ฉีด Exosome คืออะไร? อันตรายหรือเปล่า? พร้อมวิธีการดูแลตัวเองก่อนฉีด
ช่วงนี้เทรนด์การสร้างผิวสุขภาพดีกำลังมาแรง คุณอาจจะเห็นตามสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่แนะนำให้ไปทำหัตถการ ทำเลเซอร์ หรือการใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ ฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ชุ่มชื้น เรียบเนียน แก้ไขร่องลึก ริ้วรอยตื้น หรือแม้กระทั่งรอยหลุมสิว ซึ่งในวันนี้ทาง Infiniz Clinic จะขอแนะนำให้รู้จักกับอีกหนึ่งหัตถการที่น่าสนใจ นั่นคือ ตัว Exosome โดยในวันนี้เราจะบอกให้คุณรู้เกี่ยวกับการฉีด Exosome ดีไหม มีความแตกต่างยังไงกับฟิลเลอร์และอันตรายหรือไม่ ฉีด Exosome คืออะไร มีส่วนประกอบใดบ้าง ? Exosome คือ รูปแบบของถุงบรรจุขนาดนาโนเมตรที่ประกอบไปด้วยสาร ประกอบทางอนุภาคเคมีระดับเซลล์ที่ถูกปล่อยออกมาจากสเต็มเซลล์ (Stem Cell) โดยหลักๆคือ ทำหน้าที่ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล (Parakine) กว่า 1,000 ชนิด เช่น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acids และโปรตีนต่าง ๆ มากมาย โดยช่วยส่งสัญญาณระดับเซลล์ให้มีการทำงานที่ดีมากขึ้น และพัฒนาเป็นเซลล์ปกติที่มีการทำงานอย่างสมบูรณ์และแข็งแรงเพียงพอ ดังนั้น จึงมีผู้คิดค้นประโยชน์ของรูปแบบการเก็บสารประกอบทางชีวเคมีระดับเซลล์เหล่านี้จาก stem cell มนุษย์ สกัดออกมาอย่างถูกต้อง ปลอดเชื้อ และคงสภาพการทำงานไว้ได้ 100 % เพื่อใช้เป็นเทคโนโลยีในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ ด้วยอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนที่มีขนาดเล็กกว่าเซลล์โดยทั่วไปถึง 1/1,000 เท่า มีขนาดของอนุภาคเพียง 30-100 นาโนเมตร โดยมีส่วนประกอบมากกว่า 1,000 ชนิด เช่น กรดไขมัน กรดอะมิโน โปรตีน จึงทำให้เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้ว จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวหนัง และกระตุ้นการทำงานให้ฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสวยงาม Growth Factor Growth Factor คือ สารกลุ่มโปรตีนระดับชีวโมเลกุลขนาดเล็กที่เซลล์ร่างกายผลิตขึ้นมากระตุ้นการทำงานของเซลล์โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ในรูปแบบปกติ การซ่อมแซมเซลล์ให้ทำงานปกติ ลดการบาดเจ็บ ลดการอักเสบ รวมทั้งบางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังให้อยู่ในระดับปกติ การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนัง (Cell Differentiation) ให้อยู่ใน Cycle ปกติที่ 21-28 วัน เหนี่ยวนำกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรงสวยงาม และการสร้างกรดไฮยาลูรอนิค ในเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ผิวหนังให้มีการทำงานที่เป็นปกติ เพื่อเก็บน้ำสร้างความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน ปัจจุบัน Exosome จึงทำให้ช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัยให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ Cytokine Cytokine คือ สารประกอบโปรตีนชีวเคมีขนาดเล็กที่ผลิตจากเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่เป็นตัวสื่อสารกับเซลล์เม็ดเลือดขาว เกิดขึ้นเวลาเซลล์มีการบาดเจ็บหรืออักเสบ ทำหน้าที่ทั้งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและรักษาบาดแผล ลดอาการอักเสบต่างๆ ของผิว ในส่วนประกอบที่คัดเลือกมาบรรจุใน Exosome จะเลือกใช้ส่วนที่ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังให้คืนสภาพอ่อนเยาว์ เช่นเดิม Micro RNA : miRNA Micro RNA : miRNA คือ สายโมเลกุล RNA ขนาดเล็ก ทำหน้าที่ควบคุมการแสดงออกของยีนและควบคุมระดับ mRNA ในเซลล์ ในระดับของ Exosome จะเลือกกลุ่ม mRNA ที่ดีโดยกระตุ้นการทำงานของยีนที่ดีเพื่อสร้างโปรตีน กระตุ้นให้การทำงานของเซลล์เป็นไปอย่างเป็นระเบียบและแบบแผนที่ถูกต้อง และยับยั้งการทำงานยีนที่ผิดปกติ เพื่อให้เซลล์มีประสิทธิภาพในการ ซ่อมแซม ฟื้นฟู ลดการอักเสบ และช่วยชะลอวัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังควบคุม การสร้างเซลล์ที่ผิดปกติอีกด้วย Biological compounds Biologica คือ สารชีวโมเลกุลต่างๆ ที่สเต็มเซลล์สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการรักษา และปรับสมดุลภายในเซลล์ เสริมสร้างเซลล์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กรดไขมัน โปรตีน กรดอะมิโนต่างๆ โดยพวกนี้มีผลต่อการทำงานของพวกเอนไซม์ หรือ เป็น Catalyst / Co-Factor ให้การทำงานของเซลล์ในการเจริญเติบโต มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างฉีด Exosome กับ ฟิลเลอร์ Stem cell Exosome (Exosome) ผ่านกระบวนการผลิตจาก Biochemical Parakine (สารเคมีที่ส่งสัญญาณการทำงานระหว่างเซลล์) ของ Umbilical Cord Cell Line (เซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือเด็กแรกเกิด) นั่นเอง ซึ่งส่วนประกอบที่บรรจุใน Exosome ก็คือสารอาหาร โปรตีน และโมเลกุลอื่นๆที่ช่วยในเรื่องการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังของเราช่วยให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ตามจุดต่าง ๆ และชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ คืนความแข็งแรงให้เซลล์ ดังนั้น Exosome จึงเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผิวหนังดูสุขภาพดี ผิวไม่แห้งโทรม ลดเลือนปัญหาริ้วรอย รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และดูอ่อนวัย ในทุกมิติ ฟิลเลอร์ มีส่วนประกอบสำคัญคือ Hyaluronic acid ชนิดที่ช่วยในเรื่องการรักษาผิวพรรณ จะมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก และ แทรกตัวเข้าสู่เซลล์ผิวได้อย่างดี โดยหลักการทำงานคือกระตุ้นให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น และ กระตุ้นการสร้าง growth Factor ในระหว่างการฉีด ทำให้เกิดผลคือคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วมีความกระชับพองตัวและมีการจัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบมากขึ้น ผลที่ได้ คือ คอลลาเจน และ อีลาสติน คืนสภาพ ผิวจึงมีความกระชับ เรียบเนียนมากขึ้น รวมทั้งช่วยในเรื่องของผิวขาดน้ำได้เป็นอย่างดี โดยฟิลเลอร์งานผิวที่แนะนำคือ Belotero Revive / Restyalne Vital Light and Juvederm Volite นั่นเอง โดยทั้งสองหัตถการรักษาผิวพรรณ มีความแตกต่างกันจากที่มา และ ชนิดของสารที่เติมเข้าสู่ชั้นผิว โดยจุดมุ่งหมายการรักษาที่แตกต่างกัน โดยการฉีด Exosome จะช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานของฟิลเลอร์งานผิวได้ดียิ่งขึ้น จากการที่เซลล์ผิวหนังมีโปรแกรมการทำงานที่รวดเร็ว จึงทำให้เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ดูแลตัวเองก่อนและหลังการฉีด Exosome การเตรียมตัวก่อนฉีด Exosome เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด โดยวิธีการเตรียมตัวก่อนทำ ประโยชน์ของการฉีด Exosome 1.ช่วยฟื้นฟูผิว ให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ในทุกมิติ การฉีด Exosome ช่วยรักษาให้เซลล์ผิวหนังที่อ่อนแอ แข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในผิวทำให้ผิวเต่งตึง และย้อนวัยผิวได้อย่างดี ช่วยให้เซลล์มีการผลัดตัวและเจริญเติบโตอย่างปกติในช่วงเวลาที่เหมาะสม 3-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังที่ผิดปกติ หรือ เนื้องอกผิวหนัง เช่น กระเนื้อ รูขุมขนอุดตัน เป็นต้น 2.ช่วยรักษาแผล ให้แผลหายเร็วขึ้น ในช่วงการเกิดแผล Exosome ที่เข้าสู่เซลล์ผิวหนังจะลดขบวนการอักเสบ บวม แดง และ ช่วยให้มีการหลั่งโปรตีนที่จำเพาะต่อขบวนการลดการอักเสบออกมาได้อย่างดี ทำให้การหายบวมแดงของแผลรวดเร็วมากขึ้น ตลอดจนขบวนการซ่อมแซมแผลด้วยการสร้างคอลลาเจน Type 1:3 ในสัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อลดการเกิดแผลเป็นที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย 3.