คุณหมออู๋แนะนำการดูแลผิวแห้งในช่วงอากาศหนาว
“Winter Itch” หรือ “Winter Xerosis” ภาวะผิวแห้งขาดน้ำในฤดูหนาว เกิดจาก ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่ลดลงเช่นเดียวกับการเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนังชั้นนอกที่ลดน้อยลงตามสภาพอากาศภายนอกนั่นเอง โดยอาการดังกล่าวจะเกิดได้ง่ายใน คนที่มีปัญหาผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว ผู้ป่วยภูมิแพ้ผิวหนังที่มักจะมีเซลล์ผิวที่เก็บกักน้ำได้น้อยอยู่แล้วอาการจึงกำเริบในช่วงฤดูหนาว หรือคนทั่วไปที่การดูแลผิวไม่ถูกต้องตามสภาพอากาศที่แห้ง และหนาวเย็นลงย่อมได้รับผลกระทบจากภาวะผิวแห้งขาดน้ำเช่นกัน เช่น การใช้สบู่ที่ขจัดน้ำมันส่วนเกินที่ผิวมากเกินไป การเปิด Heater หรือแม้แต่การมีกิจวัตรประจำวันกลางแสงแดดเป็นระยะเวลานานโดยไม่ทาครีมกันแดดที่เหมาะสม โดยอาการที่พบส่วนมาก มักมีอาการคันตามผิวหนัง ระคายเคืองง่าย ผิวหนังอักเสบเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง ภาวะผิวแห้งในหน้าหนาว เป็นภัยร้ายต่อผิวในหลากหลายมิติ โดยสามารถเป็นต้นเหตุของการเกิดผื่นแพ้ (Eczema) เรื้อรังและรักษายากในระยะยาว จนเกิดเป็นภาวะแผลเป็นแข็งนูนตามมา หรือ มีการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ไวรัสหูดบางชนิดได้ ในผิวที่เป็นผื่นแพ้เนื่องจากภูมิคุ้มกันผิวค่อนข้างอ่อนแอนั่นเอง ดังนั้น ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณที่สูญเสียการเก็บน้ำในช่วงหน้าหนาวเพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว วิธีการดูแลผิวแบบง่ายๆในช่วงอากาศหนาวมีดังนี้ -การใช้ moisturizing skin care ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและเก็บกักน้ำไว้ใต้ผิว รวมทั้งเคลือบผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง 3 อย่าง ได้แก่ Humectants ช่วยดึงดูดโมเลกุลของน้ำเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ประกอบไปด้วย ceramides (pronounced ser-A-mids), glycerin, sorbitol, hyaluronic acid, and lecithin Sealing substances ช่วยซีลปิดเพื่อกันการระเหยของน้ำออกจากเซลล์ผิว ได้แก่ petrolatum (petroleum jelly), silicone, lanolin, and mineral oil Emollients เช่น linoleic, linolenic, and lauric acids มีบทบาทช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวให้มีประสิทธิภาพในการเก็บน้ำและน้ำมันที่สำคัญในระดับเซลล์ไว้ให้มีประสิทธิภาพในการสร้างความชุ่มชื้นต่อผิวได้อย่างดีเยี่ยม คงทนต่อสภาพอากาศหนาวได้ดี -อาจเพิ่มเครื่องปล่อยความชุ่มชื้นในอากาศ (Humidifier) เพื่อทำให้บรรยากาศ และ ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น -ใช้สบู่ที่มี Moisterizer บำรุงผิวเสมอได้แก่ Dove, Olay, and Basis หรือCleansers ที่ไม่มีสบู่ เช่น Cetaphil, Oilatum-AD, and Aquanil. แทนสบู่ปกติ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหลังอาบน้ำ แล ระยะเวลาในการอาบน้ำควรจำกัดลดลงแค่ 5-10 นาที ต่อครั้ง และไม่บ่อยเกินไป จนทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น -ควรลดการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะ น้ำอุ่นจะละลาย Natural oil ที่ติดอยู่ที่ผิวออกไป ทำให้ผิวยิ่งแห้งลง -ควรหลีกเลี่ยง สบูที่มีน้ำหอม ระงับกลิ่น หรือ สบู่ที่ผสมแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะละลาย Natural oil ที่ผิวเราออกไปเช่นกัน -แนะนำทา Moisturizer บำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำหรือล้างมือ เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กลับคืนสู่ผิว -ควรใช้ผงซักฟอกที่ปราศจากน้ำหอม และ งดใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม -หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อขนสัตว์ ใยสังเคราะห์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว -แนะนำทาครีมกันแดดที่มีสามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB เนื่องจากในช่วงหน้าหนาว แสงแดด สามารถทำร้ายผิวได้มากขึ้นจากผิวที่แห้งลง และ UV index ที่เพิ่มมากขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มี Moisturizer ผสมด้วยจะดีขึ้นในผู้มีภาวะผิวแห้ง -ก่อนโกนขน หรือหนวด แนะนำทา Shaving cream หรือ Oil บนผิวสักระยะหนึ่งก่อนเริ่มโกนเพื่อช่วยลดการระคายเคืองจากใบมีดโกนได้ -การทา Pretolatum เพื่อเคลือบปิดผิว แนะนำทาทีละน้อย เพื่อช่วยลดความเหนอะไม่สบายผิว อาจจะแนะนำเป็นทาทีละน้อย แต่ ทาบ่อยขึ้น -หากมีอาการคันจากผิวแห้ง ไม่ควรเกา แนะนำทา Moisturizer ที่ช่วยลดอาการคันได้ดี โดยอาจจะมีสาร Menthol ให้ความเย็นทดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง การเพิ่ม Skin Hydration ให้กับผิวด้วยโปรแกรม 3D Skinboosters ที่ Infiniz clinic โดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ มีโปรแกรมรักษาผิวขาดน้ำและสร้างความกระจ่างใส โดยได้รับความนิยมในช่วงหน้าหนาว ด้วยหลักการฉีดตัว Hyaluronic acid skinboosters เข้าไปสู่ชั้นหนังแท้ เพื่อเป็นตัวช่วยให้เก็บกักน้ำสู่เซลล์ผิวชั้นลึก ผลที่ได้จึงเพิ่มน้ำให้กับเซลล์ผิว การทำงานของเซลล์ผิวกลับสู่ภาวะสมดุลย์มากขึ้น จึงทำให้ผิวเนียนนุ่ม เปล่งประกาย สดใส เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง ตลอดจน แลดูสุขภาพดีอีกด้วย ด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวของโปรแกรม 3D Skinboostersด้วยการทำskin highlight & shading จะทำให้ผิวดูแวววาว มี Focused zone รับแสงจาก Light reflection และ มี Shading zone เกิดความละมุนใบหน้าเข้ารูปมากขึ้น นั่นเอง
ตามหมออู๋ มา Update ความรุ้กับงานประชุม GAIN Global @Dubai 2023
คุณหมออู๋ ณัฐพล บินร่วมงานประชุม update ความรู้ทางกายวิภาคศาสตร์ และศึกษารูปแบบการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ใช้ในการฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (collagen biostimulator) Global GAIN ณ เมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรส ในฐานะแพทย์วิทยากรผู้สอนสารลดเรือนริ้วรอยและสารเติมเต็ม HA FILLER จากประเทศไทยร่วมกับแพทย์อื่นๆทั่วโลก ในการประชุมครั้งนี้ ได้ มีการ update ความรู้ที่น่าสนใจ ในส่วนของ Anatomy จาก World speaker Prof. Sebastian Cotofana (Anatomist) ในองค์ประกอบของการจัดเรียงตัวของชั้นไขมันในแต่ละส่วนของผิวหน้า มีความแตกต่างกันอย่างมาก เช่นบริเวณคางจะมีองค์ประกอบของชั้นไขมันที่เหนียวและแข็งแรงมากกว่า บริเวณใต้คางที่มีความอ่อนนุ่มและมีคอลลาเจนที่น้อยกว่า ดังนั้นการเลือกใช้ HA filler หรือ Collagen biostimulator จึงต้องเลือกทั้งชนิดและขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น อีกส่วนที่สำคัญคือ โครงสร้าง Anatomy บริเวณริมฝีปากคือภายในเนื้อริมฝีปากจะมี โครงสร้างที่มีชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันกั้นแต่ละส่วนอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่แพทย์ต้องทำความเข้าใจ เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบการเติมฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับแก้ไขปัญหา หรือ สร้างทรงริมฝีปากใหม่ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังได้มีการ Update ความรู้ในเรื่องของการใช้เทคนิคผสมผสาน การฉีดสารลดเรือนริ้วรอย สารเติมเต็ม และ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen biostimulator) โดยการกำหนดจุดฉีดที่เหมาะสมและแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย ในทุกชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เนื่องด้วย การใช้ Injectable products มีหลากหลาย การเลือกใช้ตัวยาที่มีความเฉพาะเจาะจงในการแก้ไขปัญหา ย่อมได้ผลชัดเจน และ ปราศจากผลข้างเคียงจากภาวะ Overfill Syndrome อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการดูงานในส่วน exhibition จาก Global medical affair โดยได้มีการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การคิดค้น ส่วนผสมของทุกผลิตภัณฑ์ เช่น Restylane filler, ABO Botulinum Toxin, PLLA of Sculptra ตลอดจน ข้อมุลทางงานวิจัยที่ทันสมัยที่นำเสนอผลการรักษา และ ผลข้างเคียงต่างๆ ไว้อย่างละเอียดครบถ้วน เพื่อนำมาปรับใช้ให้ผู้รับบริการได้ผลการรักษาที่ชัดเจน โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “Concept of personalization” การได้เห็นรูปแบบการปรับรูปหน้าใหม่ๆ กับเคสที่หลากหลายเชื้อชาติ เช่น East Asians, South East Asians, Europeans, Arabians, Americans and latinos ทำให้มีความเข้าใจ concept of beauty ที่มีความชอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในส่วนของงานฉีดฟิลเลอร์และสารลดเรือนริ้วรอย จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างดี เพื่อนำมาใช้พัฒนางานปรับรูปหน้าเฉพาะบุคคลให้ได้ผลที่สวยงามตามคุณลักษณะของสัดส่วนใบหน้าของผู้รับบริการแต่ละรายนั่นเอง
Anatomy บริเวณใต้ตา (Tear Trough Anatomy)
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไรให้ปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตานั้นถือว่าเป็นบริเวณที่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากว่า มีโครงสร้าง ผิวหนังไขมัน กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่วางตัวซ้อนทับกัน และ พาดเกี่ยวกัน ด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่สำคัญปริมาณมากรวมทั้งพื้นที่บริเวณใต้ตาและแก้ม จะมีการเคลื่อนไหวอย่างมากนำมาซึ่งพยาธิสภาพที่ผิดปกติเมื่อ อายุที่มากขึ้น ทั้งความหย่อน และโครงสร้างที่บางหรือพร่องลงไป นอกจากนี้ บริเวณใต้ตา และแก้ม ยังมีเส้นเลือดเส้นประสาทสำคัญปริมาณมาก และมีความสำคัญที่เชื่อมต่อเข้าสู่ดวงตาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งของเส้นเลือดเหล่านี้อย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปในบริเวณดังกล่าว หรือ ป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์นั่นเอง พื้นทีบริเวณใต้ตา ประกอบด้วย Jigsaw ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกัน และ วางทับกันอยู่เป็นปริมาณมาก และ มีขนาดหรือการเรียงตัวที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลการเข้าใจถึงพยาธิสภาพปัญหาที่ถูกต้องสำหรับปัญหาใต้ตาจึงต้องได้รับการฝึกฝน และ ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์อย่างมากโดยการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เล็กๆนี้ ยังต้องอาศัยความแม่นยำในการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณนั้นๆอีกเช่นกันดังนั้นสิ่งสำคัญที่แพทย์ทุกคนควรต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างสูง นั่นคือโครงสร้างกายวิภาคศาสตร์บริเวณใต้ตา อย่างละเอียด เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้อย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามไร้ผลข้างเคียง ปัญหาที่พบบ่อยคือ ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน หลังฉีด ซึ่งอาจพบได้หลังจากฉีดไปแล้ว 3-6 เดือน หรือในบางราย อาจยาวนานถึง 1 ปี จึงค่อยเกิดปัญหานี้ขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแทรกตัวอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อนั่นเอง โดยมักเกิดขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตามีการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก จึงง่ายต่อการเกิดภาวะดังกล่าว ซึ่งวิธีแก้คือ การฉีดสลายฟิลเลอร์ส่วนเกินนั้นออกและ ทำการแก้ไขใหม่ตามความเหมาะสม อีกปัญหาหนึ่งคือการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาในชั้นตื้นเกินไปและปริมาณมากเกินไป จึงเกิดเป็นก้อนสีเทาๆ จากแสงที่ตะกกระทบลงบนผิว ทำให้เกิดความไม่เรียบเนียนและไม่สวยงาม ขั้นตอนนี้ เกิดขึ้นจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพปัญหา จึงเกิดภาวะไม่กลืนตัวเข้ากับผิวบริเวณดังกล่าว โดยแพทย์ผู้ฉีดต้องมีความระมัดระวังอย่างสูงนั่นเอง โดยการแก้ไข ก็จำเป็นต้องฉีดยาสลายฟิลเลอร์ส่วนนั้นออก และ ประเมินสภาพปัญหาใหม่ การเลือกชนิดของ HA Fillerก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญที่จะนำมาซึ่งผลการรักษาที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนกับโครงสร้างหรือผิวพรรณของผู้รับบริการได้อย่างดีเยี่ยม โดยฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดแก้ไขบริเวณใต้ตา สำหรับคนไทย คือ Restylane Vital Light หรือ Restylane Classic และ Juvederm Volbella or Juvederm Volite นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ในผู้รับบริการบางคน ที่มีร่องใต้ตาลึกมาก ก็สามารถใช้ Filler ชนิดที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น นำมาแก้ปัญหาได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาด้วยโปรแกรม Daisy Eyes โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ยังถูกออกแบบมาให้สามารถใช้เทคนิคในการยกกระชับ และ แก้ไขถุงใต้ตา ได้อีกด้วย โดยจากการดูโครงสร้างบริเวณใต้ตาจะเห็นได้ว่า เมื่ออายุที่มากขึ้น ย่อมทำให้กระดูกเบ้าตา และ ชั้นไขมันใต้ตา บางลง เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อก็มีความหย่อนไม่กระชับอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่สามารถค้ำจุนถุงใต้ตาที่โป่งพองออกมาจากอายุที่มากขึ้นได้ ดังนั้น การแก้ไขด้วยการวางฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลพอดี และแม่นยำ จึงช่วยให้มีโครงสร้างที่ support ถุงใต้ตาได้อย่างดีทำให้ขนาดลดลง ดังนั้นด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตาอย่างถูกวิธี จึงสามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมได้อีกด้วย **อย่างไรก็ตามปัญหาถุงใต้ตา มีความซับซ้อน และมีหลากหลายรูปแบบแนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาก่อนได้รับการรักษาเท่านั้น เพื่อวางแผนการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากปัญหาถุงใต้ตาของผู้รับบริการแต่ละคนแตกต่างกัน
หมออู๋ Update ความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ประจำปี ค้นพบ บริเวณที่ต้องระวังเพิ่มเติมในการฉีดฟิลเลอร์ คือ คาง และ ขมับ
ปัจจุบัน มีผู้เข้ามารับบริการการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางและขมับ จำนวนมาก ที่อินฟินิซ คลินิก โดยส่วนมากเป็นเคสที่เคยฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาก่อนแล้วเจอผลข้างเคียง ที่หมอรวบรวมไว้มีดังนี้ ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์คางจากคลินิกอื่น -รูปทรงไม่เข้ากับใบหน้า ยาวไป สั้นไป หรือ คางยื่นเกินไป -คางไม่สมดุล ไม่สมมาตรกัน หรือ ไม่ได้สัดส่วนกับแนวขากรรไกรล่าง -มีก้อนฟิลเลอร์ช้ดเจนขณะอยุ่เฉยๆ หรือมองเห็นขณะพูดและแสดงสีหน้า -มีอาการบวมแดงอักเสบหลังฉีด หรือภาวะคางอักเสบ ติดเชื้อ -มีอาการบวมแดง เป็นบางครั้ง -เจอเคสผลข้างเคียงจากการฉีดอุดตันเส้นเลือด ทำให้ ริมฝีปากล่างม่วงคล้ำ ผิดปกติ แต่ได้รับการแก้ไขทันเวลา จนเป็นปกติ ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ขมับจากคลินิกอื่น -ขมับบวม ผิดรูป ไม่ได้สัดส่วน -หลังฉีดมีอาการบวม และ ช้ำมาก -หลังฉีดไปสักระยะหนี่งมีอาการก้อนบวมปูดเป็นระยะๆ -ฟิลเลอร์ไม่กลืนกับผิวทำให้มีความไม่เรียบ -รูปทรงขมับไม่สัมพันธ์กับโครงสร้างบริเวณโหนกแก้มและหน้าผาก -มีรอยช้ำหรือสีม่วงบริเวณขมับหลังการฉีดจากที่อื่นมา แต่ได้รับการแก้ไขทันเวลา จะสังเกตเห็นว่า การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจ สรีระกายวิภาคศาสตร์ ตลอดจนการออกแบบรูปทรง เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเติมฟิลเลอร์บริเวณ คาง และ ขมับ รวมถึงเทคนิคการวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและสวยงาม อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงที่รุนแรงที่สำคัญที่สุดคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอุดตัน หรือ กดเบียด เส้นเลือดบริเวณใกล้เคียงจนเกิดภาวะเนื้อตายบริเวณที่ฉีดถือเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุด ซึ่งแพทย์ต้องป้องกันและหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าว วันนี้ในงานประชุมวิชาการประจำปี GAIN INSPIRED : Annual update on the “ensuring safe & effective use of dermal fillers and collagen biostimulator” 2023 มีเนื้อหาใหม่ๆที่เป็น highlight ที่หมออู๋ รวบรวมมาให้ผู้รับบริการเข้าใจดังนี้ นอกจากบริเวณใต้ตาและบริเวณหน้าผากที่เป็นจุดเสี่ยงหลักในการฉีดฟิลเลอร์ และควรได้รับการแก้ไขโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวมาอย่างดี การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางและขมับคับเป็นอีกบริเวณที่แพทย์มักลืมให้ความสำคัญต่อเส้นเลือดเส้นประสาทบริเวณนี้ เพราะคิดว่าฉีดง่าย แต่เมื่อปีที่ผ่านมา พบเคสมีปัญหาฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดหลังได้รับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก ข้อมูลสำคัญคือ บริเวณคาง มีเส้นเลือดดำและแดง🖤❤️ หรือ แขนงที่เชื่อมต่อกันปริมาณมากและเชื่อมต่อกับภายในช่องปากด้วย ซึ่งยากจะคาดเดาได้บนใบหน้าจึงตัองอาศัยการวิเคราะห์จากสภาพปัญหาจริง ของผู้รับบริการแต่ละบุคคลก่อนจะวางแผนการฉีดฟิลเลอร์คับ ความแม่นยำในเนื้อหา Anatomy และเทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์เท่านั้น จึงจะสามารถรังสรรค์งานฉีดฟิลเลอร์คางให้ได้ รูปทรงที่สวยงาม✨โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การฉีดฟิลเลอร์ที่คลาดเคลื่อนตำแหน่งผิดเพียงแค่ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ย่อมทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงผิวหนังขาดเลือดที่สำคัญ ได้แก่ คาง ริมฝีปาก และ ในช่องปาก เช่น ลิ้น อีกตำแหน่งหนึ่ง ที่มีผู้รับบริการที่อินฟินิซคลินิกเป็นจำนวนมาก คือ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ ด้วยพื้นที่ในการฉีดมีจำกัด และมีเส้นเลือดเส้นประสาทพาดผ่านจำนวนมากและหนาแน่น ตลอดจนมีโครงสร้างผิวถึง 10 ชั้นทำให้การฉีดต้องอาศัยความแม่นยำสูงสุด พร้อม การใช้ตัวฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในการขึ้นทรงขมับให้ผู้รับบริการให้สวยถูกใจไร้รอยต่อ โดยไม่มีผลข้างเคียง และที่สำคัญในใบหน้าจริงมีเส้นเลือดที่วางในลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลอีกด้วย ทำให้แพทย์ต้องทำการตรวจร่างกาย ประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณที่แตกต่างกัน เพราะการวางฟิลเลอร์บริเวณนี้ ต้องอาศัยทักษะสูงเพื่อเลี่ยงการโดนเส้นเลือดแต่ยังคงต้องควบคุมให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามถูกใจผู้รับบริการมากที่สุด รวมถึงทักษะการออกแบบรูปทรงขมับให้รับกับไรผม คิ้ว หน้าผาก ดวงตา ตลอดจนโหนกแก้มของผู้รับบริการ
ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย สามารถแก้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ไหม
ปัญหาหนึ่งที่เจอได้เยอะในกลุ่มผู้เข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ นั่นคือ พบภาวะหลังฉีดเกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ การประเมินปัญหา และเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือผู้รับบริการควรศึกษาข้อมูลสำคัญก่อนตัดสินใจทำหัตถการใด ๆ เกี่ยวกับความสวยงามของตัวเองเสมอ หนึ่งในนั้นคือ การเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งพิจารณาแพทย์ที่จะทำการรักษา ประวัติความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงผลงานการรักษาของแพทย์โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาเนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องใช้ประสบการณ์สูงเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่สวยงามไร้ผลข้างเคียง ไม่มีก้อน Infiniz clinic จะพาไปทำความรู้จักและเข้าใจกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ วิธีแก้ พร้อมหลักการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้ถูกวิธี ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อนเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ? ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เป็นลำ ผิดปกติ มีได้หลายสาเหตุ ก็จะมีเรื่องของตัวยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์เอง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการ ฉีดแก้ปัญหาใต้ตา เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการจัดวางที่ผิดปกติ รวมถึงลักษณะกล้ามเนื้อกล้ามในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น ในบางกรณีผู้รับบริการมีกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาที่มีความแข็งแรงมาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอยู่บริเวณนั้นอาจทำให้เกิดการดันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ออกจากบริเวณที่ต้องการได้ หมอได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เป็นลำ หรือ บวมผิดปกติได้ดังนี้ เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ แพทย์ผู้ฉีด มีความจำเป็นต้องรู้จักกายวิภาคศาสตร์ปัญหาของบริเวณใต้ตา ร่วมกับสามารถประเมินปัญหาได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งต้องอาศัยประสบการณ์ในการเลือกชนิดของ HA FILLER ในการแก้ปัญหาร่องใต้ตาในผู้รับบริการแต่ละคนได้อย่างดี และที่้สำคัญที่สุด เทคนิคเฉพาะตัวที่จะเป็นตัวกำหนดผลหลังฉีดให้ได้ผลงานที่เติมเต็มใต้ตาได้อย่างสวยงาม เป็นธรรมชาติ และ ไม่เกิดก้อน หากแพทย์ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์การฉีด ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดก้อน หรือ เกิดลำ ขึ้นได้ ชนิดของฟิลเลอร์ ต้องเลือกชนิดที่ความเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะฉีด เช่น การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น restylane classic Restylane Defyne Juderm Volift and