading zone เกิดความละมุนใบหน้าเข้ารูปมากขึ้น นั่นเอง
Belotero Revive ฟิลเลอร์เพื่อผิวสวยฉ่ำวาว สไตล์สาวเกาหลี
เคยสงสัยกันมั้ย ว่าทำไมดาราเกาหลี หรือคนเกาหลีถึงดูผิวใส ฉ่ำวาวกันมาก นั่นก็เพราะว่าพวกเค้าได้มีการบำรุงและปรนนิบัตรผิวหลายอย่าง รวมถึงการเข้าคลินิกเพื่อทำหัตถการความงามต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์งานผิวหรือการดริปวิตามิน สำหรับที่ Infiniz Clinic ก็มีการฉีดฟิลเลอร์เพื่อสร้างผิวกระจกประดุจหนุ่มสาวเกาหลี อย่าง โปรแกรม Belotero Revive ซึ่งในวันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกันมากขึ้นว่าดียังไง สำหรับงานผิว จุดเด่นมีอะไรบ้าง ต่างกับ Rejuran ยังไง ที่สำคัญหากฉีด Belotero Revive สามารถทำหัตถการอื่นได้หรือเปล่า คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว Belotero Revive ดียังไง สำหรับงานผิว โปรแกรมฟิลเลอร์ Belotero revive งานผิวจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการผสมผสานสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่าง Hyaluronic acid และ Glycerol ที่ผลิตภายใต้กระบวนการผลิตโดยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียนไปกับผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติหลังทำ ฟิลเลอร์ Belotero revive ช่วยปรับคุณภาพผิวได้มากถึง 4 มิติ เพิ่มความยืดหยุ่น และความกระชับให้แก่ผิว ช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ลดขนาดของรูขุมขน ทำให้รูขุมขนเล็กลง แก้ปัญหาริ้วรอยบนผิว ให้เรียบเนียน ลดปัญหาหลุมสิวให้ตื้นมากขึ้น ลดการระคายเคือง ลดความแดง ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดความหมองคล้ำ รอยแผลเป็น ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ปรับสีผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวเงา ผิวฉ่ำวาว เหมือนผิวกระจก Belotero Revive มีจุดเด่นอะไรบ้าง เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นผิว ตัว Belotero revive มีความแตกต่างที่มีส่วนผสมของสาร Hyaluronic acid และ Glycerol ในขณะที่แบรนด์อื่นๆมีแค่สาร Hyaluronic acid โดยการผสมผสานระหว่างสาร Hyaluronic acid (HA) 20mg/ml และ Glycerol 17.5mg/ml ของ Belotero Revive ส่งผลให้เมื่อฉีดลงบนผิวหน้าของผู้รับบริการแล้ว จะเกิดผลที่แตกต่างจากฟิลเลอร์งานผิวตัวอื่นๆ ดังนี้ ความแตกต่างระหว่าง Belotero Revive กับ Rejuran Belotero Revive จะโดดเด่นในเรื่องของการกักเก็บความชุ่มชื้นได้สูงกว่า เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Glycerol ที่ช่วยเรื่องการอุ้มน้ำ และ Hyaluronic acid ที่ช่วยในเรื่องการดึงดูดน้ำเข้าสู่เซลล์ผิวซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวขาดความชุ่มชื้น ใบหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และรูขุมขนกว้างได้ดี ส่วน Rejuran จะมีส่วนผสมหลักจาก PN (Polynucleotide) ที่สกัดจาก DNA Salmon และเป็น DNA ที่มีความคล้ายคลึงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมผิวในระดับลึก และแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวเนียนใสดูอ่อนเยาว์ขึ้น จะมีความโดดเด่นในเรื่องการซ่อมแซมเซลล์ และช่วยให้โครงสร้างผิวทั้งผิวชั้นบน และคอลลาเจน ให้มีความแข็งแรงและการจัดเรียงตัวที่ดีกว่า ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวอักเสบ รอยแดง ปรับความหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ฟื้นฟูหลุมสิว ซ่อมแซมเซลล์ผิวจากโครงสร้างภายในทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ ทั้งสองหัตถการก็สามารถฉีดร่วมกันได้ เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวที่ดูดี อิ่มน้ำ ผิวกระชับ ดูเรียบเนียน โดยที่ Rejuran และ Belotero revive จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของการทำให้ผิวฉ่ำวาว ปรับผิวให้กระจ่างใส และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในส่วนของความแตกต่างกันนั้น โดย rejuran จะช่วยปรับให้ผิวโดดเด่น เล่นแสงไฟได้ดีกว่า หรือคล้ายผิวกระจกนั่นเอง ฉีด Belotero Revive แล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม การฉีดฟิลเลอร์ Belotero revive สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ เพื่อแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย และ ส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Ulthera / Ultraformer MPT หัตถการ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือ เครื่องเลเซอร์ยกกระชับอื่นๆ ซึ่งลำดับในการทำขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่คนไข้แต่ละท่านมี และความต้องการที่อยากจะแก้ไข หมอแนะนำส่งรูปหน้าให้ประเมินปัญหาผิวเบื้องต้นก่อนได้เพื่อการวางแผนการรักษาที่ละเอียดและชัดเจนมากขึ้น ผิวใส งานสวย ต้องมาทำที่ Infiniz Clinic ฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic เราให้บริการด้วย Product แท้ทุกยี่ห้อที่นำมาใช้ที่คลินิกล้วนแล้วแต่ผ่าน อย. ทั้งหมด รับรองได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าอย่างถูกต้องจากบริษัทตัวแทนจำหน่าย 100% ดังนั้นเมื่อคุณเข้ามาใช้บริการกับเรา นอกจากจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์อย่างหมออู๋ ณัฐพล ที่คอยตรวจสอบสภาพผิวและแนะนำการรักษาตลอดจน ควบคุมปริมาณและความเหมาะสม รวมไปถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นเฉพาะผิวของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง Infiniz clinic ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ติดกับ BTS ชิดลม ดังนั้นหากคุณกำลังสนใจที่สนใจเรื่องงานผิว ฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่ Infiniz clinic คือคำตอบสำหรับทุกท่านครับ
ฉีด Exosome คืออะไร? อันตรายหรือเปล่า? พร้อมวิธีการดูแลตัวเองก่อนฉีด
ช่วงนี้เทรนด์การสร้างผิวสุขภาพดีกำลังมาแรง คุณอาจจะเห็นตามสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่แนะนำให้ไปทำหัตถการ ทำเลเซอร์ หรือการใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ ฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ชุ่มชื้น เรียบเนียน แก้ไขร่องลึก ริ้วรอยตื้น หรือแม้กระทั่งรอยหลุมสิว ซึ่งในวันนี้ทาง Infiniz Clinic จะขอแนะนำให้รู้จักกับอีกหนึ่งหัตถการที่น่าสนใจ นั่นคือ ตัว Exosome โดยในวันนี้เราจะบอกให้คุณรู้เกี่ยวกับการฉีด Exosome ดีไหม มีความแตกต่างยังไงกับฟิลเลอร์และอันตรายหรือไม่ ฉีด Exosome คืออะไร มีส่วนประกอบใดบ้าง ? Exosome คือ รูปแบบของถุงบรรจุขนาดนาโนเมตรที่ประกอบไปด้วยสาร ประกอบทางอนุภาคเคมีระดับเซลล์ที่ถูกปล่อยออกมาจากสเต็มเซลล์ (Stem Cell) โดยหลักๆคือ ทำหน้าที่ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล (Parakine) กว่า 1,000 ชนิด เช่น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acids และโปรตีนต่าง ๆ มากมาย โดยช่วยส่งสัญญาณระดับเซลล์ให้มีการทำงานที่ดีมากขึ้น และพัฒนาเป็นเซลล์ปกติที่มีการทำงานอย่างสมบูรณ์และแข็งแรงเพียงพอ ดังนั้น จึงมีผู้คิดค้นประโยชน์ของรูปแบบการเก็บสารประกอบทางชีวเคมีระดับเซลล์เหล่านี้จาก stem cell มนุษย์ สกัดออกมาอย่างถูกต้อง ปลอดเชื้อ และคงสภาพการทำงานไว้ได้ 100 % เพื่อใช้เป็นเทคโนโลยีในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ ด้วยอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนที่มีขนาดเล็กกว่าเซลล์โดยทั่วไปถึง 1/1,000 เท่า มีขนาดของอนุภาคเพียง 30-100 นาโนเมตร โดยมีส่วนประกอบมากกว่า 1,000 ชนิด เช่น กรดไขมัน กรดอะมิโน โปรตีน จึงทำให้เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้ว จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวหนัง และกระตุ้นการทำงานให้ฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสวยงาม Growth Factor Growth Factor คือ สารกลุ่มโปรตีนระดับชีวโมเลกุลขนาดเล็กที่เซลล์ร่างกายผลิตขึ้นมากระตุ้นการทำงานของเซลล์โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ในรูปแบบปกติ การซ่อมแซมเซลล์ให้ทำงานปกติ ลดการบาดเจ็บ ลดการอักเสบ รวมทั้งบางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังให้อยู่ในระดับปกติ การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนัง (Cell Differentiation) ให้อยู่ใน Cycle ปกติที่ 21-28 วัน เหนี่ยวนำกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรงสวยงาม และการสร้างกรดไฮยาลูรอนิค ในเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ผิวหนังให้มีการทำงานที่เป็นปกติ เพื่อเก็บน้ำสร้างความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน ปัจจุบัน Exosome จึงทำให้ช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัยให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ Cytokine Cytokine คือ สารประกอบโปรตีนชีวเคมีขนาดเล็กที่ผลิตจากเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่เป็นตัวสื่อสารกับเซลล์เม็ดเลือดขาว เกิดขึ้นเวลาเซลล์มีการบาดเจ็บหรืออักเสบ ทำหน้าที่ทั้งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและรักษาบาดแผล ลดอาการอักเสบต่างๆ ของผิว ในส่วนประกอบที่คัดเลือกมาบรรจุใน Exosome จะเลือกใช้ส่วนที่ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังให้คืนสภาพอ่อนเยาว์ เช่นเดิม Micro RNA : miRNA Micro RNA : miRNA คือ สายโมเลกุล RNA ขนาดเล็ก ทำหน้าที่ควบคุมการแสดงออกของยีนและควบคุมระดับ mRNA ในเซลล์ ในระดับของ Exosome จะเลือกกลุ่ม mRNA ที่ดีโดยกระตุ้นการทำงานของยีนที่ดีเพื่อสร้างโปรตีน กระตุ้นให้การทำงานของเซลล์เป็นไปอย่างเป็นระเบียบและแบบแผนที่ถูกต้อง และยับยั้งการทำงานยีนที่ผิดปกติ เพื่อให้เซลล์มีประสิทธิภาพในการ ซ่อมแซม ฟื้นฟู ลดการอักเสบ และช่วยชะลอวัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังควบคุม การสร้างเซลล์ที่ผิดปกติอีกด้วย Biological compounds Biologica คือ สารชีวโมเลกุลต่างๆ ที่สเต็มเซลล์สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการรักษา และปรับสมดุลภายในเซลล์ เสริมสร้างเซลล์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กรดไขมัน โปรตีน กรดอะมิโนต่างๆ โดยพวกนี้มีผลต่อการทำงานของพวกเอนไซม์ หรือ เป็น Catalyst / Co-Factor ให้การทำงานของเซลล์ในการเจริญเติบโต มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างฉีด Exosome กับ ฟิลเลอร์ Stem cell Exosome (Exosome) ผ่านกระบวนการผลิตจาก Biochemical Parakine (สารเคมีที่ส่งสัญญาณการทำงานระหว่างเซลล์) ของ Umbilical Cord Cell Line (เซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือเด็กแรกเกิด) นั่นเอง ซึ่งส่วนประกอบที่บรรจุใน Exosome ก็คือสารอาหาร โปรตีน และโมเลกุลอื่นๆที่ช่วยในเรื่องการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังของเราช่วยให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ตามจุดต่าง ๆ และชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ คืนความแข็งแรงให้เซลล์ ดังนั้น Exosome จึงเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผิวหนังดูสุขภาพดี ผิวไม่แห้งโทรม ลดเลือนปัญหาริ้วรอย รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และดูอ่อนวัย ในทุกมิติ ฟิลเลอร์ มีส่วนประกอบสำคัญคือ Hyaluronic acid ชนิดที่ช่วยในเรื่องการรักษาผิวพรรณ จะมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก และ แทรกตัวเข้าสู่เซลล์ผิวได้อย่างดี โดยหลักการทำงานคือกระตุ้นให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น และ กระตุ้นการสร้าง growth Factor ในระหว่างการฉีด ทำให้เกิดผลคือคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วมีความกระชับพองตัวและมีการจัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบมากขึ้น ผลที่ได้ คือ คอลลาเจน และ อีลาสติน คืนสภาพ ผิวจึงมีความกระชับ เรียบเนียนมากขึ้น รวมทั้งช่วยในเรื่องของผิวขาดน้ำได้เป็นอย่างดี โดยฟิลเลอร์งานผิวที่แนะนำคือ Belotero Revive / Restyalne Vital Light and Juvederm Volite นั่นเอง โดยทั้งสองหัตถการรักษาผิวพรรณ มีความแตกต่างกันจากที่มา และ ชนิดของสารที่เติมเข้าสู่ชั้นผิว โดยจุดมุ่งหมายการรักษาที่แตกต่างกัน โดยการฉีด Exosome จะช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานของฟิลเลอร์งานผิวได้ดียิ่งขึ้น จากการที่เซลล์ผิวหนังมีโปรแกรมการทำงานที่รวดเร็ว จึงทำให้เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ดูแลตัวเองก่อนและหลังการฉีด Exosome การเตรียมตัวก่อนฉีด Exosome เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด โดยวิธีการเตรียมตัวก่อนทำ ประโยชน์ของการฉีด Exosome 1.