ช่วยลดเม็ดสีที่ผิดปกติได้จากการยับยั้งการสร้างเม็ดสี เมื่ออายุมากขึ้นสัดส่วนของเซลล์เมลานินที่ผิดปกติก็มีมากขึ้น นำไปสู่การเกิดพวก ไฝ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ผิดปกติ โดยบางทีหาสาเหตุไม่ได้ การฉีด Exosome ช่วยทำให้ชนิดของเซลล์ในชั้นผิวหนังกลับมาเป็นปกติเหมือนหนุ่มสาวอีกครั้ง จึงลดปริมาณเม็ดสีส่วนเกิน และช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจน หรือ อีลาสตินแทน ทำให้ลดการเกิดเม็ดสีผิดปกติ ขจัดเม็ดสีส่วนเกิน ด้วยขบวนการตามธรรมชาติเพื่อคืนสภาพผิวสู่ความอ่อนเยาว์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้จุดด่างดำบนใบหน้าขาวขึ้น และผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น 4.ช่วยลดอาการผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ต่างๆ ช่วยลดผื่นผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ เนื่องจากลดขบวนการอักเสบของเซลล์ผิวได้อย่างดี ทำให้โอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ Atopic Dermatitis, Seborrheic Dermatitis, Contact Dermatitis, Perioral Dermatitis หรือ Rosacea ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากขบวนการทำงานของ Exosome ที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้นั่นเอง อย่างไรก็ตามภาวะภูมิแพ้ผิวหนังที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการดูแลตัวเองเรื่องการพักผ่อน ความเครียด และการรับประทานอาหาร ผลการรักษาจึงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล 5.ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ในผู้ชายและ ผู้หญิง (Male & Female Pattern Alopecia) เนื่องจากตัว สารอาหารและโปรตีนที่ส่งเสริมการทำงานระดับเซลล์ จาก Programmed Hair Stem Cell Line ที่คัดเลือกมาบรรจุใน Exosome มีความสามารถในการทำให้ รากผมมีขนาดใหญ่มากขึ้น ส่งผลให้ผม มีขนาดใหญ่ และ หนามากขึ้น จึงนำมาใช้ในการฉีดกระตุ้นรากผม และ บำรุงผมให้กลับมา ดกดำ และ เพิ่มปริมาณมากขึ้น นั่นเอง อย่างไรก็ตามแพทย์ต้องมีการตรวจสภาพหนังศีรษะ และ ลักษณะของเส้นผม ก่อนทำการรักษาและเลือกชนิดของ Exosome ที่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ฉีด Exosome อันตรายไหม Exosome เป็นสารสกัดที่มาจากเซลล์เพาะเลี้ยง ของสายสะดือเด็กแรกเกิด (Umbilical Cord Cell Lne) จากบริษัทที่น่าเชื่อถือ และ มีใบตรวจสอบความปราศจากเชื้อ และ ปริมาณเซลล์ที่ชัดเจน จึงมีความปลอดภัย ตลอดจน แพทย์จะเป็นผู้ตรวจสอบ ชนิดของส่วนประกอบใน Exosome เพื่อความถูกต้องก่อนการนำมาฉีดรักษาที่ใบหน้าหรือหนังศีรษะ และด้วยขั้นตอนเหล่านี้ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ถึงความบริสุทธิ์ของ Exosome และ การนำมาใช้ได้อย่างตรงจุด และ ปราศจากผลข้างเคียง ทางคลินิกไม่มีนโยบายการใช้ Exosome ที่ผลิตในประเทศ หรือ สารสังเคราะห์เลียนแบบ เพื่อป้องกันการเกิดสารเคมี หรือสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจือปน จะพิจารณาการรักษาโดยการใช้ Exosome ของแท้และ ผลิตด้วย LAB ที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย มีข้อมูลรายละเอียด แสดงการตรวจที่ปลอดเชื้อ และ สารปนเปื้อน เท่านั้น ฉีด Exosome ที่ Infiniz ต่างจากที่อื่นยังไง ชนิดของ Exosome ที่นำมาใช้ที่ อินฟินิซ คลินิก มาจากห้อง LAB ที่ได้มาตรฐาน และ ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย มีใบรายงานผลความปราศจากเชื้อ และ จำนวนเซลล์ที่ชัดเจน ก่อนนำมาใช้ทำหัตถการทุกเคส จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยก่อนทำการรักษาได้ทุกรายหัตถการ นอกจากนี้ แพทย์ต้องเป็นผู้ตรวจประเมินปัญหาและเลือกใช้ชนิดของ Exosome ที่มีความเหมาะสมกับปัญหา และเทคนิคการใช้เข็มทั้งขนาดและความลึกก็มีความสำคัญต่อผลการรักษาเช่นกัน เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ตรงจุดและประสิทธิภาพสูงสุด แพทย์ทุกท่านผ่านการ เทรนนิ่งโดย คุณหมออู๋ ณัฐพล ถึงแนวทางการเลือกใช้ Exosome การประเมินสภาพปัญหา และ เทคนิคการฉีดในผิวหนังของผู้รับบริการแต่ละท่าน
กระตุ้นคอลลาเจนให้ดูผิวอ่อนเยาว์ด้วย Collagen Biostimulator
ผิวที่ดูอ่อนเยาว์ สว่างกระจ่างใส และเฟิร์มกระชับ จะทำให้การใช้ชีวิตมีความมั่นใจมากขึ้น ส่งเสริมให้อาชีพการงานดีขึ้น ละเราก็เชื่อว่าทุกคนต่างก็ไม่มีใครอยากให้ดูผิวแก่กว่าวัย แต่สำหรับบางคน ที่เพิ่งเข้าวงการหัตถการฉีดบำรุงผิวหน้า หรือวงการชะลอวัยอาจจะยังไม่รู้ว่า เลือกใช้วิธีการไหนถึงจะดี ในวันนี้ทาง Infiniz Clinic จะพามาทำความรู้จักกับ Original Collagen Biostimulator ที่ใช้ในการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการดูแลผิวที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ Collagen Biostimulator คืออะไร ทำงานยังไง ? Collagen Biostimulator หรือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนคอลลาเจนเดิมที่สูญเสียไปตามอายุ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกที่ช่วยให้ผิวยกกระชับ คืนความแข็งแรง ความยืดหยุ่น พร้อมช่วยฟื้นคืนคุณภาพผิวให้กลับมาดียิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือนหลังจากการฉีดเพียง 1 ครั้ง โดยสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้สูงถึง 66.5% ใน 3 เดือนหลังฉีด ทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA จากอเมริกา ในเรื่องการรักษาผิวพรรณหรือความงาม ตั้งแต่ปี 2009 รวมถึงล่าสุดผ่านการรับรองจาก Thai FDA ให้นำมาใช้ในการรักษาปัญหาผิวเสื่อมจากคอลลาเจนอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการทำงาน คือ Original Collagen Biostimulator ประกอบด้วยอนุภาคของ PLLA-SCA (Poly-L-Lactic Acid : Sculptra) โดยผลิตจากโมเลกุลของ พืชที่ไม่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม เป็นโครงสร้างของน้ำตาลเชิงซ้อนและผ่านขบวนการหมักทางชีวภาพด้วย lactobacillus เกิดเป็นสารประกอบในรูปแบบ Polymer ที่โครงสร้างเข้ากับผิวหนังของมนุษย์ซึ่งจะทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้าในการกระตุ้นและฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยผลิตภัณฑ์จะฉีดไปยังผิวหนังชั้นลึก หลังจากนั้น 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบอื่นนอกเหนือจาก PLLA จะถูกดูดซึมออกจากร่างกาย โดยจะเหลือเพียงอนุภาคของ Original Collagen Biostimulator (PLLA) ซึ่งจะเริ่มกระตุ้นให้ร่างกายดึงเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน หรือ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น ทำให้เกิดการสะสมของเส้นใยคอลลาเจนใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวในระยะยาว สามารถฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้อิ่มฟู ยกกระชับ และกลับมามีคุณภาพผิวที่ดีและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น โดยขบวนการสร้างคอลลาเจน จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องจนถึง 25 เดือน และโมเลกุลของ PLLA จะถูกขจัดออกจากร่างกายไม่เหลือตกค้างแต่อย่างใด Collagen Biostimulator VS Ulthera VS Thermage ต่างกันยังไง ? Original Collagen Biostimulator (Sculptra) เป็นสารฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้าง และฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยเป็นการฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ส่วนล่างเพื่อกระตุ้นให้ผิวมีขบวนการสร้าง fibroblast เพื่อสร้าง collagen ใหม่ ผลที่ได้จะชัดเจนที่ 1-2 เดือนหลังฉีด โดยโครงสร้างผิวจะแข็งแรง อ่อนเยาว์มากขึ้น เรียบเนียน และ กระจ่างใส เหมือนกับการย้อนอายุโครงสร้างผิวในทุกมิติ ด้วยการมีคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น Ulthera ใช้วิธีการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูงด้วยเทคโนโลยีไมโครโฟกัส (Micro focused) เข้าไปเป็นจุดเล็กๆ เรียงกันเป็นแถว ในชั้นผิว คอลลาเจน หรือ SMAS โดยขณะทำสามารถมองเห็นโครงสร้างผิวได้อย่างชัดเจนจากหน้าจอ visualization screen