ฉีด ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดจุดไหนได้บ้าง? ปริมาณเพียงพอหรือไม่? เห็นผลมากน้อยแค่ไหน?
ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดจุดไหนบนใบหน้าได้บ้าง? ปริมาณ 1 CC เพียงพอหรือไม่? มีราคาต่อหลอดเท่าไหร่? Infiniz Clinic พร้อมตอบคำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์
คุณหมออู๋ แชร์ประสบการณ์การฉีดสารเติมเต็มและฟื้นฟูผิว โปรแกรมSculptra
คุณหมออู๋ แชร์ประสบการณ์การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน Sculptra ในฐานะ Modurator แก่ Dr Jeff Huang From Taiwan ที่งานประชุมนานาชาติ International Congress Aesthetics Dermatology : ICAD 2023 ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่24 พฤศจิกายน 2566 ความรู้ความเข้าใจในสารกระตุ้นการสร้างคอลาเจน (Collagen Biostimulators) ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้สารดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับโครงสร้างผิวและความต้องการของผู้รับบริการแต่ละบุคคล ในส่วนของตัว Sculptra หมอขออธิบายง่ายๆ คือส่วนประกอบหลักในการกระตุ้นให้ร่างกายเรามีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาได้นั้น คือตัว PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งมีใช้ทางการแพทย์มาอย่างแพร่หลายในรูปแบบไหมละลาย และวัตถุในขบวนการศัลยกรรมเสริมสร้าง (Reconstructive surgery) จึงมีความ สูงและจะมีการย่อยสลายช้าๆ ผ่านกระบวนการทำลายตามธรรมชาติของร่างกายโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 2 ปี การเหนี่ยวนำให้ร่างกายมีการผลิต Fibroblast (เซลล์ต้นทางในการผลิต คอลลาเจน) อาศัยขบวนการทำงานทางธรรมชาติของร่างกายที่ไม่ได้เกิดขบวนการอักเสบบวม แดง ร้อน ต่อผิวหนังแต่อย่างไร โดยขบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นแบบเล็กน้อยและค่อยเป็นค่อยไปจนเสร็จสมบูรณ์ทีประมาณ 3-4 สัปดาห์ ดังนั้น ผู้รับบริการควรรอผลการกระตุ้นคอลลาเจนหลังจากฉีดตัว Sculptra ไปแล้วประมาณ1 เดือน นั่นคือผลที่ค่อนข้างชัดเจนและเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม เช่น ผิวที่ได้ดูอ่อนเยาว์ลง ริ้วรอยลดลง เฟริมกระชับ และ กระจ่างใสมากขึ้นในรายงานการวิจัยสมัยใหม่ด้วยการผสมตัว Sculptra ด้วยสัดส่วนที่เจือจางพอดีจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี โดยปราศจากผลข้างเคียงที่อันตรายแต่อย่างใด และในมือแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงผลข้างเคียง เช่น ก้อนเล็กๆ (nodules)ที่เกิดขึ้นได้ ย่อมแทบจะไม่ปรากฏหลังรับบริการ นอกจากนี้ การนวด (Sculptra massage) จะช่วยให้ผลการกระตุ้นคอลลาเจน ดีมากขึ้น ตลอดจนลดผลข้างเคียงดังกล่าวอีกด้วย ในขั้นตอนการรักษาด้วย Sculptra Multidimensions (Sculptra treatment by Infiniz clinic) -การวิเคราะห์ปัญหาผิวพรรณ ตลอดจนโครงสร้างผิวร่วมถึงการวางแผนการรักษาด้วย Sculptra เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำด้วยความถูกต้อง เพื่อกำหนดแนวทางและขอบเขตของคอลลาเจนที่จำมีการสร้างขึ้นให้ได้ในอัตราส่วนและสร้างรูปหน้าใหม่ที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ ไม่ผิดสัดส่วน -การผสม PLLA ใน Sculptra ด้วยอัตราส่วนที่ถูกต้องต่อการรักษาในแต่ละบริเวณมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นก่อนทำการรักษาแพทย์จำเป็นต้องมีการตรวจสภาพผิวโดยละเอียด และวางแผนการรักษาร่วมกับผู้รับบริการอย่างเหมาะสม เพื่อการกำหนดสัดส่วนการผสมตัว Sculptra ได้อย่างเหมาะสม -การกำหนดจุดฉีดก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ ในผู้รับบริการบางราย การฉีด Sculptraในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะเกิดผลข้างเคียงทำให้ใบหน้าเกิดความไม่เรียบเนียน หรือ ใบหน้าผิดสัดส่วนได้จึงจำเป็นต้องอาศัยการคำนวณโดยแพทย์ผู้ชำนาญการสูงอย่างแม่นยำร่วมกับการจัดวางกระจายตัวยาอย่างเหมาะสม -การดูแลหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการความงามทุกชนิด ประมาณ 2-4สัปดาห์ เพื่อรอให้ผิวมีการสร้างคอลลาเจนได้อย่างสมบูรณ์ หลีกเลี่ยงความร้อน และ ควรทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ร่วมกับ วิตามิน Cเพื่อช่วยให้การสร้างคอลลาเจนได้ผลดี -ในกรณีที่สภาพปัญหาขาดคอลลาเจนมาก หรือ ปัญหาผิวที่ต้องการ การฟื้นฟูต่อเนื่อง สามารถรับการฉีด Sculptra ได้ 2-3 รอบ ห่างกัน ประมาณ 6-8สัปดาห์ โดยการเว้นระยะที่เหมาะสมก็เพื่อต้องการให้ผิวมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่เพื่อการประเมินการรักษาใหม่จึงจะสามารถทำได้อย่างถูกต้องและแม่นยำเหมาะสม นั่นเอง -ก่อนทำการรักษาด้วย Sculptra แนะนำให้ผู้รับบริการปรึกษาแพทย์ที่จะทำการรักษาก่อน เพื่อประเมินความเหมาะสมและ สภาพปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งแพทย์จะสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องเพื่อผลลัพธ์ที่ดูดีถูกใจผู้รับบริการนั่นเอง
หมออู๋ รับบท speaker บรรยาย และ สาธิตงานฉีด Sculptra แก่แพทย์ความงาม
หมออู๋ รับบท speaker บรรยาย และ สาธิตงานฉีด Sculptra แก่แพทย์ความงาม ที่ Tria Medical wellness Center ในส่วนของงานสอนในวันนี้ เป็น การให้ความรุ้ถึงคุณสมบัติของ collagen biostimulator PLLA-SCULPTRA ในการกระตุ้นให้ผิวของเราสร้างคอลลาเจนได้อย่างไร รวมทั้งจุดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างชัดเจน แต่ยังคงความ สุงสุด โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆหลังทำ โดยคุณหมออู๋ได้อธิบายถึงการประเมินสภาพปัญหาผิวและต่อด้วย การดีไซน์กำหนดจุดฉีด รวมถึงต้องทำการฉีดในชั้นผิวระดับความลึกที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี เท่านั้นโดยจะมีระดับความลึกที่แตกต่างกันออกไปในผู้รับบริการแต่ละท่าน ขั้นตอนการดีไซน์รุปหน้าและกำหนดจุดฉีด เป็นส่วนที่สำคัญ ดังนั้น คุณหมออู๋ จึงใช้เวลาการออกแบบการรักษาและกำหนดจุดฉีดอย่าละเอียดแก่แพทย์ที่เข้าร่วม work shop เพื่อเป็นข้อมุลสำคัญก่อนที่แพทย์ผู้เรียนจะเริ่มทำการฉีด และ สามารถนำไปใช้ต่อใน Practice ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากผลข้างเคียง ติดตามชมภาพคุณหมออู๋ กับ งานสอน sculptra กันได้เลยค่ะ
ตามหมออู๋ มา Update ความรุ้กับงานประชุม GAIN Global @Dubai 2023
คุณหมออู๋ ณัฐพล บินร่วมงานประชุม update ความรู้ทางกายวิภาคศาสตร์ และศึกษารูปแบบการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ใช้ในการฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (collagen biostimulator) Global GAIN ณ เมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรส ในฐานะแพทย์วิทยากรผู้สอนสารลดเรือนริ้วรอยและสารเติมเต็ม HA FILLER จากประเทศไทยร่วมกับแพทย์อื่นๆทั่วโลก ในการประชุมครั้งนี้ ได้ มีการ update ความรู้ที่น่าสนใจ ในส่วนของ Anatomy จาก World speaker Prof. Sebastian Cotofana (Anatomist) ในองค์ประกอบของการจัดเรียงตัวของชั้นไขมันในแต่ละส่วนของผิวหน้า มีความแตกต่างกันอย่างมาก เช่นบริเวณคางจะมีองค์ประกอบของชั้นไขมันที่เหนียวและแข็งแรงมากกว่า บริเวณใต้คางที่มีความอ่อนนุ่มและมีคอลลาเจนที่น้อยกว่า ดังนั้นการเลือกใช้ HA filler หรือ Collagen biostimulator จึงต้องเลือกทั้งชนิดและขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น อีกส่วนที่สำคัญคือ โครงสร้าง Anatomy บริเวณริมฝีปากคือภายในเนื้อริมฝีปากจะมี