ช่วยฟื้นฟูผิว ให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ในทุกมิติ การฉีด Exosome ช่วยรักษาให้เซลล์ผิวหนังที่อ่อนแอ แข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในผิวทำให้ผิวเต่งตึง และย้อนวัยผิวได้อย่างดี ช่วยให้เซลล์มีการผลัดตัวและเจริญเติบโตอย่างปกติในช่วงเวลาที่เหมาะสม 3-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังที่ผิดปกติ หรือ เนื้องอกผิวหนัง เช่น กระเนื้อ รูขุมขนอุดตัน เป็นต้น 2.ช่วยรักษาแผล ให้แผลหายเร็วขึ้น ในช่วงการเกิดแผล Exosome ที่เข้าสู่เซลล์ผิวหนังจะลดขบวนการอักเสบ บวม แดง และ ช่วยให้มีการหลั่งโปรตีนที่จำเพาะต่อขบวนการลดการอักเสบออกมาได้อย่างดี ทำให้การหายบวมแดงของแผลรวดเร็วมากขึ้น ตลอดจนขบวนการซ่อมแซมแผลด้วยการสร้างคอลลาเจน Type 1:3 ในสัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อลดการเกิดแผลเป็นที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย 3.ช่วยลดเม็ดสีที่ผิดปกติได้จากการยับยั้งการสร้างเม็ดสี เมื่ออายุมากขึ้นสัดส่วนของเซลล์เมลานินที่ผิดปกติก็มีมากขึ้น นำไปสู่การเกิดพวก ไฝ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ผิดปกติ โดยบางทีหาสาเหตุไม่ได้ การฉีด Exosome ช่วยทำให้ชนิดของเซลล์ในชั้นผิวหนังกลับมาเป็นปกติเหมือนหนุ่มสาวอีกครั้ง จึงลดปริมาณเม็ดสีส่วนเกิน และช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจน หรือ อีลาสตินแทน ทำให้ลดการเกิดเม็ดสีผิดปกติ ขจัดเม็ดสีส่วนเกิน ด้วยขบวนการตามธรรมชาติเพื่อคืนสภาพผิวสู่ความอ่อนเยาว์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้จุดด่างดำบนใบหน้าขาวขึ้น และผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น 4.ช่วยลดอาการผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ต่างๆ ช่วยลดผื่นผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ เนื่องจากลดขบวนการอักเสบของเซลล์ผิวได้อย่างดี ทำให้โอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ Atopic Dermatitis, Seborrheic Dermatitis, Contact Dermatitis, Perioral Dermatitis หรือ Rosacea ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากขบวนการทำงานของ Exosome ที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้นั่นเอง อย่างไรก็ตามภาวะภูมิแพ้ผิวหนังที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการดูแลตัวเองเรื่องการพักผ่อน ความเครียด และการรับประทานอาหาร ผลการรักษาจึงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล 5.ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ในผู้ชายและ ผู้หญิง (Male & Female Pattern Alopecia) เนื่องจากตัว สารอาหารและโปรตีนที่ส่งเสริมการทำงานระดับเซลล์ จาก Programmed Hair Stem Cell Line ที่คัดเลือกมาบรรจุใน Exosome มีความสามารถในการทำให้ รากผมมีขนาดใหญ่มากขึ้น ส่งผลให้ผม มีขนาดใหญ่ และ หนามากขึ้น จึงนำมาใช้ในการฉีดกระตุ้นรากผม และ บำรุงผมให้กลับมา ดกดำ และ เพิ่มปริมาณมากขึ้น นั่นเอง อย่างไรก็ตามแพทย์ต้องมีการตรวจสภาพหนังศีรษะ และ ลักษณะของเส้นผม ก่อนทำการรักษาและเลือกชนิดของ Exosome ที่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ฉีด Exosome อันตรายไหม Exosome เป็นสารสกัดที่มาจากเซลล์เพาะเลี้ยง ของสายสะดือเด็กแรกเกิด (Umbilical Cord Cell Lne) จากบริษัทที่น่าเชื่อถือ และ มีใบตรวจสอบความปราศจากเชื้อ และ ปริมาณเซลล์ที่ชัดเจน จึงมีความปลอดภัย ตลอดจน แพทย์จะเป็นผู้ตรวจสอบ ชนิดของส่วนประกอบใน Exosome เพื่อความถูกต้องก่อนการนำมาฉีดรักษาที่ใบหน้าหรือหนังศีรษะ และด้วยขั้นตอนเหล่านี้ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ถึงความบริสุทธิ์ของ Exosome และ การนำมาใช้ได้อย่างตรงจุด และ ปราศจากผลข้างเคียง ทางคลินิกไม่มีนโยบายการใช้ Exosome ที่ผลิตในประเทศ หรือ สารสังเคราะห์เลียนแบบ เพื่อป้องกันการเกิดสารเคมี หรือสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจือปน จะพิจารณาการรักษาโดยการใช้ Exosome ของแท้และ ผลิตด้วย LAB ที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย มีข้อมูลรายละเอียด แสดงการตรวจที่ปลอดเชื้อ และ สารปนเปื้อน เท่านั้น ฉีด Exosome ที่ Infiniz ต่างจากที่อื่นยังไง ชนิดของ Exosome ที่นำมาใช้ที่ อินฟินิซ คลินิก มาจากห้อง LAB ที่ได้มาตรฐาน และ ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย มีใบรายงานผลความปราศจากเชื้อ และ จำนวนเซลล์ที่ชัดเจน ก่อนนำมาใช้ทำหัตถการทุกเคส จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยก่อนทำการรักษาได้ทุกรายหัตถการ นอกจากนี้ แพทย์ต้องเป็นผู้ตรวจประเมินปัญหาและเลือกใช้ชนิดของ Exosome ที่มีความเหมาะสมกับปัญหา และเทคนิคการใช้เข็มทั้งขนาดและความลึกก็มีความสำคัญต่อผลการรักษาเช่นกัน เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ตรงจุดและประสิทธิภาพสูงสุด แพทย์ทุกท่านผ่านการ เทรนนิ่งโดย คุณหมออู๋ ณัฐพล ถึงแนวทางการเลือกใช้ Exosome การประเมินสภาพปัญหา และ เทคนิคการฉีดในผิวหนังของผู้รับบริการแต่ละท่าน