แบบ real time ทำให้สามารถกำหนดแนวยกกระชับได้อย่างแม่นยำคลื่นอัลตราซาวด์จากไมโครโฟกัสสามารถเข้าสู่ชั้นผิวลึกลงไป 1.5, 3 และ 4.5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นที่อยู่ของผิวชั้นคอลลาเจน และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน SMAS (Superficial muscular aponeurotic system: SMAS) ใต้ชั้นไขมันอีกที เมื่อชั้นผิวทั้งสองมีความตึงตัวมากขึ้นจึงมีผลเด่นเรื่องการยกกระชับเป็นอย่างมาก เนื่องจากผิวชั้น SMAS นี้แพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า มีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อผังผืดที่คอยยึดคอลลาเจนกับผิวหนังให้ดูกระชับ จากนั้นคลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดความร้อน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวชั้นบนดูกระชับขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง Thermage จะใช้การปล่อยคลื่นวิทยุ (Radio frequency: RF) แบบขั้วเดียว (Monopolar) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการปล่อยพลังงานมวลคลื่นวิทยุทั้งหมดเข้าไปในพื้นผิวที่ต้องการได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Hypodermis) และ ชั้นไขมัน (Subcutaneous fat) จึงมีผลให้คอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ และ ในชั้นไขมัน มีความตึงตัวกระชับ ผลที่ได้คือ ทำให้ ผิวพรรณกระชับมากขึ้น อ่อนเยาว์มากขึ้น รูขุมขนเรียบเนียนมากขึ้น นั่นเอง โดยการทำงานของ Thermage จะเน้นไปที่การคืนความกระชับในชั้นคอลลาเจน และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นโครงสร้างยึดทรงตัวของชั้นไขมันนั่นเอง Collagen Biostimulator / Thermage / Ulthera ทำพร้อมกันได้ไหม ? โดยปกติการทำ Collagen Biostimulator และ กลุ่มเครื่องมือยกกระชับ ulthera and thermage สามารถเสริมให้ผลการยกกระชับดีขึ้น แต่ในบทความนี้ หมอจะขออธิบายถึงลำดับการทำว่า แบบไหนน่าจะเหมาะสมที่สุดครับ หลังการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถฉีด Collagen Biostimulator ได้หรือไม่ เนื่องจากหลังทำ Ulthera หรือ thermage ร่างกายจะมีขบวนการอักเสบเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ การซ่อมแซมชั้น SMAS ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งขบวนการดังกล่าวใช้พลังงานระดับเซลล์ค่อนข้างมากในช่วง 1 เดือนหลังฉีด หมอจึงแนะนำคนไข้ทำการฉีดตัว sculptra หลังจากทำหัตถการกลุ่มเครื่องยกกระชับไปแล้ว 1 เดือน เพื่อไปเสริมปริมาณคอลลาเจนให้มากขึ้น ทำให้ผลการรักษาชัดเจนมากขึ้น ก่อนการทำ Ulthera หรือ Thermage สามารถฉีด Collagen Biostimulator ได้หรือไม่? เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำให้ฉีด Collagen Biostimulator ก่อนการทำ Ulthera หรือ Thermage ประมาณ 1 เดือน เพื่อให้มีปริมาณ คอลลาเจนที่มากพอและพร้อมในการยกกระชับด้วย Ulthera หรือ Thermage ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง การดูแลตัวเองหลังฉีด Collagen Biostimulator ทำยังไง ? สำหรับผู้ที่สนใจทำโปรแกรม Original Collagen Biostimulator คงจะอยากรู้เรื่องการเตรียมตัวและข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้ Collagen Biostimulator เหมาะกับใคร ? Collagen Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือมีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 25-30 ปีขึ้นไป ทั้งยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ในระยะยาว ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า Original Collagen iostimulator สามารถเห็นผลลัพธ์ยาวนานได้ถึง 2 ปี** สามารถใช้เป็นการรักษาเสริมกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่ ต้องการให้มีคอลลาเจนที่มากขึ้น เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น เลเซอร์ยกกระชับ Ulthera Thermage HIFU และ ควบคู่กับโปรแกรม การรักษาผิวพรรณ ในผู้ที่มีโครงสร้างผิวที่ดีอยู่แล้ว ก็สามารถฉีด original Collagen Biostimulator ได้เช่นกัน เป็นเสมือนการป้องกันและชะลอวัยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ป้องกันความเสื่อม หยุดเวลาอายุผิวด้วย Collagen Biostimulator ที่ Infiniz Clinic ถ้าคุณเป็นคนที่อยากฟื้นฟูโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวเกิดการยกกระชับ ฟื้นคืนความแข็งแรง ความยืดหยุ่น คืนคุณภาพผิวให้กลับมาดียิ่งขึ้น คุณสามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ Infiniz Clinic โดยมีคุณหมออู๋ ณัฐพล จะทำการตรวจประเมินโครงสร้างผิวในทุกมิติ เพื่อ พิจารณาโปรแกรม การรักษาปัญหาผิวพรรณต่างๆ รวมถึงโปรแกรม collagen Biostimulator จะต้องมีการประเมิน ปริมาณยาที่จะใช้ ตำแหน่งที่ต้องฉีด และ จำนวนครั้งที่ต้องทำการรักษาทั้งหมด เพื่อให้ผลลัพธ์งานผิวของคุณดูดี กระชับ อ่อนเยาว์ขึ้น เสริมความมั่นใจเพื่อการมีบุคลิกที่ดีขึ้น ที่สำคัญคลินิกของเราใช้ผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator ของแท้ ปลอดภัย 100%
ใครอยากผิวสวยต้องรู้! ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? มีประโยชน์ยังไง
ในยุคที่ผู้หญิงหลาย ๆ คน ให้ความสำคัญกับผิวมากขึ้น จึงมีเทคโนโลยีหลายประเภทที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องผิว ให้ดูมีสุขภาพดี ผิวสวย ฉ่ำ โกลว์ หนึ่งในนั้นคือฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ อาทิเช่น เติมเต็มร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาร่องแก้ม ไปจนถึงเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี ในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์งานผิว ว่าคืออะไร มีประโยชน์ และข้อควรระวังอะไรบ้าง พร้อมแนะนำคลินิกที่ปลอดภัยต่อการทำหัตถการดังกล่าว ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? การใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุล Hyaluronic acid ชนิดพิเศษที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ความเข้มข้นพอเหมาะกับการเติมเต็มเข้าสู่ชั้นผิวหนังระดับตื้น โดยออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดี อยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ ผิวหนังชั้นนอกและคงความชุ่มชื้นต่อเนื่องอย่างยาวนาน โดยไม่ทําให้ผิวบวมหรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป ด้วย ผ่านเทคนิคพิเศษในการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง ให้กระจายทั่วใบหน้า โดยโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มีส่วนช่วยเสริมสร้าง การเก็บกักน้ำในผิว ทําให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น ปรับเปลี่ยนโครงสร้างผิวให้แข็งแรงมากขึ้นเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ประโยนช์ที่ทำให้ต้องฉีด ฟิลเลอร์งานผิว ? ข้อควรระวัง ในการฉีดฟิลเลอร์งานผิว ? ในการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องระวังเรื่องฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน หากเจอฟิลเลอร์ปลอม นอกจากจะไม่ได้ผลการรักษาที่ต้องการแล้ว เนื้อฟิลเลอร์จะไม่สลาย ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อและทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายได้ ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มี 4 ข้อที่ต้องใส่ใจ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ฟิลเลอร์งานผิว ที่ infiniz ใช้ยี่ห้ออะไรบ้าง ? Restylane Vital Light ยี่ห้อแรก Restylane Vital Light ฟิลเลอร์รุ่นนี้ของแบรนด์ Restylane โดยมีส่วนผสมของยาชา และเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเนื้อเบา เจล HA มีอนุภาคเล็ก เนื้อละเอียด สามารถแก้ไขจุดที่ปัญหาเล็ก ๆ เช่นริ้วรอยตื้นๆ รอยหลุมสิว และถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับปรับคืนความชุ่มชื้นของผิวหนังในระดับลึก (Deep Hydration) ฟื้นฟูใบหน้าให้กระจ่างใส เหมาะกับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา ผิวชั้นตื้นทั่วใบหน้า และริมฝีปาก โดยในการฉีดแต่ละครั้ง สามารถอยู่นานประมาณ 6-12 เดือน Juvederm Volite Juvederm Volite ถูกผลิตมาให้มีโมเลกุล Hyaluronic acid ที่มีขนาดเล็ก และนิ่มที่สุดในตระกูลฟิลเลอร์ VyCross ของอเมริกา มีเนื้อบางเบาละเอียด โดยสามารถฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ ได้อย่างเรียบเนียน การกลืนตัวเป็นธรรมชาติ ซึ่ง HA เป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่สำคัญให้กับผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณที่ทำ ได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังมีผลมีการกระตุ้น aquaporine ให้ส่งผ่านโมเลกุลน้ำและ Glycerol เข้าสู่เซลล์ได้ดีขึ้นด้วยประสิทธิภาพสูง ทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวดีขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โกลว์ และแน่นกระชับ อิ่ม ฟู เรียบเนียน ยื่ดหยุ่น มีสุขภาพดี และทำให้ดูเด็กลง โดยผลอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือนในการฉีดต่อครั้งอีกด้วย Belotero Revive Filler ยี่ห้อสุดท้าย Belotero Revive Filler เป็นฟิลเลอร์งานผิวอันดับ 1 ของโลก อุดมไปด้วยสารที่มีส่วนประกอบหลัก 2 ตัวได้แก่ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยการที่มีส่วนประกอบทั้งสองในหนึ่งนี้เองทำให้ Belotero Revive Filler เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์งานผิว ที่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์งานผิวชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ เนียนเด้ง แวววาว ตั้งแต่ผิวชั้นในถึงผิวชั้นนอก และอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน จึงไม่แปลกเลยที่ปัจจุบันยี่ห้อนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้รับบริการ ผิวสวยไม่ง้อฟิลเตอร์ แค่ลองฟิลเลอร์งานผิวที่ Infiniz ถ้าคุณอยากจะเป็นคนที่ผิวสวยอ่อนเยาว์ สุขภาพดี ผิวเรียบ เนียนนุ่ม ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ แต่ยังไม่รู้จะไปคลินิกที่ไหนดี อยากให้คุณมาลองทำงานผิวที่ Infiniz Clinic โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล โดยการทำฟิลเลอร์งานผิวแต่ละครั้ง แพทย์จะให้คำแนะนำและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละบุคคล รวมทั้งการออกแบบตำแหน่งฉีด และ ปริมาณยาต่อบริเวณให้ได้ผลที่สวยงามที่สุด และแน่นอนว่า การฉีดต้องลงสู่ชั้นผิวที่ถูกต้อง โดยทุกหัตถการ มีการใช้ฟิลเลอร์แท้ ปลอดภัย 100% ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Juvederm Volite เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Restylane vital light เริ่มต้นที่ 16,500 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic
Juvederm Volite ฟิลเลอร์กระตุ้นผิวนุ่มชุ่มชื้น ฉ่ำวาวตามต้นแบบฉบับสาวเกาหลี
ในที่นี้เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ผิวดูสวยสุขภาพดีกันอยู่แล้ว แต่จะทำหัตถการชนิดไหน นี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนกำลังเกิดความลังเลและไม่แน่ใจ ซึ่งในวันนี้ทาง อินฟินิซ คลินิก จะเป็นคนที่ช่วยหาทางออกให้กับคุณ โดยขอเสนอเป็นการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ ที่ใช้ชื่อว่า Juvederm Volite ซึ่งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ตัวดังกล่าว ช่วยเรื่องอะไร และมีจุดเด่นยังไงบ้าง คุณจะได้รู้แน่ ๆ และตั้งใจอ่านให้ดี เพราะครั้งนี้เรามาพร้อมโปรโมชั่นดี ๆ เพื่อให้ความสวยเป็นสิ่งที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ แค่มาใช้บริการที่คลินิกของเรากับทีมแพทย์อินฟินิซ คลินิก Juvederm Volite คืออะไร ช่วยในเรื่องอะไร ? Juvederm Volite ผลิตภัณฑ์ HA Filler ตัวใหม่ล่าสุดจากบริษัท Allergan Aesthetics ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ความงามรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา Juvederm Volite เป็น Cross-linked Hyaluronic Acid (HA) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังกระตุ้น AQP3 ( Aquaporin 3; Water and Glycerol Transporter) จึงทำให้ผิวอิ่มน้ำ ดูฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับ ผิวดูสุขภาพดี ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และช่วยลดเรือนริ้วรอย ซึ่งเจลจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Deep Dermis) เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาผิวทั้งชั้นนอกและชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรมของ Juvederm Volite ด้วย HA ที่มีความอ่อนนุ่มที่สุดในกลุ่มเทคโนโลยี VyCross จึงมีความเบาบางของโมเลกุล และ ความเข้มข้นพอเหมาะกับการฉีดเพื่อรักษาผิวพรรณ หากฉีดเข้าสู่ระดับชั้นที่ถูกต้อง จะไม่เกิดก้อนหรือตุ่มนูนผิดปกติ Juvederm Volite นอกจากจะใช้รักษาปัญหาผิวบริเวณใบหน้าแล้ว ยังสามารถฉีดรักษาผิวพรรณบริเวณลำคอและมือ โดยเหมาะกับทุกเพศทุกวัย และหลังจากการฉีดเพียง 1 ครั้ง อยู่ได้ยาวนาน 9-12 เดือน การฉีด Juvederm Volite สามารถช่วยเหลือปัญหาผิวพรรณดังนี้ จุดเด่นที่ทำให้ควรฉีด Juvederm Volite ที่ อินฟินิซ คลินิก มีโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อและรุ่น โดยคุณหมออู๋ และ ทีมแพทย์ อินฟินิซ คลินิก จะมีวิธีการเลือกใช้โดยคำนึงถึงปัญหาและผลลัพธ์ที่ถูกใจผู้รับบริการมากที่สุด ในส่วนของ Juvederm Volite มักนำมาใช้แก้ปัญหาเรื่องผิวพรรณ เช่นปัญหาผิวหยาบกร้าน ผิวขาดน้ำ ริ้วรอยปัญหารอบดวงตา หรือ ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ทั้งนี้ตัวฟิลเลอร์ Juvederm Volite มีจุดเด่นในเรื่องการเก็บกักน้ำได้อย่างล้ำลึกและยาวนานถึง 9 เดือน หลังการฉีดเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ร่วมกับความสามารถในการยกกระชับผิวหลังฉีดทำให้ฟิลเลอร์ไม่ถ่วงผิวจนเกิดภาวะผิวหนาผิดปกติ แต่ช่วยปรับรูปทรงผิว (skin contour) ให้เข้ารูปมากขึ้นอีกด้วย โดยรวม โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ juvederm Volite ช่วยเรื่องดังต่อไปนี้ ฉีด Juvederm Volite ตรงไหนได้บ้าง โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลายโดยเน้นการรักษาระดับชั้นผิวหนังส่วนตื้น โดยหลักๆเป็นเรื่องของการปรับสมดุลและสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์และชุ่มชื้นมากขึ้น บริเวณที่ทำการรักษาสามารถฉีดได้ดังนี้ ใครบ้างที่ควรฉีด Juvederm Volite โดยทั่วไป โปรแรกมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถทำการรักษาได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยแบ่งประเภทผู้รับบริการออกเป็นคร่าวๆ ดังนี้ ปลุกผิวใสให้ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ฉีด Juvederm Volite ที่ Infiniz เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์โปรแกรม Juvederm Volite ที่อินฟินิซ คลินิก เริ่มต้นจากการประเมินสภาพปัญหาและกำหนดจุดที่ต้องการแก้ปัญหา และ คำนวณปริมาณยาที่ต้องการจะใช้ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในส่วนของเทคนิคการฉีดต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ในการปล่อยยาให้ตรงตำแหน่งของชั้นผิวระดับ “Intradermal” ใจกลางชั้นผิวส่วนบน เพื่อที่จะทำให้โมเลกุลของ Juvederm Volite กระจายตัวผ่านการทำงานของ AQP3 transporter ได้ดีที่้สุด เพื่อสร้างปรากฏการณ์เพิ่มน้ำสู่ผิวได้อย่างยาวนานที่สุด นอกจากนี้ การฉีดในชั้นดังกล่าว ยังสามารถเพิ่มผลการยกกระชับโครงสร้างผิว (Lifting capacity) ได้ดีที่สุด และไม่เกิดผลข้างเคียงเช่นก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติหลังฉีดนั่นเอง ราคาโปรโมชั่นโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite โดยทีมแพทย์อินฟินิซ คลินิก = 18,000 บาท ต่อ ML
Restylane Vital Light ฟิลเลอร์สำหรับลดริ้วรอยและร่องลึกใต้ตา