โครงสร้างที่มีชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันกั้นแต่ละส่วนอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่แพทย์ต้องทำความเข้าใจ เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบการเติมฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับแก้ไขปัญหา หรือ สร้างทรงริมฝีปากใหม่ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังได้มีการ Update ความรู้ในเรื่องของการใช้เทคนิคผสมผสาน การฉีดสารลดเรือนริ้วรอย สารเติมเต็ม และ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen biostimulator) โดยการกำหนดจุดฉีดที่เหมาะสมและแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย ในทุกชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เนื่องด้วย การใช้ Injectable products มีหลากหลาย การเลือกใช้ตัวยาที่มีความเฉพาะเจาะจงในการแก้ไขปัญหา ย่อมได้ผลชัดเจน และ ปราศจากผลข้างเคียงจากภาวะ Overfill Syndrome อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการดูงานในส่วน exhibition จาก Global medical affair โดยได้มีการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การคิดค้น ส่วนผสมของทุกผลิตภัณฑ์ เช่น Restylane filler, ABO Botulinum Toxin, PLLA of Sculptra ตลอดจน ข้อมุลทางงานวิจัยที่ทันสมัยที่นำเสนอผลการรักษา และ ผลข้างเคียงต่างๆ ไว้อย่างละเอียดครบถ้วน เพื่อนำมาปรับใช้ให้ผู้รับบริการได้ผลการรักษาที่ชัดเจน โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “Concept of personalization” การได้เห็นรูปแบบการปรับรูปหน้าใหม่ๆ กับเคสที่หลากหลายเชื้อชาติ เช่น East Asians, South East Asians, Europeans, Arabians, Americans and latinos ทำให้มีความเข้าใจ concept of beauty ที่มีความชอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในส่วนของงานฉีดฟิลเลอร์และสารลดเรือนริ้วรอย จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างดี เพื่อนำมาใช้พัฒนางานปรับรูปหน้าเฉพาะบุคคลให้ได้ผลที่สวยงามตามคุณลักษณะของสัดส่วนใบหน้าของผู้รับบริการแต่ละรายนั่นเอง
Anatomy บริเวณใต้ตา (Tear Trough Anatomy)
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไรให้ ไร้ผลข้างเคียงและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตานั้นถือว่าเป็นบริเวณที่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากว่า มีโครงสร้าง ผิวหนังไขมัน กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่วางตัวซ้อนทับกัน และ พาดเกี่ยวกัน ด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่สำคัญปริมาณมากรวมทั้งพื้นที่บริเวณใต้ตาและแก้ม จะมีการเคลื่อนไหวอย่างมากนำมาซึ่งพยาธิสภาพที่ผิดปกติเมื่อ อายุที่มากขึ้น ทั้งความหย่อน และโครงสร้างที่บางหรือพร่องลงไป นอกจากนี้ บริเวณใต้ตา และแก้ม ยังมีเส้นเลือดเส้นประสาทสำคัญปริมาณมาก และมีความสำคัญที่เชื่อมต่อเข้าสู่ดวงตาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งของเส้นเลือดเหล่านี้อย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปในบริเวณดังกล่าว หรือ ป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์นั่นเอง พื้นทีบริเวณใต้ตา ประกอบด้วย Jigsaw ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกัน และ วางทับกันอยู่เป็นปริมาณมาก และ มีขนาดหรือการเรียงตัวที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลการเข้าใจถึงพยาธิสภาพปัญหาที่ถูกต้องสำหรับปัญหาใต้ตาจึงต้องได้รับการฝึกฝน และ ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์อย่างมากโดยการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เล็กๆนี้ ยังต้องอาศัยความแม่นยำในการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณนั้นๆอีกเช่นกันดังนั้นสิ่งสำคัญที่แพทย์ทุกคนควรต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างสูง นั่นคือโครงสร้างกายวิภาคศาสตร์บริเวณใต้ตา อย่างละเอียด เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้อย่าง และได้ผลลัพธ์ที่สวยงามไร้ผลข้างเคียง ปัญหาที่พบบ่อยคือ ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน หลังฉีด ซึ่งอาจพบได้หลังจากฉีดไปแล้ว 3-6 เดือน หรือในบางราย อาจยาวนานถึง 1 ปี จึงค่อยเกิดปัญหานี้ขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแทรกตัวอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อนั่นเอง โดยมักเกิดขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตามีการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก จึงง่ายต่อการเกิดภาวะดังกล่าว ซึ่งวิธีแก้คือ การฉีดสลายฟิลเลอร์ส่วนเกินนั้นออกและ ทำการแก้ไขใหม่ตามความเหมาะสม อีกปัญหาหนึ่งคือการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาในชั้นตื้นเกินไปและปริมาณมากเกินไป จึงเกิดเป็นก้อนสีเทาๆ จากแสงที่ตะกกระทบลงบนผิว ทำให้เกิดความไม่เรียบเนียนและไม่สวยงาม ขั้นตอนนี้ เกิดขึ้นจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพปัญหา จึงเกิดภาวะไม่กลืนตัวเข้ากับผิวบริเวณดังกล่าว โดยแพทย์ผู้ฉีดต้องมีความระมัดระวังอย่างสูงนั่นเอง โดยการแก้ไข ก็จำเป็นต้องฉีดยาสลายฟิลเลอร์ส่วนนั้นออก และ ประเมินสภาพปัญหาใหม่ การเลือกชนิดของ HA Fillerก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญที่จะนำมาซึ่งผลการรักษาที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนกับโครงสร้างหรือผิวพรรณของผู้รับบริการได้อย่างดีเยี่ยม โดยฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดแก้ไขบริเวณใต้ตา สำหรับคนไทย คือ Restylane Vital Light หรือ Restylane Classic และ Juvederm Volbella or Juvederm Volite นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ในผู้รับบริการบางคน ที่มีร่องใต้ตาลึกมาก ก็สามารถใช้ Filler ชนิดที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น นำมาแก้ปัญหาได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาด้วยโปรแกรม Daisy Eyes โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ยังถูกออกแบบมาให้สามารถใช้เทคนิคในการยกกระชับ และ แก้ไขถุงใต้ตา ได้อีกด้วย โดยจากการดูโครงสร้างบริเวณใต้ตาจะเห็นได้ว่า เมื่ออายุที่มากขึ้น ย่อมทำให้กระดูกเบ้าตา และ ชั้นไขมันใต้ตา บางลง เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อก็มีความหย่อนไม่กระชับอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่สามารถค้ำจุนถุงใต้ตาที่โป่งพองออกมาจากอายุที่มากขึ้นได้ ดังนั้น การแก้ไขด้วยการวางฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลพอดี และแม่นยำ จึงช่วยให้มีโครงสร้างที่ support ถุงใต้ตาได้อย่างดีทำให้ขนาดลดลง ดังนั้นด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตาอย่างถูกวิธี จึงสามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมได้อีกด้วย **อย่างไรก็ตามปัญหาถุงใต้ตา มีความซับซ้อน และมีหลากหลายรูปแบบแนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาก่อนได้รับการรักษาเท่านั้น เพื่อวางแผนการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากปัญหาถุงใต้ตาของผู้รับบริการแต่ละคนแตกต่างกัน
หมออู๋ Update ความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ประจำปี ค้นพบ บริเวณที่ต้องระวังเพิ่มเติมในการฉีดฟิลเลอร์ คือ คาง และ ขมับ
ปัจจุบัน มีผู้เข้ามารับบริการการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางและขมับ จำนวนมาก ที่อินฟินิซ คลินิก โดยส่วนมากเป็นเคสที่เคยฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาก่อนแล้วเจอผลข้างเคียง ที่หมอรวบรวมไว้มีดังนี้ ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์คางจากคลินิกอื่น -รูปทรงไม่เข้ากับใบหน้า ยาวไป สั้นไป หรือ คางยื่นเกินไป -คางไม่สมดุล หน้าไม่เท่ากัน หรือ ไม่ได้สัดส่วนกับแนวขากรรไกรล่าง -มีก้อนฟิลเลอร์ช้ดเจนขณะอยุ่เฉยๆ หรือมองเห็นขณะพูดและแสดงสีหน้า -มีอาการบวมแดงอักเสบหลังฉีด หรือภาวะคางอักเสบ ติดเชื้อ -มีอาการบวมแดง เป็นบางครั้ง -เจอเคสผลข้างเคียงจากการฉีดอุดตันเส้นเลือด ทำให้ ริมฝีปากล่างม่วงคล้ำ ผิดปกติ แต่ได้รับการแก้ไขทันเวลา จนเป็นปกติ ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ขมับจากคลินิกอื่น -ขมับบวม ผิดรูป ไม่ได้สัดส่วน -หลังฉีดมีอาการบวม และ ช้ำมาก -หลังฉีดไปสักระยะหนี่งมีอาการก้อนบวมปูดเป็นระยะๆ –ฟิลเลอร์ไม่กลืนกับผิวทำให้มีความไม่เรียบ -รูปทรงขมับไม่สัมพันธ์กับโครงสร้างบริเวณโหนกแก้มและหน้าผาก -มีรอยช้ำหรือสีม่วงบริเวณขมับหลังการฉีดจากที่อื่นมา แต่ได้รับการแก้ไขทันเวลา จะสังเกตเห็นว่า การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจ สรีระกายวิภาคศาสตร์ ตลอดจนการออกแบบรูปทรง เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเติมฟิลเลอร์คาง และ ฟิลเลอร์ขมับ รวมถึงเทคนิคการวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและสวยงาม อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงที่รุนแรงที่สำคัญ คือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอุดตัน หรือ กดเบียด เส้นเลือดบริเวณใกล้เคียงจนเกิดภาวะเนื้อตายบริเวณที่ฉีดถือเป็นผลข้างเคียงที่อันตราย ซึ่งแพทย์ต้องป้องกันและหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าว วันนี้ในงานประชุมวิชาการประจำปี GAIN INSPIRED : Annual update on the “ensuring safe & effective use of dermal fillers and collagen biostimulator” 2023 มีเนื้อหาใหม่ๆที่เป็น highlight ที่หมออู๋ รวบรวมมาให้ผู้รับบริการเข้าใจดังนี้ นอกจากบริเวณใต้ตาและบริเวณหน้าผากที่เป็นจุดเสี่ยงหลักในการฉีดฟิลเลอร์ และควรได้รับการแก้ไขโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาอย่างดี การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางและขมับคับเป็นอีกบริเวณที่แพทย์มักลืมให้ความสำคัญต่อเส้นเลือดเส้นประสาทบริเวณนี้ เพราะคิดว่าฉีดง่าย แต่เมื่อปีที่ผ่านมา พบเคสมีปัญหาฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดหลังได้รับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก ข้อมูลสำคัญคือ บริเวณคาง มีเส้นเลือดดำและแดง🖤❤️ หรือ แขนงที่เชื่อมต่อกันปริมาณมากและเชื่อมต่อกับภายในช่องปากด้วย ซึ่งยากจะคาดเดาได้บนใบหน้าจึงตัองอาศัยการวิเคราะห์จากสภาพปัญหาจริง ของผู้รับบริการแต่ละบุคคลก่อนจะวางแผนการฉีดฟิลเลอร์คับ ความแม่นยำในเนื้อหา Anatomy และเทคนิคการฉีดที่ รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์เท่านั้น จึงจะสามารถรังสรรค์งานฉีดฟิลเลอร์คางให้ได้ รูปทรงที่สวยงาม✨โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การฉีดฟิลเลอร์ที่คลาดเคลื่อนตำแหน่งผิดเพียงแค่ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ย่อมทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงผิวหนังขาดเลือดที่สำคัญ ได้แก่ คาง ริมฝีปาก และ ในช่องปาก เช่น ลิ้น อีกตำแหน่งหนึ่ง ที่มีผู้รับบริการที่อินฟินิซคลินิกเป็นจำนวนมาก คือ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ ด้วยพื้นที่ในการฉีดมีจำกัด และมีเส้นเลือดเส้นประสาทพาดผ่านจำนวนมากและหนาแน่น ตลอดจนมีโครงสร้างผิวถึง 10 ชั้นทำให้การฉีดต้องอาศัยความแม่นยำสูงสุด พร้อม การใช้ตัวฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในการขึ้นทรงขมับให้ผู้รับบริการให้สวยถูกใจไร้รอยต่อ โดยไม่มีผลข้างเคียง และที่สำคัญในใบหน้าจริงมีเส้นเลือดที่วางในลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลอีกด้วย ทำให้แพทย์ต้องทำการตรวจร่างกาย ประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณที่แตกต่างกัน เพราะการวางฟิลเลอร์บริเวณนี้ ต้องอาศัยทักษะสูงเพื่อเลี่ยงการโดนเส้นเลือดแต่ยังคงต้องควบคุมให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามถูกใจผู้รับบริการมาก รวมถึงทักษะการออกแบบรูปทรงขมับให้รับกับไรผม คิ้ว หน้าผาก ดวงตา ตลอดจนโหนกแก้มของผู้รับบริการ
คุณทราย เจริญปุระ เข้ามาปรับรูปหน้ากับคุณหมออู๋ ณัฐพล ด้วย โปรแกรมการฉีด Sculptra
ขอขอบคุณบทความจาก Page FB @ITREVIEW ค่ะ
บอกลาปัญหา! ใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหลด้วย Filler จาก Infiniz Clinic
เรื่องของใบหน้า ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะให้ความสำคัญ เพราะใบหน้ามักจะเป็นจุดแรกที่คนภายนอกมองเห็น บางอาชีพ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ใบหน้าในการทำงาน ดังนั้นจะปล่อยให้หน้าเกิดปัญหา หรือไม่สดใสไม่ได้ ซึ่ง หนึ่งในเรื่องที่กวนใจมาก คือปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ซึ่งในวันนี้ Infiniz Clinic จะพาทุกคนไปดูถึงสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาหมองคล้ำ ใช้ฟิลเลอร์ตัวไหน สำหรับแก้ปัญหาดังกล่าว ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและใครคือคนที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รับรองเลยว่าคุณจะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น ปัญาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร 1. พันธุกรรม พันธุกรรม ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหลได้ เนื่องจากมีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้เชื้อชาติก็นับว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตา เช่น คนอาหรับ อินเดีย จะมีใต้ตาคล้ำที่เยอะกว่าคนชาติอื่น ๆ 2. อายุเพิ่มขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันภายในร่างกายจะลดลงตามช่วงวัย ซึ่งไขมันที่อยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เช่นเดียวกัน เมื่อไขมันลดลง ก็จะส่งผลให้รอบดวงตามีความหมองคล้ำไปด้วย ไม่เพียงแค่นั้น การยุบตัวของกระดูก ก็จะส่งผลให้เกิดร่องตาลึก และเห็นใต้ตาคล้ำมากขึ้นเช่นเดียวกัน 3. ถุงใต้ตา ความหมองคล้ำที่เกิดจากถุงใต้ตา เกิดจากถุงไขมันใต้ตาและหลอดเลือดส่วนเกินที่ไปเลี้ยงบริเวณใต้ตา จนเห็นเงาเส้นเลือดจนมืด นอกจากนี้ ถุงไขมันก็จะนูนขึ้นด้วย อีกทั้งยังสร้างเงาบริเวณใต้ตา หรือเห็นร่องและจุดด่างดำบริเวณร่อง สามารถรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อขจัดไขมันส่วนเกินออกไป ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาเรียบเนียนกระชับ เป็นธรรมชาติ 4. โรคภูมิแพ้ หลอดเลือดดำรอบดวงตาของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ การแพ้อาจทำให้เกิดอาการคันตา ระคายเคือง และแม้กระทั่งทำให้คนขยี้ตา การเสียดสีบ่อยครั้งจะรบกวนผิวหนังรอบดวงตา ซึ่งไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ในผิวหนังให้ผลิตเมลานินมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ผิวใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย 5. แสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ มีผลกระทบโดยตรง เนื่องจากผิวใต้ตาบอบบางมาก ผิวหนังใต้ตาของคุณอาจจะบางลงจนมองเห็นเส้นเลือดบริเวณดวงตาได้ชัดเจน และทำให้ใต้ตาดูคล้ำ หากคุณต้องเจอกับแสงแดดเป็นประจำ นอกจากนี้ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการผลิตเม็ดสีผิวมากขึ้น ทำให้ผิวที่บอบบางใต้ตาดูมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย 6. การพักผ่อนน้อย มีความเครียด การใช้สายตามากเกินไป ฯลฯ การอดนอนและการพักผ่อนรวมถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มันกลายมาเป็นเพื่อนกับรอยคล้ำเพราะอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้รอยคล้ำใต้ตาแย่ลงได้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการรักษารอยคล้ำจึงต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี มีความแตกต่างกันยังไง ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane สำหรับฟิลเลอร์ Restylane ยี่ห้อแรกนี้ จะมี 2 ส่วนที่โดดเด่น คือ NASHA techology และ OBT technology ซึ่งเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ตัวฟิลเลอร์เกิดความหลากหลาย และได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากความหลากหลาย ทำให้เหมาะกับผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละปัญหา โดยทั้งนี้ Restylane ที่เหมาะจะฉีดบริเวณใต้ตา มี 4 รุ่นด้วยกันดังนี้ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและกลืนตัวกับผิวค่อนข้างมาก มีจุดเด่นคือสามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาแอ่งลึกใต้ตา แก้ปัญหาใบหน้าตอบ จากสาเหตุการทรุดตัวของกระดูก และชั้นไขมันที่หายไป โดยสามารถฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก เพื่อให้โครงสร้างบริเวณใต้ตาได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น สำหรับการฉีดใต้ตา รุ่นที่แนะนำคือ ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกาที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand by Abbvie โดยคุณสมบัติเด่นของเนื้อฟิลเลอร์จะมี Crosslink (จำนวนการเชื่อมพันธะ) ที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณขึ้น สลายช้าลง เติมเต็มได้ดีขึ้น และเก็บน้ำได้ดี โดยเจลในกลุ่ม VyCross มีความสามารถขึ้นทรงยึดเกาะเฉพาะจุดที่ดี แต่ก็สามารถกลืนตัวกับผิวได้ดีเช่นกัน หลังฉีดจึงมีความเรียบเนียน ทำให้ฉีดแล้วไม่ฟูมากเกินไปจนผิดธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี โดยรุ่นของฟิลเลอร์ Juvedermที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา หมอจะแนะนำ 3 รุ่นดังนี้ครับ ทั้ง 3 รุ่นนี้จะมี Vycross ที่เป็นเทคโนโลยีในเรื่องของการยกระชับ เพราะมีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น หลังฉีดยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนไม่เป็นก้อน ซึ่งถ้าหากจะถามว่าฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี จากประสบการณ์ของหมอแล้ว ฟิลเลอร์ Juvederm ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ผลข้างเคียงหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รอยบวม หรือรอยเข็มที่มีสาเหตุมาจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว ซึ่งไม่ต้องกังวล รอยเข็มจะค่อย ๆ หายไปภายในระยะเวลา 2-3 วัน ในเรื่องของอาการบวมจะลดลง ฟิลเลอร์จะกลายเป็นธรรมชาติ จะใช้เวลาราว ๆ 2 สัปดาห์ ถึงจะหาย 100% ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Infiniz Clinic 100% การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาค่อนข้างเป็นบริเวณที่ พบปัญหาได้ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะ ปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน จึงขอแนะนำผู้รับบริการศึกษาถึง ประสบการณ์ของแพทย์ จำนวนปีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ โดยเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Infiniz Clinic สำหรับโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่อินฟินิซ คลินิก ผู้รับบริการจะมั่นใจได้เลยว่าฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ เป็นของแท้แน่นอน 100% เพราะเรานั้นให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความซื่อตรงต่อลูกค้าเป็นอันดับแรก ทุกหัตถการการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควบคุมโดย แพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูงทุกขั้นตอน นั่นคือ คุณหมออู๋ ณัฐพล คอยให้คำปรึกษา วิเคราะห์ปัญหาใต้ตา ร่วมกับการเลือกตัว HA Filler products พร้อมใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะตัว ไม่เกิดผลข้างเคียงทั้งหลังฉีดและในระยะยาว เพื่อต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามารับบริการได้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจในทุกเคส ดังนั้นถ้าคุณอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยากให้ลองมาที่ Infiniz Clinic เพื่อรับการวิเคราะห์ และ การรักษาที่ตรงจุด ทุกขั้นตอน และได้ผลหลังทำตามที่ใจปรารถนาค่ะ โปรโมชั่นที่อินฟินิซ คลินิก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเริ่มต้น 6,500 บาท / CC
ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย สามารถแก้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ไหม
ปัญหาหนึ่งที่เจอได้เยอะในกลุ่มผู้เข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ นั่นคือ พบภาวะหลังฉีดเกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ การประเมินปัญหา และเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือผู้รับบริการควรศึกษาข้อมูลสำคัญก่อนตัดสินใจทำหัตถการใด ๆ เกี่ยวกับความสวยงามของตัวเองเสมอ หนึ่งในนั้นคือ การเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งพิจารณาแพทย์ที่จะทำการรักษา ประวัติความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงผลงานการรักษาของแพทย์โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาเนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องใช้ประสบการณ์สูงเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่สวยงามไร้ผลข้างเคียง ไม่มีก้อน Infiniz clinic จะพาไปทำความรู้จักและเข้าใจกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ วิธีแก้ พร้อมหลักการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้ถูกวิธี ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อนเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ? ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เป็นลำ ผิดปกติ มีได้หลายสาเหตุ ก็จะมีเรื่องของตัวยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาและชนิดของฟิลเลอร์เอง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการ ฉีดแก้ปัญหาใต้ตา เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการจัดวางที่ผิดปกติ รวมถึงลักษณะกล้ามเนื้อกล้ามในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น ในบางกรณีผู้รับบริการมีกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาที่มีความแข็งแรงมาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอยู่บริเวณนั้นอาจทำให้เกิดการดันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ออกจากบริเวณที่ต้องการได้ หมอได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เป็นลำ หรือ บวมผิดปกติได้ดังนี้ เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ แพทย์ผู้ฉีด มีความจำเป็นต้องรู้จักกายวิภาคศาสตร์ปัญหาของบริเวณใต้ตา ร่วมกับสามารถประเมินปัญหาได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งต้องอาศัยประสบการณ์ในการเลือกชนิดของ HA FILLER ในการแก้ปัญหาร่องใต้ตาในผู้รับบริการแต่ละคนได้อย่างดี และที่้สำคัญ เทคนิคเฉพาะตัวที่จะเป็นตัวกำหนดผลหลังฉีดให้ได้ผลงานที่เติมเต็มใต้ตาได้อย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติ และ ไม่เกิดก้อน หากแพทย์ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์การฉีด ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดก้อน หรือ เกิดลำ ขึ้นได้ ชนิดของฟิลเลอร์ ต้องเลือกชนิดที่ความเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะฉีด เช่น การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น restylane classic Restylane Defyne Juderm Volift and Voluma เหมาะกับการเติมในส่วนลึกเพื่อสร้างโครงสร้างเบ้าตาให้ดูเต็มขึ้น และมีมิติมากขึ้น โดยแพทย์จะต้องประเมินปัญหาจากการตรวจสภาพปัญหาผิวจริงก่อนทำการรักษาอีกครั้ง เนื่องจากสภาพผิวและปัญหาย่อมมีความแตกต่างกัน ระหว่างบุคคล การเลือกชนิดของ HA Filler ที่ถูกต้อง จะมีผลให้การรักษามีความสวยงาม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติหลังทำ และ ขยับใบหน้าหรือยิ้มแสดงสีหน้าได้ตามปกติ ปริมาณที่ใช้ฉีด การคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่จะฉีดมีความสำคัญมากอีกประการหนึ่ง โดยความแม่นยำในการคำนวณปริมาณฟิลเลอร์เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวในการฉีดฟิลเลอร์มาจำนวนมาก จึงจะสามารถคาดคะเนปริมาณฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนเกินความจำเป็นในแต่ละจุดที่รักษา จนทำให้เกิดผลข้างเคียงถูกดันออกไปในบริเวณใกล้เคียง หรือเกิดปัญหา ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นลำ ในเวลาต่อมานั่นเอง มีอาการบวมหลังฉีด โดยปกติหลังการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะมีอาการบวมเล็กน้อย ประมาณ 3-5 วัน เท่านั้น ดังนั้นการประเมินการฉีดฟิลเลอร์ต้องรอให้อาการบวมยุบลง จนอยู่ในระดับที่ปกติ จนแน่ใจว่า หลังฉีดฟิลเลอร์มีก้อนหรือลำฟิลเลอร์ที่ผิดปกติหรือไม่ โดยทั่วไปการประเมิน มักทำที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ปลอมในที่นี้จะหมายถึง ฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ Hyaluronic acid และจะไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ผ่านมาตรฐาน อย.ไทย หรือ อาจจะเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid ที่ทำเลียนแบบขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่า ประสิทธิภาพของตัว HA อาจจะมีความไม่เสถียร เกิดปฏิกิริยากับผิวหนังบริเวณที่ฉีด และ อาจจะเกิดการเกาะเป็นกลุ่มเป็นก้อนไหล ไหลย้อยไม่เป็นทรง และอาจเป็นอันตรายกับผู้รับบริการได้ ดังนั้น ผู้รับบริการควรขอดูผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนฉีดเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ถูกต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ตลอดจนนำเข้าโดยบริษัทตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแบบไหนปกติ VS ผิดปกติ ? ก้อนที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ในช่วงแรก เกิดจากอาการบวมของเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบหรือจากอาการระบมจากเข็มที่ส่งผ่านฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวที่ต้องการ โดยผู้รับบริการอาจจะรับรู้ได้จากการคลำได้เป็นก้อนขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีอาการบวม แดง ร้อน อาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยไม่มาก ไม่สามารถมองเห็นได้เอง โดยก้อนลักษณะแบบนี้จะชัดเจนในช่วงแรก และ จะค่อยๆยุบลง จนเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บใดๆ ใน 2 สัปดาห์ อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนที่ผิดปกติ เช่น ภาวะฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว ทำให้เวลาแสดงสีหน้าแล้วมีก้อนฟิลเลอร์ดันออกมาจากผิว แสดงว่าเป็นภาวะที่ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น เข้าไปอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ หรือการฉีดใน ชั้นผิวส่วนตื้นแล้วไม่กลืนตัวเข้ากับผิว โดยภาวนะนี้มักเกิดจากการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ผิดชนิดหรือประเภทนั่นเอง อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนและมีอาการบวม แดง ร้อน และ เจ็บเมื่อสัมผัส โดยมักเกิดขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วประมาณ 3 วัน ภาวะนี้เกิดจากการติดเชื้อที่ตัวฟิลเลอร์ หากเกิดสงสัยภาวะนี้ แนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพปัญหา และ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะร่วมกับการรักษาอื่นๆ ต่อไป แก้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนทำยังไง ? การแก้ไขปัญหา ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีอยู่ 3 วิธีหลักๆ โดยแพทย์ต้องทำการประเมินสภาพปัญหาที่ใบหน้าผู้รับบริการเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจบริเวณที่ผิดปกติ ร่วมกับประวัติชนิดของฟิลเลอร์ที่ได้รับการฉีดมา โดยทั่วไปฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic acid สามารถฉีดสลายตรงบริเวณที่มีก้อนหรือลำผิดปกติได้เลย แต่ถ้าหากไม่ใช่ สารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid หรือฟิลเลอร์ปลอม อาจจะมีการเจือปนจำเป็นต้องทำการขูดหรือผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออกเท่านั้น การฉีดสลายฟิลเลอร์ หากฉีดฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid ก็สามารถฉีดสลายได้โดยใช้ Hyaluronidase ในการฉีดสลาย หลังฉีดสลายจะเห็นผลหลังฉีดทันทีโดยฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอยู่เช่นบริเวณใต้ตานูนเป็นลำผิดปกติก็จะสลายไปทันที ถือว่าเป็น Antidode ในการรักษาการฉีด Hyaluronic acid โดยเฉพาะนั่นเอง ผลภายหลังจากการฉีดสลายฟิลเลอร์ ด้วย Hyaluronidase จะทำให้ฟิลเลอร์ค่อยๆยุบตัวลง และสลายหายไปใน โดยในเคสที่พบบ่อยคือ มีการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาจากที่อื่นแล้วผู้รับบริการรู้สึกไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ออกมาก็สามารถฉีดสลายออกได้เช่นกัน จะเห็นผลหลังฉีดทันทีในบางส่วนประมาณ 50% โดยระยะเวลาการสลายทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์ การขูดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวรหรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายเองได้ โดยพบได้ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ แพทย์ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในความ ของฟิลเลอร์ชนิดนั้นๆ โดยการขูดฟิลเลอร์จะเอาออกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ประมาณ 50-70 % ไม่สามารถนำออกได้ทั้งหมด การทำศัลยกรรมผ่าตัดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือซิลิโคนเหลว ทำให้เกิดก้อนขนาดใหญ่ หรือ ผิดรูป เมื่อนานวันเข้า อาจจะมีอาการไหลย้อนเปลี่ยนที่ได้อย่างง่ายดาย ในบางเคส มีการฉีดในชั้นผิวมานาน จนเกิดพังผืด โดยส่วนมากถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดแต่ก็ไม่สามารถเอาออกได้ทั้งหมด 100% ขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งที่ฉีด บางบริเวณจะต้องเลี่ยงเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด เช่น ผิวทะลุ หรือ เส้นประสาทอาจจะเกิดอันตรายได้ในระหว่างการทำผ่าตัด หลักการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้ถูกวิธี ? การแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ สามารถเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ ที่ขึ้นทรงได้ดี ในการแก้ปัญหาเบ้าตาลึก หรือใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียดอ่อนนิ่ม ที่มีการกลืนตัวสูงในการแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาระดับตื้น ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวบริเวณใต้ตา และ โครงสร้างสรีรวิทยา ของแต่ละบุคคลนั่นเอง การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่อุ้มน้ำไว้มากเกินไป หรือมีการพองตัวสูงหลังจากฉีดไปแล้ว อาจจะเกิดภาวะใต้ตาบวมจนรูปหน้าเปลี่ยนไปได้ หรือ การเลือกฟิลเลอร์ที่แข็งเกินไป ก็ย่อมทำให้เกิดภาวะฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นลำ ผิดปกติ โดยเฉพาะเวลายิ้มอาจจะเห็นความผิดปกติที่ชัดเจนมากขึ้นได้อีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้อยู่ 3 ยี่ห้อคือ Restylane , Juvederm และ Belotero เนื่องจาก 3 ยี่ห้อนี้มีคุณสมบัติเด่น คือฉีดแล้วคงรูป ไม่พองตัวมากเกินไป มีชนิดที่ตัวเจลอ่อนนิ่ม ไม่เป็นก้อน และมีลักษณะโมเลกุลที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตา แก้ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน ที่ Infiniz Clinic ดีกว่าที่อื่นยังไง ? อันดับแรกที่อินฟินิซ ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้แน่นอน 100% เราให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความซื่อตรงต่อลูกค้า รวมถึงทางคลินิก ควบคุมการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง หมออู๋ ณัฐพล ก่อนทำการรักษาจะต้องมีการตรวจสภาพผิวหน้า ประเมินปัญหาร่วมกับผู้รับบริการทุกครั้งและคุณหมออู๋ เป็นผู้คิดค้น เทคนิคพิเศษเฉพาะตัวในทุกตำแหน่งปัญหาของใบหน้า โดยอาศัยประสบการณ์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์มามากกว่า 15 ปี ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจสูงสุด โดยปราศจากผลข้างเคียง โดยเฉพาะโปรแกรม Daisy Eyes เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่สมบูรณ์แบบมาก ในปัจจุบัน ลดปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเป็นลำผิดปกติได้ 100% ราคาโปรโมชั่น ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเริ่มต้น 6,500 บาท / CC
กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ด้วย Collagen Biostimulator
ผิวที่ดูอ่อนเยาว์ สว่างกระจ่างใส และเฟิร์มกระชับ จะทำให้การใช้ชีวิตมีความมั่นใจมากขึ้น ส่งเสริมให้อาชีพการงานดีขึ้น ละเราก็เชื่อว่าทุกคนต่างก็ไม่มีใครอยากให้ดูผิวแก่กว่าวัย แต่สำหรับบางคน ที่เพิ่งเข้าวงการหัตถการฉีดบำรุงผิวหน้า หรือวงการชะลอวัยอาจจะยังไม่รู้ว่า เลือกใช้วิธีการไหนถึงจะดี ในวันนี้ทาง Infiniz Clinic จะพามาทำความรู้จักกับ Original Collagen Biostimulator ที่ใช้ในการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการดูแลผิวที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ Collagen Biostimulator คืออะไร ทำงานยังไง ? Collagen Biostimulator หรือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนคอลลาเจนเดิมที่สูญเสียไปตามอายุ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกที่ช่วยให้ผิวยกกระชับ คืนความแข็งแรง ความยืดหยุ่น พร้อมช่วยฟื้นคืนคุณภาพผิวให้กลับมาดียิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือนหลังจากการฉีดเพียง 1 ครั้ง โดยสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้สูงถึง 66.5% ใน 3 เดือนหลังฉีด ทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA จากอเมริกา ในเรื่องการรักษาผิวพรรณหรือความงาม ตั้งแต่ปี 2009 รวมถึงล่าสุดผ่านการรับรองจาก Thai FDA ให้นำมาใช้ในการรักษาปัญหาผิวเสื่อมจากคอลลาเจนอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความ และผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการทำงาน คือ Original Collagen Biostimulator ประกอบด้วยอนุภาคของ PLLA-SCA (Poly-L-Lactic Acid : Sculptra) โดยผลิตจากโมเลกุลของ พืชที่ไม่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม เป็นโครงสร้างของน้ำตาลเชิงซ้อนและผ่านขบวนการหมักทางชีวภาพด้วย lactobacillus เกิดเป็นสารประกอบในรูปแบบ Polymer ที่โครงสร้างเข้ากับผิวหนังของมนุษย์ซึ่งจะทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้าในการกระตุ้นและฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยผลิตภัณฑ์จะฉีดไปยังผิวหนังชั้นลึก หลังจากนั้น 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบอื่นนอกเหนือจาก PLLA จะถูกดูดซึมออกจากร่างกาย โดยจะเหลือเพียงอนุภาคของ Original Collagen Biostimulator (PLLA) ซึ่งจะเริ่มกระตุ้นให้ร่างกายดึงเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน หรือ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น ทำให้เกิดการสะสมของเส้นใยคอลลาเจนใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวในระยะยาว สามารถฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้อิ่มฟู ยกกระชับ และกลับมามีคุณภาพผิวที่ดีและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น โดยขบวนการสร้างคอลลาเจน จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องจนถึง 25 เดือน และโมเลกุลของ PLLA จะถูกขจัดออกจากร่างกายไม่เหลือตกค้างแต่อย่างใด Collagen Biostimulator VS Ulthera VS Thermage ต่างกันยังไง ? Original Collagen Biostimulator (Sculptra) เป็นสารฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้าง และฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยเป็นการฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ส่วนล่างเพื่อกระตุ้นให้ผิวมีขบวนการสร้าง fibroblast เพื่อสร้าง collagen ใหม่ ผลที่ได้จะชัดเจนที่ 1-2 เดือนหลังฉีด โดยโครงสร้างผิวจะแข็งแรง อ่อนเยาว์มากขึ้น เรียบเนียน และ กระจ่างใส เหมือนกับการย้อนอายุโครงสร้างผิวในทุกมิติ ด้วยการมีคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น Ulthera ใช้วิธีการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) จากเครื่อง Ultraformer mpt ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูงด้วยเทคโนโลยีไมโครโฟกัส (Micro focused) เข้าไปเป็นจุดเล็กๆ เรียงกันเป็นแถว ในชั้นผิว คอลลาเจน หรือ SMAS โดยขณะทำสามารถมองเห็นโครงสร้างผิวได้อย่างชัดเจนจากหน้าจอ visualization screen แบบ real time ทำให้สามารถกำหนดแนวยกกระชับได้อย่างแม่นยำคลื่นอัลตราซาวด์จากไมโครโฟกัสสามารถเข้าสู่ชั้นผิวลึกลงไป 1.5, 3 และ 4.