ใครอยากผิวสวยต้องรู้! ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? มีประโยชน์ยังไง
ในยุคที่ผู้หญิงหลาย ๆ คน ให้ความสำคัญกับผิวมากขึ้น จึงมีเทคโนโลยีหลายประเภทที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องผิว ให้ดูมีสุขภาพดี ผิวสวย ฉ่ำ โกลว์ หนึ่งในนั้นคือฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ อาทิเช่น เติมเต็มร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาร่องแก้ม ไปจนถึงเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี ในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์งานผิว ว่าคืออะไร มีประโยชน์ และข้อควรระวังอะไรบ้าง พร้อมแนะนำคลินิกที่ปลอดภัยต่อการทำหัตถการดังกล่าว ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? การใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุล Hyaluronic acid ชนิดพิเศษที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ความเข้มข้นพอเหมาะกับการเติมเต็มเข้าสู่ชั้นผิวหนังระดับตื้น โดยออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดี อยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ ผิวหนังชั้นนอกและคงความชุ่มชื้นต่อเนื่องอย่างยาวนาน โดยไม่ทําให้ผิวบวมหรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป ด้วย ผ่านเทคนิคพิเศษในการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง ให้กระจายทั่วใบหน้า โดยโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มีส่วนช่วยเสริมสร้าง การเก็บกักน้ำในผิว ทําให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น ปรับเปลี่ยนโครงสร้างผิวให้แข็งแรงมากขึ้นเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ประโยนช์ที่ทำให้ต้องฉีด ฟิลเลอร์งานผิว ? ข้อควรระวัง ในการฉีดฟิลเลอร์งานผิว ? ในการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องระวังเรื่องฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน หากเจอฟิลเลอร์ปลอม นอกจากจะไม่ได้ผลการรักษาที่ต้องการแล้ว เนื้อฟิลเลอร์จะไม่สลาย ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อและทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายได้ ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มี 4 ข้อที่ต้องใส่ใจ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ฟิลเลอร์งานผิว ที่ infiniz ใช้ยี่ห้ออะไรบ้าง ? Restylane Vital Light ยี่ห้อแรก Restylane Vital Light ฟิลเลอร์รุ่นนี้ของแบรนด์ Restylane โดยมีส่วนผสมของยาชา และเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเนื้อเบา เจล HA มีอนุภาคเล็ก เนื้อละเอียด สามารถแก้ไขจุดที่ปัญหาเล็ก ๆ เช่นริ้วรอยตื้นๆ รอยหลุมสิว และถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับปรับคืนความชุ่มชื้นของผิวหนังในระดับลึก (Deep Hydration) ฟื้นฟูใบหน้าให้กระจ่างใส เหมาะกับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา ผิวชั้นตื้นทั่วใบหน้า และริมฝีปาก โดยในการฉีดแต่ละครั้ง สามารถอยู่นานประมาณ 6-12 เดือน Juvederm Volite Juvederm Volite ถูกผลิตมาให้มีโมเลกุล Hyaluronic acid ที่มีขนาดเล็ก และนิ่มที่สุดในตระกูลฟิลเลอร์ VyCross ของอเมริกา มีเนื้อบางเบาละเอียด โดยสามารถฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ ได้อย่างเรียบเนียน การกลืนตัวเป็นธรรมชาติ ซึ่ง HA เป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่สำคัญให้กับผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณที่ทำ ได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังมีผลมีการกระตุ้น aquaporine ให้ส่งผ่านโมเลกุลน้ำและ Glycerol