เพราะอายุที่มากขึ้น ริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่จะตามมา จึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีหยุดปัญหาดังกล่าว และรักษาผิวไม่ให้เกิดริ้วรอย ดังนั้นเลยต้องมีการใช้ฟิลเลอร์เข้ามาช่วยในการแก้ไข โดยในวันนี้เราอยากจะแนะนำยี่ห้อ Restylane เป็นตัว Restylane Vital Light หนึ่งในฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มในกลุ่ม HA ที่มีโมเลกุลบางเบา ช่วยแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตาได้ดี และจะพาไปดูความแตกต่างระหว่าง Restylane Vital กับ Restylane Vital Light ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รวมไปถึงข้อดีของการทำหัตถการดังกล่าว จาก Infiniz Clinic Restylane Vital Light คืออะไร มาจากไหน ? ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มในกลุ่มเจลไฮยาลูโรนิกแอซิด มีความสามารถในการเติมเต็มร่องลึก ลดเรือนริ้วรอย และยังสามารถดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามาเก็บไว้กับบริเวณผิวที่ทำการเติม ฟิลเลอร์ดังกล่าว ทำให้ผู้ที่รับการรักษานอกจากได้ปรับแก้ริ้วรอยร่องลึก เติมเต็มจุดที่บกพร่อง และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น Restylane ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากมีงานวิจัยเป็นจำนวนมาก ที่ยืนยันเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยหลังจากการรักษาด้วยฟิลเลอร์ดังกล่าว การใช้งานจึงกระจายออกสู่ 70 ประเทศทั่วโลก ไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ Restylane Vital กับ Restylane Vital Light ต่างกันยังไง ? สำหรับ Restylane Vital กับ Restylane Vital Light มีความแตกต่างดังนี้ Restylane Vital Light เหมาะสำหรับใคร ? Restylane Vital Light เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ โดยตัวเจล จะเข้าไปปรับสมดุลน้ำให้กับผิว และ กระตุ้นให้มีการจัดระเบียบของคอลลาเจนใหม่ นำมาซึ่ง ผิวเรียบเรียน อิ่มน้ำฉ่ำ โกลว์ รูขุมขนกระชับ และ ลดเรือนริ้วรอย นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตา โดยตัวเจลมีความบางเบา เหมาะกับการแก้ไขปัญหาบริเวณใต้ตาของสาวเอเชียได้อย่างเรียบเนียนและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ คุณหมออู๋ยังมีการนำมาใช้ในโปรแกรม Skinboosters Lip เพื่อรักษารอยแตกและเพิ่มความชุ่มชื้นกับ ริมฝีปาก อีกด้วย ก่อนฉีด Restylane Vital Light มีข้อห้ามอะไรบ้าง ? ข้อดีของการฉีด Restylane Vital Light มีอะไรบ้าง ? แก้ปัญหาร่องตื้นใต้ตา เลือก Restylane Vital Light ที่ Infiniz เทคนิคการแก้ไขปัญหาร่องตื้นๆใต้ตา ทาง infiniz clinic ใช้โปรแกรม 3D Skinboosters ลิขสิทธิ์เฉพาะของคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวส่วนตื้นของบริเวณใต้ตา โดยเฉพาะ โดยคุณหมอจะทำการตรวจประเมินสภาพปัญหาของผิวบริเวณใต้ตา และเลือกการใช้ Restylane Vital or Vital Light อย่างเหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องตื้นๆ บริเวณใต้ตาได้อย่างพอดี ด้วยเทคนิคการฉีดที่ใช้เข็มปลายทู่ขนาดที่เหมาะสม ทำให้ขั้นตอนการฉีดไม่ยุ่งยากซับซ้อน และ เข้าสู่จุดที่เป็นปัญหาบริเวณใต้ตาอย่างแท้จริง โดยไม่เกิดผลข้างเคียงต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณดังกล่าว ราคาโปรโมชั่นการฉีด Restylane Vital Light บริเวณใต้ตา เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล พร้อมวิธีดูว่าแพ้หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง
ความสวยงามเป็นเรื่องที่รอกันไม่ได้ ใครหลาย ๆ คน จึงยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันเลยเห็นว่าสถาบันความงาม หรือคลินิกต่าง ๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในหัตถการที่เป็นที่นิยมมากสุดที่เห็นผลอย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้นในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นฟิลเลอร์ ซึ่งทาง Infiniz ได้มีการนำเข้าฟิลเลอร์หลายชนิด โดยในวันนี้จะพาไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ Belotero Reviveกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมวิธีแยกระหว่างอาการแพ้กับผลข้างเคียง และใครที่เหมาะกับการฉีด รวมไปถึงควรฉีด Belotero ที่ไหนดี Belotero Revive คืออะไร ฉีดบริเวณไหน ต้องบอกในภาพรวมก่อนว่า Belotero Revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่ผ่าน อย.ยุโรป อเมริกา และไทย มีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ คือ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเนียน เข้ากับผิวหน้าได้ดี ถูกออกแบบมาสำหรับการฉีดเข้าไปสู่ชั้นผิวระดับตื้นเพื่อปรับสภาพผิว โดยมีความพิเศษเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid ถึง 20 mg/mL และ Glycerol เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 1,000 เท่า ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก โปรแกรม Belotero Revive ที่ทาง Infiniz Clinic มีความพิเศษแตกต่างโดยจะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดให้ได้รับความชุ่มชื้นต่อผิวชั้นตื้น และชั้นหนังแท้ ให้ผิวดูสวยฉ่ำโกลว์ ผิวอวบอิ่ม โดยเป็นงานฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นงานผิวโดยเฉพาะ Belotero Revive จึงได้รับสมญานามว่าตัวช่วยยืนหนึ่งเรื่อง “ผิวกระจก” Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ถ้าถามว่า Belotero ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล โดยปกติแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ตัวดังกล่าว จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผิวจะดูอิ่มฟู ดูกระชับ ผิวชุ่มชื้น ผิวใส และภายใน 2 สัปดาห์ ผิวจะเพิ่มความเต่งตึงยิ่งขึ้นไปอีก และฉีด 1 ครั้ง มีผลรักษายาวนานถึง 9 เดือน แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง เพื่อยืดเวลาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากที่สุด จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง สามารถแยกประเภทได้ดังนี้ ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ปกติหลังฉีด BELOTERO REVIVE อาการแพ้ฟิลเลอร์ Belortero Revive อาการข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีวิธีการป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหรือกดเบียดเส้นเลือด จนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เป็นอย่างดี โดยต้องมีความรู้ ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ ของเนื้อเยื่อ และ บริเวณที่ทำการฉีดเป็นอย่างดี ตลอดจน ตรวจสภาพผิวก่อนฉีดเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใครคือคนที่ควรฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลเทคนิคพิเศษต้องที่ Infiniz การฉีด Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic โดยเบื้องต้นในทุกเคส แพทย์จะทำการประเมินผิว ก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีด ร่วมปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น ซึ่งเทคนิคการฉีด Belotero Revive โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติในชั้นผิว และมีการกระตุ้นให้ผิวตอบสนองต่อ Belotero Revive ได้ดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของลูกค้าทุกคนออกมาอย่างพึงพอใจสูงสุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดก็ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการ โดยผู้รับบริการที่เข้ามาฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถมั่นใจได้เลยว่า ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงมีความปลอดภัย 100%
ฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ ปลอดภัย 100%