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นที่อยู่ของผิวชั้นคอลลาเจน และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน SMAS (Superficial muscular aponeurotic system: SMAS) ใต้ชั้นไขมันอีกที เมื่อชั้นผิวทั้งสองมีความตึงตัวมากขึ้นจึงมีผลเด่นเรื่องการยกกระชับเป็นอย่างมาก เนื่องจากผิวชั้น SMAS นี้แพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า มีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อผังผืดที่คอยยึดคอลลาเจนกับผิวหนังให้ดูกระชับ จากนั้นคลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดความร้อน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวชั้นบนดูกระชับขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง Thermage จะใช้การปล่อยคลื่นวิทยุ (Radio frequency: RF) แบบขั้วเดียว (Monopolar) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการปล่อยพลังงานมวลคลื่นวิทยุทั้งหมดเข้าไปในพื้นผิวที่ต้องการได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Hypodermis) และ ชั้นไขมัน (Subcutaneous fat) จึงมีผลให้คอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ และ ในชั้นไขมัน มีความตึงตัวกระชับ ผลที่ได้คือ ทำให้ ผิวพรรณกระชับมากขึ้น อ่อนเยาว์มากขึ้น รูขุมขนเรียบเนียนมากขึ้น นั่นเอง โดยการทำงานของ Thermage จะเน้นไปที่การคืนความกระชับในชั้นคอลลาเจน และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นโครงสร้างยึดทรงตัวของชั้นไขมันนั่นเอง Collagen Biostimulator / Thermage / Ulthera ทำพร้อมกันได้ไหม ? โดยปกติการทำ Collagen Biostimulator และ กลุ่มเครื่องมือยกกระชับ ulthera and thermage สามารถเสริมให้ผลการยกกระชับดีขึ้น แต่ในบทความนี้ หมอจะขออธิบายถึงลำดับการทำว่า แบบไหนน่าจะเหมาะสม ครับ หลังการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถฉีด Collagen Biostimulator ได้หรือไม่ เนื่องจากหลังทำ Ulthera หรือ thermage ร่างกายจะมีขบวนการอักเสบเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ การซ่อมแซมชั้น SMAS ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งขบวนการดังกล่าวใช้พลังงานระดับเซลล์ค่อนข้างมากในช่วง 1 เดือนหลังฉีด หมอจึงแนะนำคนไข้ทำการฉีดตัว sculptra หลังจากทำหัตถการกลุ่มเครื่องยกกระชับไปแล้ว 1 เดือน เพื่อไปเสริมปริมาณคอลลาเจนให้มากขึ้น ทำให้ผลการรักษาชัดเจนมากขึ้น ก่อนการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถฉีด Collagen Biostimulator ได้หรือไม่? เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก แนะนำให้ฉีด Collagen Biostimulator ก่อนการทำ Ulthera หรือ Thermage ประมาณ 1 เดือน เพื่อให้มีปริมาณ คอลลาเจนที่มากพอและพร้อมในการยกกระชับด้วย Ulthera หรือ Thermage ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง การดูแลตัวเองหลังฉีด Collagen Biostimulator ทำยังไง ? สำหรับผู้ที่สนใจทำโปรแกรม Original Collagen Biostimulator คงจะอยากรู้เรื่องการเตรียมตัวและข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้ Collagen Biostimulator เหมาะกับใคร ? Collagen Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือมีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 25-30 ปีขึ้นไป ทั้งยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ในระยะยาว ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า Original Collagen iostimulator สามารถเห็นผลลัพธ์ยาวนานได้ถึง 2 ปี** สามารถใช้เป็นการรักษาเสริมกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่ ต้องการให้มีคอลลาเจนที่มากขึ้น เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น เลเซอร์ยกกระชับ Ulthera Thermage HIFU และ ควบคู่กับโปรแกรม การรักษาผิวพรรณ ในผู้ที่มีโครงสร้างผิวที่ดีอยู่แล้ว ก็สามารถฉีด original Collagen Biostimulator ได้เช่นกัน เป็นเสมือนการป้องกันและชะลอวัยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ป้องกันความเสื่อม หยุดเวลาอายุผิวด้วย Collagen Biostimulator ที่ Infiniz Clinic ถ้าคุณเป็นคนที่อยากฟื้นฟูโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับ ฟื้นคืนความแข็งแรง ความยืดหยุ่น คืนคุณภาพผิวให้กลับมาดียิ่งขึ้น คุณสามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ Infiniz Clinic โดยมีคุณหมออู๋ ณัฐพล จะทำการตรวจประเมินโครงสร้างผิวในทุกมิติ เพื่อ พิจารณาโปรแกรม การรักษาปัญหาผิวพรรณต่างๆ รวมถึงโปรแกรม collagen Biostimulator จะต้องมีการประเมิน ปริมาณยาที่จะใช้ ตำแหน่งที่ต้องฉีด และ จำนวนครั้งที่ต้องทำการรักษาทั้งหมด เพื่อให้ผลลัพธ์งานผิวของคุณดูดี กระชับ อ่อนเยาว์ขึ้น เสริมความมั่นใจเพื่อการมีบุคลิกที่ดีขึ้น ที่สำคัญคลินิกของเราใช้ผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator ของแท้ 100%
ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร? ใครอยากผิวสวยต้องรู้! มีประโยชน์ยังไง
ในยุคที่ผู้หญิงหลาย ๆ คน ให้ความสำคัญกับผิวมากขึ้น จึงมีเทคโนโลยีหลายประเภทที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องผิว ให้ดูมีสุขภาพดี ผิวสวย ฉ่ำ โกลว์ หนึ่งในนั้นคือฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ อาทิเช่น ฟิลเลอร์ใต้ตาเติมเต็มร่องลึกใต้ตา, ฟิลเลอร์ร่องแก้มแก้ปัญหาร่องแก้ม, ฟิลเลอร์ขมับช่วยส่งเสริมให้หน้าดูมีมิติ, ฟิลเลอร์แก้มตอบแก้ไขปัญหาหน้าไม่เท่ากัน ไปจนถึงเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี ในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์งานผิว ว่าคืออะไร มีประโยชน์ และข้อควรระวังอะไรบ้าง พร้อมแนะนำคลินิกที่ ต่อการทำหัตถการดังกล่าว ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? การใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุล Hyaluronic acid ชนิดพิเศษที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ความเข้มข้นพอเหมาะกับการเติมเต็มเข้าสู่ชั้นผิวหนังระดับตื้น โดยออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดี อยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ ผิวหนังชั้นนอกและคงความชุ่มชื้นต่อเนื่องอย่างยาวนาน โดยไม่ทําให้ผิวบวมหรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป ด้วย ผ่านเทคนิคพิเศษในการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง ให้กระจายทั่วใบหน้า โดยโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มีส่วนช่วยเสริมสร้าง การเก็บกักน้ำในผิว ทําให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น ปรับเปลี่ยนโครงสร้างผิวให้แข็งแรงมากขึ้นเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ประโยนช์ที่ทำให้ต้องฉีด ฟิลเลอร์งานผิว ? ข้อควรระวัง ในการฉีดฟิลเลอร์งานผิว ? ในการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องระวังเรื่องฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน หากเจอฟิลเลอร์ปลอม นอกจากจะไม่ได้ผลการรักษาที่ต้องการแล้ว เนื้อฟิลเลอร์จะไม่สลาย ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อและทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายได้จึงต้องเสียเงินไปฉีดสลายฟิลเลอร์ ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มี 4 ข้อที่ต้องใส่ใจ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและ ฟิลเลอร์งานผิว ที่ infiniz ใช้ยี่ห้ออะไรบ้าง ? Restylane Vital Light ยี่ห้อแรก Restylane Vital Light ฟิลเลอร์รุ่นนี้ของแบรนด์ Restylane โดยมีส่วนผสมของยาชา และเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเนื้อเบา เจล HA มีอนุภาคเล็ก เนื้อละเอียด สามารถแก้ไขจุดที่ปัญหาเล็ก ๆ เช่นริ้วรอยตื้นๆ รอยหลุมสิว และถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับปรับคืนความชุ่มชื้นของผิวหนังในระดับลึก (Deep Hydration) ฟื้นฟูใบหน้าให้กระจ่างใส เหมาะกับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา ผิวชั้นตื้นทั่วใบหน้า และริมฝีปาก โดยในการฉีดแต่ละครั้ง สามารถอยู่นานประมาณ 6-12 เดือน Juvederm Volite Juvederm Volite ถูกผลิตมาให้มีโมเลกุล Hyaluronic acid ที่มีขนาดเล็ก