เข้าสู่เซลล์ได้ดีขึ้นด้วยประสิทธิภาพสูง ทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวดีขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โกลว์ และแน่นกระชับ อิ่ม ฟู เรียบเนียน ยื่ดหยุ่น มีสุขภาพดี และทำให้ดูเด็กลง โดยผลอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือนในการฉีดต่อครั้งอีกด้วย Belotero Revive Filler ยี่ห้อสุดท้าย Belotero Revive Filler เป็นฟิลเลอร์งานผิวอันดับ 1 ของโลก อุดมไปด้วยสารที่มีส่วนประกอบหลัก 2 ตัวได้แก่ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยการที่มีส่วนประกอบทั้งสองในหนึ่งนี้เองทำให้ Belotero Revive Filler เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์งานผิว ที่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์งานผิวชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ เนียนเด้ง แวววาว ตั้งแต่ผิวชั้นในถึงผิวชั้นนอก และอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน จึงไม่แปลกเลยที่ปัจจุบันยี่ห้อนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้รับบริการ ผิวสวยไม่ง้อฟิลเตอร์ แค่ลองฟิลเลอร์งานผิวที่ Infiniz ถ้าคุณอยากจะเป็นคนที่ผิวสวยอ่อนเยาว์ สุขภาพดี ผิวเรียบ เนียนนุ่ม ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ แต่ยังไม่รู้จะไปคลินิกที่ไหนดี อยากให้คุณมาลองทำงานผิวที่ Infiniz Clinic โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล โดยการทำฟิลเลอร์งานผิวแต่ละครั้ง แพทย์จะให้คำแนะนำและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละบุคคล รวมทั้งการออกแบบตำแหน่งฉีด และ ปริมาณยาต่อบริเวณให้ได้ผลที่สวยงามที่สุด และแน่นอนว่า การฉีดต้องลงสู่ชั้นผิวที่ถูกต้อง โดยทุกหัตถการ มีการใช้ฟิลเลอร์แท้ ปลอดภัย 100% ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Juvederm Volite เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Restylane vital light เริ่มต้นที่ 16,500 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล พร้อมวิธีดูว่าแพ้หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง
ความสวยงามเป็นเรื่องที่รอกันไม่ได้ ใครหลาย ๆ คน จึงยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันเลยเห็นว่าสถาบันความงาม หรือคลินิกต่าง ๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในหัตถการที่เป็นที่นิยมมากสุดที่เห็นผลอย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้นในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นฟิลเลอร์ ซึ่งทาง Infiniz ได้มีการนำเข้าฟิลเลอร์หลายชนิด โดยในวันนี้จะพาไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ Belotero Reviveกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมวิธีแยกระหว่างอาการแพ้กับผลข้างเคียง และใครที่เหมาะกับการฉีด รวมไปถึงควรฉีด Belotero ที่ไหนดี Belotero Revive คืออะไร ฉีดบริเวณไหน ต้องบอกในภาพรวมก่อนว่า Belotero Revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่ผ่าน อย.ยุโรป อเมริกา และไทย มีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ คือ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเนียน เข้ากับผิวหน้าได้ดี ถูกออกแบบมาสำหรับการฉีดเข้าไปสู่ชั้นผิวระดับตื้นเพื่อปรับสภาพผิว โดยมีความพิเศษเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid ถึง 20 mg/mL และ Glycerol เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 1,000 เท่า ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก โปรแกรม Belotero Revive ที่ทาง Infiniz Clinic มีความพิเศษแตกต่างโดยจะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดให้ได้รับความชุ่มชื้นต่อผิวชั้นตื้น และชั้นหนังแท้ ให้ผิวดูสวยฉ่ำโกลว์ ผิวอวบอิ่ม โดยเป็นงานฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นงานผิวโดยเฉพาะ Belotero Revive จึงได้รับสมญานามว่าตัวช่วยยืนหนึ่งเรื่อง “ผิวกระจก” Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ถ้าถามว่า Belotero ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล โดยปกติแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ตัวดังกล่าว จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผิวจะดูอิ่มฟู