สิ่งสำคัญอันดับแรกในการรับบริการฉีด ฟิลเลอร์ในคลินิกและสถานพยาบาล คือ การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ โดยผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าที่ Infiniz clinic ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและเป็นของแท้เท่านั้น โดยทางเรายึดมั่นในงานบริการด้วยการมอบความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการในทุกขั้นตอนการทำหัตถการจึงเกิดเคสบอกกล่าวชักชวนมาใช้บริการกับคุณหมออู๋ และทีมแพทย์ Infiniz clinic อย่างต่อเนื่อง ด้วยความมั่นใจในคุณภาพบริการและผลการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากผู้รับบริการทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้รับบริการสามารถขอตรวจเช็กผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนรับบริการได้ทันที โดยเจ้าหน้าที่ยินดีให้ข้อมูลและวิธีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจของผู้รับบริการทุกท่าน ฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic เลือกใช้มีอะไรบ้าง ฟิลเลอร์ที่ทางคลินิก Infiniz ใช้ในตอนนี้มีทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ยี่ห้อ Juvederm ฟิลเลอร์ Juvederm (จูวีเดิม) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (THFDA) สหรัฐอเมริกา (USFDA) และ EDQM ผลิตโดยบริษัท Allergan บริษัทเดียวกับ Botox Allergan และถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand มีด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่น ยี่ห้อ Restylane ฟิลเลอร์ Restylane ผลิตในประเทศสวีเดน ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตของฟิลเลอร์ Restylane ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane มีอยู่ 2 เทคโนโลยีที่โดดเด่นในผลิตขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ ซึ่งทำให้คุณสมบัติของฟิลเลอร์สามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด อย่าง NASHA techology และ OBT technology มีด้วยกันทั้งหมด 6 รุ่น ยี่ห้อ Belotero มีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น 3 วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ ที่ใช้ได้กับทุกยี่ห้อ ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบเลข LOT โดยต้องตรงกันทั้งหมด คือ เลข Lot. ที่กล่อง เลข Lot. ที่หลอด เลข Lot. ที่สติกเกอร์ และเลข Lot. ที่ซองบรรจุฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ปลอมอันตรายแค่ไหน หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายในช่วงแรกๆ อาจยังไม่มีการแสดงอาการใดๆ ออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์ปลอมอาจเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน หรือ เกิดรูปทรงผิดปกติ ไหลย้อย ฟิลเลอร์บวมจนเกิดการอักเสบ ผิวหนังแดงร้อน เป็นช่วงๆ หรือเป็นตลอด โดยอาการคงอยู่ไม่หายไป หากปล่อยให้ฟิลเลอร์ปลอมอยู่ในผิวหนังต่อไปอาจจะเกิดอันตรายเพิ่มขึ้นดังนี้ ฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic มั่นใจของแท้เท่านั้น ปลอดภัย 100% การฉีดฟิลเลอร์ที่ อินฟินิซ คลินิก ผู้รับบริการมั่นใจได้ถึงมาตรฐานงานบริการที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับแรก ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น ปลอดภัย 100% สามารถตรวจสอบเลข Lot ที่กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ก่อนแกะออก และเลข Lot สติ๊กเกอร์ที่หลอด (Syringe) หรือซองบรรจุฟิลเลอร์ โดยทั้งหมดต้องตรงกัน หรือบางยี่ห้อ เช่น Restylane สามารถ scan QR code เพื่อตรวจสอบโดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกได้ตลอดการรับบริการ สิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือเรื่องของความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการโดยก่อนทำการรักษาด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทุกบริเวณ แพทย์จะ โชว์กล่องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ แสดงยี่ห้อ วันหมดอายุ เลข Lot และฉีกซองบรรจุผลิตภัณฑ์ต่อหน้าผู้รับบริการก่อนทำการรักษา เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ถึงความถูกต้องของยี่ห้อผลิตภัณฑ์และเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง 100% ดังนั้นหากสนใจฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถเข้ามารับคำปรึกษา จากแพทย์เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ และ มีการเลือกใช้ชนิดหรือยี่ห้อ ที่เหมาะสมกับปัญหาของผู้รับบริการ เฉพาะบุคคลนั้นๆ อย่างแท้จริง
Sculptra สารกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวเสียให้กลายเป็นผิวสวย
Sculptra คือสารกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ปรับโครงสร้างผิวหน้าจากภายใน และเพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิวหน้า เห็นผลลัพธ์หลังฉีดใน 3-4 สัปดาห์
มือใหม่ต้องรู้ ฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย ต้องดูที่อะไรบ้าง
มือใหม่ต้องรู้! อยากฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย ต้องดูที่อะไรบ้าง ขึ้นชื่อว่าความสวยความงาม เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากสัมผัสอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการส่วนไหน ถ้าทำแล้วเสริมสร้างความมั่นใจก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และสำหรับมือใหม่ที่สนใจและอยากจะลองฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อควรรู้ที่จำเป็นหากจะทำให้ปลอดภัย อาการข้างเคียงของการฉีด พร้อมวิธีดูแลตัวเอง ที่อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเสริมความงาม ข้อควรรู้ และพิจารณาก่อนฉีดฟิลเลอร์คางอย่างไรให้ปลอดภัย ข้อควรรู้และพิจารณาก่อนฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย สามารถทำตามได้ดังนี้ เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางโดยคุณหมออู๋ เป็นการเติมฟิลเลอร์แบบกึ่งศัลยกรรม อาศัยเข็มพิเศษนำฟิลเลอร์ผ่านช่องว่างสู่ชั้นผิวที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องเปิดแผล อาการบอบช้ำน้อยมาก ไม่กระทบกระเทือนต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณคาง รวมทั้งคุณหมออู๋จะทำการประเมินสภาพปัญหาและลักษณะของผิวหนังเพื่อเลือกชนิดของ Filler ที่มีความยืดหยุ่น หรือความแข็งพอดีกับโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อของผู้รับบริการแต่ละคน ด้วยเทคนิคนี้ผลที่ได้จึงเทียบเคียงการศัลยกรรมเสริมคางด้วยวัสดุ (Implant) แต่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลผ่าตัด จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากต่อผู้รับบริการที่คลินิก อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์คางมีอะไรบ้าง อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปที่พบได้บ่อย ๆ แบ่งได้ดังนี้ อาการข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์คางแบบไหนที่เรียกว่าอันตราย โดยปกติแล้วอาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ จะมีเพียงแค่รอยช้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากมีอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ต้องรีบกลับไปพบแพทย์โดยด่วน วิธีดูแลตัวเองหลังจากมีอาการข้างเคียง วิธีดูแลตัวเองหลังจากมีอาการข้างเคียง สามารถทำได้ดังนี้ แนะนำฉีดฟิลเลอร์คาง ที่ Infiniz Clinic การฉีดฟิลเลอร์คางที่ อินฟินิซ คลินิก โดยเบื้องต้น แพทย์จะทำการประเมินรูปหน้าทั้งหมดและ บริเวณคางก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีดและการขึ้นทรงที่เหมาะสม ร่วมกับการเลือดชนิดหรือยี่ห้อและปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคแบบศัลยกรรม คือการใช้เข็มพิเศษวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ลึกหรือตื้น อย่างเหมาะสมและปั้นทรงให้สวยงามในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อรับกับรูปทรงของกระดูกและเนื้อเยื่อคาง เดิมของผู้รับบริการนั่นเอง ราคาโปรโมชั่นคาง เริ่มต้นที่ 15,900/CC แบรนด์ Juvederm
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss ผิวกระจกต้องมา