Voluma เหมาะกับการเติมในส่วนลึกเพื่อสร้างโครงสร้างเบ้าตาให้ดูเต็มขึ้น และมีมิติมากขึ้น โดยแพทย์จะต้องประเมินปัญหาจากการตรวจสภาพปัญหาผิวจริงก่อนทำการรักษาอีกครั้ง เนื่องจากสภาพผิวและปัญหาย่อมมีความแตกต่างกัน ระหว่างบุคคล การเลือกชนิดของ HA Filler ที่ถูกต้อง จะมีผลให้การรักษามีความสวยงาม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติหลังทำ และ ขยับใบหน้าหรือยิ้มแสดงสีหน้าได้ตามปกติ ปริมาณที่ใช้ฉีด การคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่จะฉีดมีความสำคัญมากอีกประการหนึ่ง โดยความแม่นยำในการคำนวณปริมาณฟิลเลอร์เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวในการฉีดฟิลเลอร์มาจำนวนมาก จึงจะสามารถคาดคะเนปริมาณฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนเกินความจำเป็นในแต่ละจุดที่รักษา จนทำให้เกิดผลข้างเคียงถูกดันออกไปในบริเวณใกล้เคียง หรือเกิดปัญหา ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นลำ ในเวลาต่อมานั่นเอง มีอาการบวมหลังฉีด โดยปกติหลังการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะมีอาการบวมเล็กน้อย ประมาณ 3-5 วัน เท่านั้น ดังนั้นการประเมินการฉีดฟิลเลอร์ต้องรอให้อาการบวมยุบลง จนอยู่ในระดับที่ปกติ จนแน่ใจว่า หลังฉีดฟิลเลอร์มีก้อนหรือลำฟิลเลอร์ที่ผิดปกติหรือไม่ โดยทั่วไปการประเมิน มักทำที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ปลอมในที่นี้จะหมายถึง ฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ Hyaluronic acid และจะไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ผ่านมาตรฐาน อย.ไทย หรือ อาจจะเป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid ที่ทำเลียนแบบขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่า ประสิทธิภาพของตัว HA อาจจะมีความไม่เสถียร เกิดปฏิกิริยากับผิวหนังบริเวณที่ฉีด และ อาจจะเกิดการเกาะเป็นกลุ่มเป็นก้อนไหล ไหลย้อยไม่เป็นทรง และอาจเป็นอันตรายกับผู้รับบริการได้ ดังนั้น ผู้รับบริการควรขอดูผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนฉีดเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ถูกต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ตลอดจนนำเข้าโดยบริษัทตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแบบไหนปกติ VS ผิดปกติ ? ก้อนที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ในช่วงแรก เกิดจากอาการบวมของเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบหรือจากอาการระบมจากเข็มที่ส่งผ่านฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวที่ต้องการ โดยผู้รับบริการอาจจะรับรู้ได้จากการคลำได้เป็นก้อนขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีอาการบวม แดง ร้อน อาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยไม่มาก ไม่สามารถมองเห็นได้เอง โดยก้อนลักษณะแบบนี้จะชัดเจนในช่วงแรก และ จะค่อยๆยุบลง จนเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บใดๆ ใน 2 สัปดาห์ อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนที่ผิดปกติ เช่น ภาวะฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว ทำให้เวลาแสดงสีหน้าแล้วมีก้อนฟิลเลอร์ดันออกมาจากผิว แสดงว่าเป็นภาวะที่ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น เข้าไปอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ หรือการฉีดใน ชั้นผิวส่วนตื้นแล้วไม่กลืนตัวเข้ากับผิว โดยภาวนะนี้มักเกิดจากการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ผิดชนิดหรือประเภทนั่นเอง อาการฟิลเลอร์เป็นก้อนและมีอาการบวม แดง ร้อน และ เจ็บเมื่อสัมผัส โดยมักเกิดขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วประมาณ 3 วัน ภาวะนี้เกิดจากการติดเชื้อที่ตัวฟิลเลอร์ หากเกิดสงสัยภาวะนี้ แนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพปัญหา และ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะร่วมกับการรักษาอื่นๆ ต่อไป แก้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนทำยังไง ? การแก้ไขปัญหา ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีอยู่ 3 วิธีหลักๆ โดยแพทย์ต้องทำการประเมินสภาพปัญหาที่ใบหน้าผู้รับบริการเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจบริเวณที่ผิดปกติ ร่วมกับประวัติชนิดของฟิลเลอร์ที่ได้รับการฉีดมา โดยทั่วไปฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic acid สามารถฉีดสลายตรงบริเวณที่มีก้อนหรือลำผิดปกติได้เลย แต่ถ้าหากไม่ใช่ สารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid หรือฟิลเลอร์ปลอม อาจจะมีการเจือปนจำเป็นต้องทำการขูดหรือผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออกเท่านั้น การฉีดสลายฟิลเลอร์ หากฉีดฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid ก็สามารถฉีดสลายได้โดยใช้ Hyaluronidase ในการฉีดสลาย หลังฉีดสลายจะเห็นผลหลังฉีดทันทีโดยฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอยู่เช่นบริเวณใต้ตานูนเป็นลำผิดปกติก็จะสลายไปทันที ถือว่าเป็น Antidode ในการรักษาการฉีด Hyaluronic acid โดยเฉพาะนั่นเอง ผลภายหลังจากการฉีดสลายฟิลเลอร์ ด้วย Hyaluronidase จะทำให้ฟิลเลอร์ค่อยๆยุบตัวลง และสลายหายไปในที่สุด โดยในเคสที่พบบ่อยคือ มีการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาจากที่อื่นแล้วผู้รับบริการรู้สึกไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ออกมาก็สามารถฉีดสลายออกได้เช่นกัน