ดูกระชับ ผิวชุ่มชื้น ผิวใส และภายใน 2 สัปดาห์ ผิวจะเพิ่มความเต่งตึงยิ่งขึ้นไปอีก และฉีด 1 ครั้ง มีผลรักษายาวนานถึง 9 เดือน แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง เพื่อยืดเวลาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากที่สุด จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง สามารถแยกประเภทได้ดังนี้ ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ปกติหลังฉีด BELOTERO REVIVE อาการแพ้ฟิลเลอร์ Belortero Revive อาการข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีวิธีการป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหรือกดเบียดเส้นเลือด จนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เป็นอย่างดี โดยต้องมีความรู้ ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ ของเนื้อเยื่อ และ บริเวณที่ทำการฉีดเป็นอย่างดี ตลอดจน ตรวจสภาพผิวก่อนฉีดเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใครคือคนที่ควรฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลเทคนิคพิเศษต้องที่ Infiniz การฉีด Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic โดยเบื้องต้นในทุกเคส แพทย์จะทำการประเมินผิว ก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีด ร่วมปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น ซึ่งเทคนิคการฉีด Belotero Revive โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติในชั้นผิว และมีการกระตุ้นให้ผิวตอบสนองต่อ Belotero Revive ได้ดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของลูกค้าทุกคนออกมาอย่างพึงพอใจสูงสุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดก็ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการ โดยผู้รับบริการที่เข้ามาฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถมั่นใจได้เลยว่า ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงมีความปลอดภัย 100%
Sculptra สารกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวเสียให้กลายเป็นผิวสวย
Sculptra คือสารกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ปรับโครงสร้างผิวหน้าจากภายใน และเพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิวหน้า เห็นผลลัพธ์หลังฉีดใน 3-4 สัปดาห์
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss ผิวกระจกต้องมา
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss เพื่อหน้าฉ่ำวาว งานผิวกระจกต้องมา Belotero Revive Filler ชื่อนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับวงการงานผิวมากเท่าไหร่ แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับขนานนามว่าเมื่อฉีดไปแล้ว จะทำให้ผิวใสเหมือนกระจก ซึ่งทาง Infiniz จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Belotero Revive Filler ให้ได้อ่านกันว่าฟิลเลอร์ตัวนี้คืออะไร และที่เค้าบอกต่อกันว่าผิวใสดุจกระจก Glass Skin นั้นจริงหรือเปล่า คำตอบที่ทุกคนสงสัยจะถูกคลายได้ด้วยบทความวันนี้ครับ Belotero Revive Filler คืออะไร BELOTERO REVIVE The World 1stSkin Quality HA filler ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิว ตัวแรกของโลก เป็นฟิลเลอร์ งานผิวตัวแรกที่มอบประสิทธิภาพอันส่งพลังของสารประกอบหลัก 2 ตัว คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic acid ขนิดพิเศษที่มีความอ่อนนิ่มและกลืนตัวสูงตามแบบฉบับของฟิลเลอร์สวิส อีกทั้งด้วยนวัตกรรมการผลิตซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้ดี ในขนาดโมเลกุลที่บางเบาที่สุด แต่ในขนาดความเข้มข้น 20 mg/mL และ Glycerol ขนาด 17.5 mg/mL ถือว่าเป็นความเข้มข้นสูงสุดในตลาด Filler งานผิวในปัจจุบัน มอบผลลัพธ์ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติทันทีที่ฉีด มีความปลอดภัยสูง ผ่านองค์การอาหารและยาของ 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง USA, EU และ ไทย Belotero Revive Filler ช่วยอะไรบ้าง ทำให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม Belotero Revive Filler ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และสามารถทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม เราจะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ คุณสมบัติเด่นของ Belotero Revive ทั้ง 3 ประการได้แก่ ทั้งสองส่วนประกอบหลักอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้น คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะต่างๆ หรือผิวที่เกิดจากภาวะคอลลาเจนลดลงจากอายุที่มากขึ้น โดยเหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่นหรือขาดความกระชับ รวมถึงมีปัญหาริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้าด้วยคุณสมบัติเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต็มขั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ 4 มิติ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว โดยจากประสบการณ์หลังฉีด จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผิวจะมีความแวววาว ดูละเอียด เรียบเนียนมากขึ้น ชัดเจนหลังจากที่ตัว Hyaluronic acid และ Glycerol กลืนตัวกับชั้นผิวได้ 100% และ เข้าทำการเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้อย่างดีที่สุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ผลการรักษาคงอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ตรงที่จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero Revive มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Merz Aesthetics Belotero Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสม เมื่อนำ Belotero Revive มาใช้ก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (Kertatinized layer of skin) จึงมีความสมบูรณ์ในเรื่องการเพิ่ม Hydration ตั้งแต่ผิวชั้นใน จนถึงผิวชั้นนอกสุด โดยสามารถล็อกความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังแท้ และผิวที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากการอิ่มน้ำ จะทำให้มีความเรียบเนียน ฉ่ำวาว หรือที่หลายคนเรียกว่า “Glass Skin” หรือผิวกระจก นั่นเอง Belotero Revive Filler ต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร Belotero จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและจุดที่เหมาะสมแก่การฉีดที่ไม่เหมือนกัน สำหรับรุ่น Belotero Revive กับรุ่นอื่น ๆ จะมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตา และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่นอกจากฟิลเลอร์คาง แล้ว ยังมีขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่ และต้องฉีดบ่อยแค่ไหน จากผลการศึกษาของ BELOVE study1 พบว่า BELOTERO REVIVE แสดงผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน และมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ดังนี้ Belotero Revive มีความสามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานได้ยาวนานมากถึง 9 เดือนในการรักษาเพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น ด้วยความเข้มข้นของตัวยาที่มี HA concentration สูงร่วมกับ Glycerol อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตามผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองและสภาพปัญหาผิวพรรณของผู้รับบริการ แต่ละท่าน โดยสามารถทำซ้ำได้ที่ 4 เดือน หลังการฉีดครั้งแรกในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ในรายปกติ อาจจะทำซ้ำที่ 9-12 เพื่อคงผลการรักษาไว้ต่อเนื่อง แนะนำ Belotero Revive Filler ที่ Infiniz Clinic ที่ Infiniz clinic ก่อนทำการฉีดมีการประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณ รวมถึงความหนาของชั้นผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ 3D Skinboosters by Belotero Revive เพื่อกำหนดชั้นผิวที่ต้องการฉีดเข้าซ่อมแซมได้อย่างตรงจุด ด้วยเทคนิค Mid-Dermis Injection ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฉีด Belotero Revive เพื่อที่ตัว HA จะเข้าสู่ชั้น Deep Dermis ได้ดี ส่วนตัว Glycerol จะลอยมาอยู่ในชั้นของ Keratin เปรียบเสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนี้ ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง จึงจะกำหนดความลึกของเข็มได้อย่างแม่นยำในแต่ละจุด เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนกว่า ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic Reference