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss เพื่อหน้าฉ่ำวาว งานผิวกระจกต้องมา Belotero Revive Filler ชื่อนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับวงการงานผิวมากเท่าไหร่ แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับขนานนามว่าเมื่อฉีดไปแล้ว จะทำให้ผิวใสเหมือนกระจก ซึ่งทาง Infiniz จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Belotero Revive Filler ให้ได้อ่านกันว่าฟิลเลอร์ตัวนี้คืออะไร และที่เค้าบอกต่อกันว่าผิวใสดุจกระจก Glass Skin นั้นจริงหรือเปล่า คำตอบที่ทุกคนสงสัยจะถูกคลายได้ด้วยบทความวันนี้ครับ Belotero Revive Filler คืออะไร BELOTERO REVIVE The World 1stSkin Quality HA filler ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิว ตัวแรกของโลก เป็นฟิลเลอร์ งานผิวตัวแรกที่มอบประสิทธิภาพอันส่งพลังของสารประกอบหลัก 2 ตัว คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic acid ขนิดพิเศษที่มีความอ่อนนิ่มและกลืนตัวสูงตามแบบฉบับของฟิลเลอร์สวิส อีกทั้งด้วยนวัตกรรมการผลิตซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้ดี ในขนาดโมเลกุลที่บางเบาที่สุด แต่ในขนาดความเข้มข้น 20 mg/mL และ Glycerol ขนาด 17.5 mg/mL ถือว่าเป็นความเข้มข้นสูงสุดในตลาด Filler งานผิวในปัจจุบัน มอบผลลัพธ์ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติทันทีที่ฉีด มีความปลอดภัยสูง ผ่านองค์การอาหารและยาของ 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง USA, EU และ ไทย Belotero Revive Filler ช่วยอะไรบ้าง ทำให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม Belotero Revive Filler ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และสามารถทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม เราจะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ คุณสมบัติเด่นของ Belotero Revive ทั้ง 3 ประการได้แก่ ทั้งสองส่วนประกอบหลักอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้น คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะต่างๆ หรือผิวที่เกิดจากภาวะคอลลาเจนลดลงจากอายุที่มากขึ้น โดยเหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่นหรือขาดความกระชับ รวมถึงมีปัญหาริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้าด้วยคุณสมบัติเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต็มขั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ 4 มิติ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว โดยจากประสบการณ์หลังฉีด จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผิวจะมีความแวววาว ดูละเอียด เรียบเนียนมากขึ้น ชัดเจนหลังจากที่ตัว Hyaluronic acid และ Glycerol กลืนตัวกับชั้นผิวได้ 100% และ เข้าทำการเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้อย่างดีที่สุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ผลการรักษาคงอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ตรงที่จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero Revive มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Merz Aesthetics Belotero Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสม เมื่อนำ Belotero Revive มาใช้ก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (Kertatinized layer of skin) จึงมีความสมบูรณ์ในเรื่องการเพิ่ม Hydration ตั้งแต่ผิวชั้นใน จนถึงผิวชั้นนอกสุด โดยสามารถล็อกความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังแท้ และผิวที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากการอิ่มน้ำ จะทำให้มีความเรียบเนียน ฉ่ำวาว หรือที่หลายคนเรียกว่า “Glass Skin” หรือผิวกระจก นั่นเอง Belotero Revive Filler ต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร Belotero จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและจุดที่เหมาะสมแก่การฉีดที่ไม่เหมือนกัน สำหรับรุ่น Belotero Revive กับรุ่นอื่น ๆ จะมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตา และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่นอกจากฟิลเลอร์คาง แล้ว ยังมีขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่ และต้องฉีดบ่อยแค่ไหน จากผลการศึกษาของ BELOVE study1 พบว่า BELOTERO REVIVE แสดงผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน และมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ดังนี้ Belotero Revive มีความสามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานได้ยาวนานมากถึง 9 เดือนในการรักษาเพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น ด้วยความเข้มข้นของตัวยาที่มี HA concentration สูงร่วมกับ Glycerol อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตามผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองและสภาพปัญหาผิวพรรณของผู้รับบริการ แต่ละท่าน โดยสามารถทำซ้ำได้ที่ 4 เดือน หลังการฉีดครั้งแรกในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ในรายปกติ อาจจะทำซ้ำที่ 9-12 เพื่อคงผลการรักษาไว้ต่อเนื่อง แนะนำ Belotero Revive Filler ที่ Infiniz Clinic ที่ Infiniz clinic ก่อนทำการฉีดมีการประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณ รวมถึงความหนาของชั้นผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ 3D Skinboosters by Belotero Revive เพื่อกำหนดชั้นผิวที่ต้องการฉีดเข้าซ่อมแซมได้อย่างตรงจุด ด้วยเทคนิค Mid-Dermis Injection ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฉีด Belotero Revive เพื่อที่ตัว HA จะเข้าสู่ชั้น Deep Dermis ได้ดี ส่วนตัว Glycerol จะลอยมาอยู่ในชั้นของ Keratin เปรียบเสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนี้ ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง จึงจะกำหนดความลึกของเข็มได้อย่างแม่นยำในแต่ละจุด เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนกว่า ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic Reference
ทำความรู้จัก Rejuran ฉีดผิวคืออะไร ดีไหม และสามารถช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
Rejuran นวัตกรรมสารสกัดจาก DNA ของสเปิร์มปลาแซลมอนตัวดัง ด้วยเอกสิทธิ์ความเข้มข้นของโมเลกุล Polynucleotide เข้าไปจัดการซ่อมแซม เซลล์ผิวระดับ DNA แก้ไขให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ขึ้น เรียบเนียน สว่างสดใส ฉ่ำวาว อีกหนึ่งโปรแกรม Anti-Aging ของการรักษาผิวพรรณและยังรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากการเสียสมดุลของโครงสร้างผิวหนังอีกด้วย Rejuran คืออะไร สารสกัดเข้มข้น Polynucleotide ซึ่งสกัดจาก DNA ของ sperm ปลาแซลมอนชนิดที่แข็งแรงที่สุด โดย Polynucleotide นี้ถูกสกัดมาด้วยกรรมวิธีปลอดเชื้อ ในรูปเจลใส ด้วยเทคโนโลยี Skin Rejuvenation Booster หลังจากฉีดเข้าสู่เซลล์ผิว จะมีการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมามีพลังงานที่ดีขึ้น การทำงานระดับเซลล์จึงเป็นปกติ รวมทั้งมีการเหนี่ยวนำให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น เช่นการสังเคราะห์คอลลาเจน ความยืดหยุ่น รวมทั้งการปรับสมดุล ภายในและระหว่างเซลล์ ทั้งชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า โมเลกุล Polynucleotide นี้ เป็นโมเลกุลที่ผ่านการทดสอบว่าเข้ากันกับเซลล์ผิวมนุษย์ ไม่เกิดปฏิกิริยาผิดปกติจากร่างกาย โดยสามารถสลายได้เองตามขบวนการตามธรรมชาติ ไม่เกิดสารตกค้างภายในร่างกาย ผ่านการวิจัยทางคลินิกแล้วว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกาย Rejuran ฉีดผิวแล้วช่วยเรื่องอะไรบ้าง หลังจากการใช้เข็มส่งผ่านตัวยา Rejuran ฉีดผิว นั้น เซลล์ผิวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ ดังนี้ Rejuran เหมาะกับใครบ้าง Rejuran เหมาะกับทุกวัย