และนิ่ม ในตระกูลฟิลเลอร์ VyCross ของอเมริกา มีเนื้อบางเบาละเอียด โดยสามารถฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ ได้อย่างเรียบเนียน การกลืนตัวเป็นธรรมชาติ ซึ่ง HA เป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่สำคัญให้กับผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณที่ทำ ได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังมีผลมีการกระตุ้น aquaporine ให้ส่งผ่านโมเลกุลน้ำและ Glycerol เข้าสู่เซลล์ได้ดีขึ้นด้วยประสิทธิภาพสูง ทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวดีขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โกลว์ และแน่นกระชับ อิ่ม ฟู เรียบเนียน ยื่ดหยุ่น มีสุขภาพดี และทำให้ดูเด็กลง โดยผลอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือนในการฉีดต่อครั้งอีกด้วย Belotero Revive Filler ยี่ห้อสุดท้าย Belotero Revive Filler เป็นฟิลเลอร์งานผิว ของโลก อุดมไปด้วยสารที่มีส่วนประกอบหลัก 2 ตัวได้แก่ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยการที่มีส่วนประกอบทั้งสองในหนึ่งนี้เองทำให้ Belotero Revive Filler เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์งานผิว ที่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์งานผิวชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ เนียนเด้ง แวววาว ตั้งแต่ผิวชั้นในถึงผิวชั้นนอก และอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน จึงไม่แปลกเลยที่ปัจจุบันยี่ห้อนี้จะได้รับความนิยมมาก จากผู้รับบริการ ผิวสวยไม่ง้อฟิลเตอร์ แค่ลองฟิลเลอร์งานผิวที่ Infiniz ถ้าคุณอยากจะเป็นคนที่ผิวสวยอ่อนเยาว์ สุขภาพดี ผิวเรียบ เนียนนุ่ม ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ แต่ยังไม่รู้จะไปคลินิกที่ไหนดี อยากให้คุณมาลองทำงานผิวที่ Infiniz Clinic โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล โดยการทำฟิลเลอร์งานผิวแต่ละครั้ง แพทย์จะให้คำแนะนำและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ของแต่ละบุคคล รวมทั้งการออกแบบตำแหน่งฉีด และ ปริมาณยาต่อบริเวณให้ได้ผลที่สวยงาม และแน่นอนว่า การฉีดต้องลงสู่ชั้นผิวที่ถูกต้อง โดยทุกหัตถการ มีการใช้ฟิลเลอร์แท้ 100% ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Juvederm Volite เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Restylane vital light เริ่มต้น 6,500 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic
Juvederm Volite ฟิลเลอร์กระตุ้นผิวนุ่มชุ่มชื้น ฉ่ำวาวตามต้นแบบฉบับสาวเกาหลี
ในที่นี้เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ผิวดูสวยสุขภาพดีกันอยู่แล้ว แต่จะทำหัตถการชนิดไหน นี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนกำลังเกิดความลังเลและไม่แน่ใจ ซึ่งในวันนี้ทาง อินฟินิซ คลินิก จะเป็นคนที่ช่วยหาทางออกให้กับคุณ โดยขอเสนอเป็นการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ ที่ใช้ชื่อว่า Juvederm Volite ซึ่งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ตัวดังกล่าว ช่วยเรื่องอะไร และมีจุดเด่นยังไงบ้าง คุณจะได้รู้แน่ ๆ และตั้งใจอ่านให้ดี เพราะครั้งนี้เรามาพร้อมโปรโมชั่นดี ๆ เพื่อให้ความสวยเป็นสิ่งที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ แค่มาใช้บริการที่คลินิกของเรากับแพทย์อินฟินิซ คลินิก Juvederm Volite คืออะไร ช่วยในเรื่องอะไร ? Juvederm Volite ผลิตภัณฑ์ HA Filler ตัวใหม่ล่าสุดจากบริษัท Allergan Aesthetics ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ความงามรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา Juvederm Volite เป็น Cross-linked Hyaluronic Acid (HA) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังกระตุ้น AQP3 ( Aquaporin 3; Water and Glycerol Transporter) จึงทำให้ผิวอิ่มน้ำ ดูฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับ ผิวดูสุขภาพดี ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และช่วยลดเรือนริ้วรอย ซึ่งเจลจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Deep Dermis) เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาผิวทั้งชั้นนอกและชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรมของ Juvederm Volite ด้วย HA ที่มีความอ่อนนุ่ม ในกลุ่มเทคโนโลยี VyCross จึงมีความเบาบางของโมเลกุล และ ความเข้มข้นพอเหมาะกับการฉีดเพื่อรักษาผิวพรรณ หากฉีดเข้าสู่ระดับชั้นที่ถูกต้อง จะไม่เกิดก้อนหรือตุ่มนูนผิดปกติ Juvederm Volite นอกจากจะใช้รักษาปัญหาผิวบริเวณใบหน้าแล้ว ยังสามารถฉีดรักษาผิวพรรณบริเวณลำคอและมือ โดยเหมาะกับทุกเพศทุกวัย และหลังจากการฉีดเพียง 1 ครั้ง อยู่ได้ยาวนาน 9-12 เดือน การฉีด Juvederm Volite สามารถช่วยเหลือปัญหาผิวพรรณดังนี้ จุดเด่นที่ทำให้ควรฉีด Juvederm Volite ที่ อินฟินิซ คลินิก มีโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อและรุ่น โดยคุณหมออู๋ และ แพทย์ อินฟินิซ คลินิก จะมีวิธีการเลือกใช้โดยคำนึงถึงปัญหาและผลลัพธ์ที่ถูกใจผู้รับบริการมาก ในส่วนของ Juvederm Volite มักนำมาใช้แก้ปัญหาเรื่องผิวพรรณ เช่นปัญหาผิวหยาบกร้าน ผิวขาดน้ำ ริ้วรอยปัญหารอบดวงตา หรือ ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ทั้งนี้ตัวฟิลเลอร์ Juvederm Volite มีจุดเด่นในเรื่องการเก็บกักน้ำได้อย่างล้ำลึกและยาวนานถึง 9 เดือน หลังการฉีดเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ร่วมกับความสามารถในการยกกระชับผิวหลังฉีดทำให้ฟิลเลอร์ไม่ถ่วงผิวจนเกิดภาวะผิวหนาผิดปกติ แต่ช่วยปรับรูปทรงผิว (skin contour) ให้เข้ารูปมากขึ้นอีกด้วย โดยรวม โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ juvederm Volite ช่วยเรื่องดังต่อไปนี้ ฉีด Juvederm Volite ตรงไหนได้บ้าง โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลายโดยเน้นการรักษาระดับชั้นผิวหนังส่วนตื้น โดยหลักๆเป็นเรื่องของการปรับสมดุลและสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์และชุ่มชื้นมากขึ้น บริเวณที่ทำการรักษาสามารถฉีดได้ดังนี้ ใครบ้างที่ควรฉีด Juvederm Volite โดยทั่วไป โปรแรกมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถทำการรักษาได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยแบ่งประเภทผู้รับบริการออกเป็นคร่าวๆ ดังนี้ ปลุกผิวใสให้ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ฉีด Juvederm Volite ที่ Infiniz เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์โปรแกรม Juvederm Volite ที่อินฟินิซ คลินิก เริ่มต้นจากการประเมินสภาพปัญหาและกำหนดจุดที่ต้องการแก้ปัญหา และ คำนวณปริมาณยาที่ต้องการจะใช้ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ในส่วนของเทคนิคการฉีดต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ในการปล่อยยาให้ตรงตำแหน่งของชั้นผิวระดับ “Intradermal” ใจกลางชั้นผิวส่วนบน เพื่อที่จะทำให้โมเลกุลของ Juvederm Volite กระจายตัวผ่านการทำงานของ AQP3 transporter ได้ดีที่้สุด เพื่อสร้างปรากฏการณ์เพิ่มน้ำสู่ผิวได้อย่างยาวนาน นอกจากนี้ การฉีดในชั้นดังกล่าว ยังสามารถเพิ่มผลการยกกระชับโครงสร้างผิว (Lifting capacity) ได้ดี และไม่เกิดผลข้างเคียงเช่นก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติหลังฉีดนั่นเอง ราคาโปรโมชั่นโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite โดยแพทย์อินฟินิซ คลินิก = 18,000 บาท ต่อ ML