จะเห็นผลหลังฉีดทันทีในบางส่วนประมาณ 50% โดยระยะเวลาการสลายทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์ การขูดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวรหรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายเองได้ โดยพบได้ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ แพทย์ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในความปลอดภัยของฟิลเลอร์ชนิดนั้นๆ โดยการขูดฟิลเลอร์จะเอาออกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ประมาณ 50-70 % ไม่สามารถนำออกได้ทั้งหมด การทำศัลยกรรมผ่าตัดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือซิลิโคนเหลว ทำให้เกิดก้อนขนาดใหญ่ หรือ ผิดรูป เมื่อนานวันเข้า อาจจะมีอาการไหลย้อนเปลี่ยนที่ได้อย่างง่ายดาย ในบางเคส มีการฉีดในชั้นผิวมานาน จนเกิดพังผืด โดยส่วนมากถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดแต่ก็ไม่สามารถเอาออกได้ทั้งหมด 100% ขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งที่ฉีด บางบริเวณจะต้องเลี่ยงเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด เช่น ผิวทะลุ หรือ เส้นประสาทอาจจะเกิดอันตรายได้ในระหว่างการทำผ่าตัด หลักการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาให้ถูกวิธี ? การแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ สามารถเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ ที่ขึ้นทรงได้ดี ในการแก้ปัญหาเบ้าตาลึก หรือใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียดอ่อนนิ่ม ที่มีการกลืนตัวสูงในการแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาระดับตื้น ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวบริเวณใต้ตา และ โครงสร้างสรีรวิทยา ของแต่ละบุคคลนั่นเอง การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่อุ้มน้ำไว้มากเกินไป หรือมีการพองตัวสูงหลังจากฉีดไปแล้ว อาจจะเกิดภาวะใต้ตาบวมจนรูปหน้าเปลี่ยนไปได้ หรือ การเลือกฟิลเลอร์ที่แข็งเกินไป ก็ย่อมทำให้เกิดภาวะฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นลำ ผิดปกติ โดยเฉพาะเวลายิ้มอาจจะเห็นความผิดปกติที่ชัดเจนมากขึ้นได้อีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้อยู่ 3 ยี่ห้อคือ Restylane , Juvederm และ Belotero เนื่องจาก 3 ยี่ห้อนี้มีคุณสมบัติเด่น คือฉีดแล้วคงรูป ไม่พองตัวมากเกินไป มีชนิดที่ตัวเจลอ่อนนิ่ม ไม่เป็นก้อน และมีลักษณะโมเลกุลที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตา แก้ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน ที่ Infiniz Clinic ดีกว่าที่อื่นยังไง ? อันดับแรกที่อินฟินิซ ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้แน่นอน 100% เราให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความซื่อตรงต่อลูกค้า รวมถึงทางคลินิก ควบคุมการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง หมออู๋ ณัฐพล ก่อนทำการรักษาจะต้องมีการตรวจสภาพผิวหน้า ประเมินปัญหาร่วมกับผู้รับบริการทุกครั้งและคุณหมออู๋ เป็นผู้คิดค้น เทคนิคพิเศษเฉพาะตัวในทุกตำแหน่งปัญหาของใบหน้า โดยอาศัยประสบการณ์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์มามากกว่า 15 ปี ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจสูงสุด โดยปราศจากผลข้างเคียง โดยเฉพาะโปรแกรม Daisy Eyes เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบัน ลดปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเป็นลำผิดปกติได้ 100% ราคาโปรโมชั่น ฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC
ใครอยากผิวสวยต้องรู้! ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? มีประโยชน์ยังไง
ในยุคที่ผู้หญิงหลาย ๆ คน ให้ความสำคัญกับผิวมากขึ้น จึงมีเทคโนโลยีหลายประเภทที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องผิว ให้ดูมีสุขภาพดี ผิวสวย ฉ่ำ โกลว์ หนึ่งในนั้นคือฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ อาทิเช่น เติมเต็มร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาร่องแก้ม ไปจนถึงเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี ในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์งานผิว ว่าคืออะไร มีประโยชน์ และข้อควรระวังอะไรบ้าง พร้อมแนะนำคลินิกที่ปลอดภัยต่อการทำหัตถการดังกล่าว ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร ? การใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุล Hyaluronic acid ชนิดพิเศษที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ความเข้มข้นพอเหมาะกับการเติมเต็มเข้าสู่ชั้นผิวหนังระดับตื้น โดยออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดี อยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ ผิวหนังชั้นนอกและคงความชุ่มชื้นต่อเนื่องอย่างยาวนาน โดยไม่ทําให้ผิวบวมหรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป ด้วย ผ่านเทคนิคพิเศษในการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง ให้กระจายทั่วใบหน้า โดยโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มีส่วนช่วยเสริมสร้าง การเก็บกักน้ำในผิว ทําให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น ปรับเปลี่ยนโครงสร้างผิวให้แข็งแรงมากขึ้นเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ประโยนช์ที่ทำให้ต้องฉีด ฟิลเลอร์งานผิว ? ข้อควรระวัง ในการฉีดฟิลเลอร์งานผิว ? ในการฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องระวังเรื่องฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน หากเจอฟิลเลอร์ปลอม นอกจากจะไม่ได้ผลการรักษาที่ต้องการแล้ว เนื้อฟิลเลอร์จะไม่สลาย ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อและทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายได้ ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มี 4 ข้อที่ต้องใส่ใจ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ฟิลเลอร์งานผิว ที่ infiniz ใช้ยี่ห้ออะไรบ้าง ? Restylane Vital Light ยี่ห้อแรก Restylane Vital Light ฟิลเลอร์รุ่นนี้ของแบรนด์ Restylane โดยมีส่วนผสมของยาชา และเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเนื้อเบา เจล HA มีอนุภาคเล็ก เนื้อละเอียด สามารถแก้ไขจุดที่ปัญหาเล็ก ๆ เช่นริ้วรอยตื้นๆ รอยหลุมสิว และถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับปรับคืนความชุ่มชื้นของผิวหนังในระดับลึก (Deep Hydration) ฟื้นฟูใบหน้าให้กระจ่างใส เหมาะกับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา ผิวชั้นตื้นทั่วใบหน้า และริมฝีปาก โดยในการฉีดแต่ละครั้ง สามารถอยู่นานประมาณ 6-12 เดือน Juvederm Volite Juvederm Volite ถูกผลิตมาให้มีโมเลกุล Hyaluronic acid ที่มีขนาดเล็ก และนิ่มที่สุดในตระกูลฟิลเลอร์ VyCross ของอเมริกา มีเนื้อบางเบาละเอียด โดยสามารถฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ ได้อย่างเรียบเนียน การกลืนตัวเป็นธรรมชาติ ซึ่ง HA เป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่สำคัญให้กับผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณที่ทำ ได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังมีผลมีการกระตุ้น aquaporine ให้ส่งผ่านโมเลกุลน้ำและ Glycerol เข้าสู่เซลล์ได้ดีขึ้นด้วยประสิทธิภาพสูง ทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวดีขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โกลว์ และแน่นกระชับ อิ่ม ฟู เรียบเนียน ยื่ดหยุ่น มีสุขภาพดี และทำให้ดูเด็กลง โดยผลอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือนในการฉีดต่อครั้งอีกด้วย Belotero Revive Filler ยี่ห้อสุดท้าย Belotero Revive Filler เป็นฟิลเลอร์งานผิวอันดับ 1 ของโลก อุดมไปด้วยสารที่มีส่วนประกอบหลัก 2 ตัวได้แก่ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยการที่มีส่วนประกอบทั้งสองในหนึ่งนี้เองทำให้ Belotero Revive Filler เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์งานผิว ที่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์งานผิวชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ เนียนเด้ง แวววาว ตั้งแต่ผิวชั้นในถึงผิวชั้นนอก และอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน จึงไม่แปลกเลยที่ปัจจุบันยี่ห้อนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้รับบริการ ผิวสวยไม่ง้อฟิลเตอร์ แค่ลองฟิลเลอร์งานผิวที่ Infiniz ถ้าคุณอยากจะเป็นคนที่ผิวสวยอ่อนเยาว์ สุขภาพดี ผิวเรียบ เนียนนุ่ม ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ แต่ยังไม่รู้จะไปคลินิกที่ไหนดี อยากให้คุณมาลองทำงานผิวที่ Infiniz Clinic โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล โดยการทำฟิลเลอร์งานผิวแต่ละครั้ง แพทย์จะให้คำแนะนำและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละบุคคล รวมทั้งการออกแบบตำแหน่งฉีด และ ปริมาณยาต่อบริเวณให้ได้ผลที่สวยงามที่สุด และแน่นอนว่า การฉีดต้องลงสู่ชั้นผิวที่ถูกต้อง โดยทุกหัตถการ มีการใช้ฟิลเลอร์แท้ ปลอดภัย 100% ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Juvederm Volite เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ราคาโปรโมชั่น Restylane vital light เริ่มต้นที่ 16,500 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic
Juvederm Volite ฟิลเลอร์กระตุ้นผิวนุ่มชุ่มชื้น ฉ่ำวาวตามต้นแบบฉบับสาวเกาหลี
ในที่นี้เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ผิวดูสวยสุขภาพดีกันอยู่แล้ว แต่จะทำหัตถการชนิดไหน นี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนกำลังเกิดความลังเลและไม่แน่ใจ ซึ่งในวันนี้ทาง อินฟินิซ คลินิก จะเป็นคนที่ช่วยหาทางออกให้กับคุณ โดยขอเสนอเป็นการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ ที่ใช้ชื่อว่า Juvederm Volite ซึ่งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ตัวดังกล่าว ช่วยเรื่องอะไร และมีจุดเด่นยังไงบ้าง คุณจะได้รู้แน่ ๆ และตั้งใจอ่านให้ดี เพราะครั้งนี้เรามาพร้อมโปรโมชั่นดี ๆ เพื่อให้ความสวยเป็นสิ่งที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ แค่มาใช้บริการที่คลินิกของเรากับทีมแพทย์อินฟินิซ คลินิก Juvederm Volite คืออะไร ช่วยในเรื่องอะไร ? Juvederm Volite ผลิตภัณฑ์ HA Filler ตัวใหม่ล่าสุดจากบริษัท Allergan Aesthetics ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ความงามรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา Juvederm Volite เป็น Cross-linked Hyaluronic Acid (HA) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้มากถึง 1000 เท่า นอกจากนี้ ยังกระตุ้น AQP3 ( Aquaporin 3; Water and Glycerol Transporter) จึงทำให้ผิวอิ่มน้ำ ดูฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับ ผิวดูสุขภาพดี ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และช่วยลดเรือนริ้วรอย