เนื่องจากคุณสมบัติช่วยในเรื่องการปรับแก้ไขเซลล์ผิวที่เสื่อม หรือ ผิวที่ขาดความสมดุลได้ดี ดังนั้น จึงเหมาะในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณที่หลากหลาย Rejuran ดีไหม? ต้องฉีดบ่อยเท่าไหร่จึงจะเห็นผล การฉีด Rejuran บ่อยเท่าไหร่จึงจะเห็นผล คุณจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยค่อยๆเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด และ จะค่อยๆดีขึ้น จนครบ 1 เดือน สิ่งที่จะสังเกตได้ก่อนคือ ผิวดูใส สว่าง เรียบเนียน มากขึ้น แนะนำทำการฉีดต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ครั้ง ห่างกัน ทุก 1 เดือน เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และหลังจากนั้น สามารถฉีดกระตุ้น เพื่อชะลอวัย ได้ทุก 4-6 เดือน แนะนำฉีด Rejuran ที่ Infiniz Clinic การฉีด Rejuran ที่ Infiniz Clinic ควบคุมการรักษาโดย หมออู๋ และทีมแพทย์ อาศัยการฉีดแบบ Skin Weaving Technique คือการ Incoporate ตัวโมเลกุล Polynucleotide เข้าสู่ชั้นผิวทั้งหมดทุกชั้นผ่านเข็มขนาดเล็กมาก เพื่อเข้าไปซ่อมเซลล์ผิวได้ท้ั้งหมด โดยข้อดีของเทคนิคนี้คือ ไม่บวมแดง ผิวหนังไม่อักเสบหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ฉีดพร้อมฟิลเลอร์ได้ และจะได้ผลอย่างชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากการแก้ไขปัญหาทั้งผิวชั้นบน (Epidermis) และ ผิวชั้นล่าง (Dermis) ซึ่งตอนนี้ทาง Infiniz Clinic มีราคาโปรโมชั่นการฉีด Rejuran 19,000 บาท / 2 CC เท่านั้น
Ulthera ไม่เจ็บ ด้วยเทคนิคใหม่จาก Infiniz ทำให้เจ็บลดลง 80%
นวัตกรรมการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ศัลยกรรมที่ครองใจผู้รับบริการสูงสุด โดยอาศัยใช้เทคโนโลยี คลื่นเสียงพลังงานความเข้มข้นสูงสุด ส่งผ่านไปถึงชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นลึกระดับเดียวกับที่หมอศัลยกรรมทำการผ่าตัดดึงหน้า อีกทั้งยังกระตุ้นสร้างคอลลาเจนโดยรวมทั้งหมด เพื่อคืนความกระชับและความอ่อนเยาว์ให้กลับมาดูเด็กขึ้น ด้วยจากประสบการณ์การทำ Ulthera มามากกว่า 12 ปี ทำให้คุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ จึงสามารถคิดค้นและออกแบบการทำ Ulthera SPT รุ่นใหม่และลดความเจ็บลงได้สูงสุด 50- 80% ทำให้ขณะทำแทบไม่รู้สึกเจ็บใดๆ แถมยัง Enjoy กับเทคโนโลยีผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมในทุกๆครั้ง การทำงานของเครื่อง Ulthera SPT กับ เครื่อง Ulthera แบบเก่า ต่างกันอย่างไร การทำงานของเครื่อง Ulthera SPT กับ เครื่อง Ulthera แบบเก่า ต่างกันตรงที่โปรแกรม Ulhera SPT Version ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาต่อผู้รับบริการโดยการใช้ Protocol See Plan Treat เข้ามาเพื่อช่วยในการประมวลผลและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล มีความแม่นยำมากขึ้น รวมทั้งคุณหมออู๋ยังนำ Protocol นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการจัดการปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวที่ได้ดีมากขึ้น เนื่องด้วยประสบการณ์ในการทำ Ulthera มามากกว่า 12 ปี ทำให้คุณหมอมีความแม่นยำในการอ่านวิเคราะห์โครงสร้างผิวของผู้รับบริการอย่างละเอียดจากหน้าจอ Visualization ทำให้สามารถมองเห็นถึงปัญหาผิวภายในได้อย่างละเอียด และมองเห็นความอ่อนแอของตำแหน่ง SMAS และ Collagen ที่ต้องการการฟื้นฟูด้วยพลังงานของคลื่นเสียงในระดับที่เหมาะสม และเพียงพอที่จะกระตุ้นให้มีการสร้างใหม่โดยไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว ทำ Ulthera รู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่เจ็บจริงไหม? ทำ Ulthera รู้สึกไม่เจ็บจริงหรือไม่ ต้องบอกว่า พลังงาน MicroFocued Ultrasound ของ Ulthera มีความหนาแน่นค่อนข้างสูง การออกแบบการปล่อยพลังงานจึงมีความสำคัญเพื่อลดอาการเจ็บต่อผู้รับบริการ โดยต้องมีระดับที่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่ทำร้ายผิว ซึ่งเทคนิคการใช้พลังงานในรูปแบบนี้ ถูกคิดค้นขึ้นโดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ เรียกว่า “Energy Optimization” การทำ Ulthera SPT ผสานกับรูปแบบของการปล่อยพลังงานที่มีความแม่นยำดังกล่าว มีความเจ็บลดลง 50-80% โดยเฉลี่ย จากการเก็บข้อมูล Pain Score ของผู้รับบริการทั้งหมดประมาณ 2 ปี และผลการรักษาที่ชัดเจนตั้งแต่หลังทำ โดยแทบจะไม่มีอาการบวมระบมหลังทำแต่อย่างไร ค่าเฉลี่ยผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่เริ่มทำ และการดูแลตัวเองรวมถึงรูปแบบ Lifestyle การดูแลผิวพรรณของผู้รับบริการแต่ละบุคคล ทำ Ulthera ต้องใช้เวลาพักฟื้นไหม ทำ Ulthera ต้องใช้เวลาพักฟื้น นั่นอาจจะเป็นรูปแบบเก่า แต่ถ้าลองทำการรักษาด้วย Ulthera SPT ใบหน้าจะมีการยกกระชับทันที 20-30% หลังทำ โดยผู้รับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีรอยแผลรวมทั้งอาการบวมระบมผิวก็ลดลงเมื่อใช้ เครื่อง Ulthera SPT รุ่นใหม่ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้รับบริการที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ศัลยกรรม เนื่องจากไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเรื่องการติดเชื้อ และไม่มีรอยแผลนั่นเอง Ulthera แบบใหม่ เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน Ulthera แบบใหม่ เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน ในส่วนนี้เราจะมาให้คำตอบกัน Ulthera SPT สามารถทำอะไรได้บ้าง Ulthera SPT สามารถทำการรักษาด้วย Ulthera SPT เนื่องจากในเครื่องรุ่นใหม่ จะมี Transducor tip ชนิดพิเศษที่ความลึกระดับ 1.5 mm โดยพลังงาน Ultrasound จะถูกปล่อยออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ชั้นคอลลาเจน ในระดับตื้น นั่นเอง แต่การรักษาใน Level นี้ คงต้องอาศัยเทคนิคที่ถูกวิธีและระดับพลังงานที่เหมาะสม เนื่องจากมีโอกาสการเกิดผลข้างเคียง ค่อนข้างมาก โดยหากทำด้วยเทคนิคที่ถูกวิธี จะทำให้ ผลการรักษาชัดเจน หลังทำเริ่มเห็นผิวที่เรียบเนียนได้ใน 1-2 สัปดาห์ อีกทั้งยังสามารถรักษาความหย่อนคล้อยของ หนังตา คิ้ว คอ หน้าอก ได้ดี โดยการรักษาบริเวณเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการอ่านผล scan หน้าจอ Visualization แบบ Real Time ที่แม่นยำ เนื่องจากเป็นที่ขนาดเล็ก และ ใกล้เคียงกับ เส้นเลือดขนาดใหญ๋ และ เส้นประสาทที่สำคัญ ในผู้รับบริการที่มีปัญหาผิวแพ้อักเสบ เกิดผื่นแพ้ หรือ ภาวะหลังโดนแดดทำให้ผิวสูญเสียน้ำไปค่อนข้างมาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับบริการ Ulthera ไปก่อน โดยจำเป็นต้องรักษาอาการผื่นแพ้อักเสบให้หายดีก่อน ส่วนในรายที่ผิวมีภาวะผิวไม่อิ่มน้ำ การเติมน้ำเข้าสู่ผิวให้เข้าสู่ภาวะสมดุล เช่น การใช้โมเลกุล Skinboosters (Crosslinked Hyaluronic acid for Skin Hydration ) ควบคู่กับการทำ Ultherapy จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำทำ Ulthera ที่ Infiniz Clinic Infiniz Ulthera โปรแกรมการยกกระชับปรับรูปหน้า ด้วย Ulthera SPT รุ่นใหม่ล่าสุด โดยทีมแพทย์ Infiniz Clinic ควบคุมโดย คุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ (Medical direcror of Infiniz clinic) การทำ Ulthera ด้วยเทคนิค Energy Optimization ควบคุมการออกแบบการรักษาและการปล่อยพลังงาน Microfocused Ultrasoud with Visualization แบบที่เหมาะสมกับ SMAS และ Collagen ทุกระดับชั้นผิว จึงทำให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังทำ ความเจ็บที่ลดลง 50-80% จากความเห็นของผู้รับบริการ ตลอด 2 ปี โดยการรักษาด้วยเทคนิคดังกล่าวอยู่ได้ยาวนาน 1-2 ปี การันตีด้วย รางวัล The Best Ultherapy Practice by a Doctor 2019 Awarded by Merz Aesthetics Thailand โดยคุณหมออู๋ได้รับรางวัลอัตราการใช้ งาน Ultherapy Transducer Tips สูงสุดในกลุ่ม Single คลินิกด้วยจำนวนผู้เข้ารับบริการจำนวนมาก ทำให้เป็นคลินิกที่มีการใช้ Ultherapy Transducers ทุกระดับชั้นผิวและทุกแบบแก่ผู้รับบริการเพื่อความพร้อมการดูแลยกกระชับผิวพรรณแบบ ครบวงจร