ซึ่งเจลจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Deep Dermis) เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาผิวทั้งชั้นนอกและชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรมของ Juvederm Volite ด้วย HA ที่มีความอ่อนนุ่มที่สุดในกลุ่มเทคโนโลยี VyCross จึงมีความเบาบางของโมเลกุล และ ความเข้มข้นพอเหมาะกับการฉีดเพื่อรักษาผิวพรรณ หากฉีดเข้าสู่ระดับชั้นที่ถูกต้อง จะไม่เกิดก้อนหรือตุ่มนูนผิดปกติ Juvederm Volite นอกจากจะใช้รักษาปัญหาผิวบริเวณใบหน้าแล้ว ยังสามารถฉีดรักษาผิวพรรณบริเวณลำคอและมือ โดยเหมาะกับทุกเพศทุกวัย และหลังจากการฉีดเพียง 1 ครั้ง อยู่ได้ยาวนาน 9-12 เดือน การฉีด Juvederm Volite สามารถช่วยเหลือปัญหาผิวพรรณดังนี้ จุดเด่นที่ทำให้ควรฉีด Juvederm Volite ที่ อินฟินิซ คลินิก มีโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อและรุ่น โดยคุณหมออู๋ และ ทีมแพทย์ อินฟินิซ คลินิก จะมีวิธีการเลือกใช้โดยคำนึงถึงปัญหาและผลลัพธ์ที่ถูกใจผู้รับบริการมากที่สุด ในส่วนของ Juvederm Volite มักนำมาใช้แก้ปัญหาเรื่องผิวพรรณ เช่นปัญหาผิวหยาบกร้าน ผิวขาดน้ำ ริ้วรอยปัญหารอบดวงตา หรือ ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ทั้งนี้ตัวฟิลเลอร์ Juvederm Volite มีจุดเด่นในเรื่องการเก็บกักน้ำได้อย่างล้ำลึกและยาวนานถึง 9 เดือน หลังการฉีดเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ร่วมกับความสามารถในการยกกระชับผิวหลังฉีดทำให้ฟิลเลอร์ไม่ถ่วงผิวจนเกิดภาวะผิวหนาผิดปกติ แต่ช่วยปรับรูปทรงผิว (skin contour) ให้เข้ารูปมากขึ้นอีกด้วย โดยรวม โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ juvederm Volite ช่วยเรื่องดังต่อไปนี้ ฉีด Juvederm Volite ตรงไหนได้บ้าง โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลายโดยเน้นการรักษาระดับชั้นผิวหนังส่วนตื้น โดยหลักๆเป็นเรื่องของการปรับสมดุลและสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์และชุ่มชื้นมากขึ้น บริเวณที่ทำการรักษาสามารถฉีดได้ดังนี้ ใครบ้างที่ควรฉีด Juvederm Volite โดยทั่วไป โปรแรกมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite สามารถทำการรักษาได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยแบ่งประเภทผู้รับบริการออกเป็นคร่าวๆ ดังนี้ ปลุกผิวใสให้ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ฉีด Juvederm Volite ที่ Infiniz เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์โปรแกรม Juvederm Volite ที่อินฟินิซ คลินิก เริ่มต้นจากการประเมินสภาพปัญหาและกำหนดจุดที่ต้องการแก้ปัญหา และ คำนวณปริมาณยาที่ต้องการจะใช้ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในส่วนของเทคนิคการฉีดต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ในการปล่อยยาให้ตรงตำแหน่งของชั้นผิวระดับ “Intradermal” ใจกลางชั้นผิวส่วนบน เพื่อที่จะทำให้โมเลกุลของ Juvederm Volite กระจายตัวผ่านการทำงานของ AQP3 transporter ได้ดีที่้สุด เพื่อสร้างปรากฏการณ์เพิ่มน้ำสู่ผิวได้อย่างยาวนานที่สุด นอกจากนี้ การฉีดในชั้นดังกล่าว ยังสามารถเพิ่มผลการยกกระชับโครงสร้างผิว (Lifting capacity) ได้ดีที่สุด และไม่เกิดผลข้างเคียงเช่นก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติหลังฉีดนั่นเอง ราคาโปรโมชั่นโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite โดยทีมแพทย์อินฟินิซ คลินิก = 18,000 บาท ต่อ ML
Restylane Vital Light ฟิลเลอร์สำหรับลดริ้วรอยและร่องลึกใต้ตา
เพราะอายุที่มากขึ้น ริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่จะตามมา จึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีหยุดปัญหาดังกล่าว และรักษาผิวไม่ให้เกิดริ้วรอย ดังนั้นเลยต้องมีการใช้ฟิลเลอร์เข้ามาช่วยในการแก้ไข โดยในวันนี้เราอยากจะแนะนำยี่ห้อ Restylane เป็นตัว Restylane Vital Light หนึ่งในฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มในกลุ่ม HA ที่มีโมเลกุลบางเบา ช่วยแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตาได้ดี และจะพาไปดูความแตกต่างระหว่าง Restylane Vital กับ Restylane Vital Light ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รวมไปถึงข้อดีของการทำหัตถการดังกล่าว จาก Infiniz Clinic Restylane Vital Light คืออะไร มาจากไหน ? ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มในกลุ่มเจลไฮยาลูโรนิกแอซิด มีความสามารถในการเติมเต็มร่องลึก ลดเรือนริ้วรอย และยังสามารถดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามาเก็บไว้กับบริเวณผิวที่ทำการเติม ฟิลเลอร์ดังกล่าว ทำให้ผู้ที่รับการรักษานอกจากได้ปรับแก้ริ้วรอยร่องลึก เติมเต็มจุดที่บกพร่อง และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น Restylane ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากมีงานวิจัยเป็นจำนวนมาก ที่ยืนยันเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยหลังจากการรักษาด้วยฟิลเลอร์ดังกล่าว การใช้งานจึงกระจายออกสู่ 70 ประเทศทั่วโลก ไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ Restylane Vital กับ Restylane Vital Light ต่างกันยังไง ? สำหรับ Restylane Vital กับ Restylane Vital Light มีความแตกต่างดังนี้ Restylane Vital Light เหมาะสำหรับใคร ? Restylane Vital Light เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ โดยตัวเจล จะเข้าไปปรับสมดุลน้ำให้กับผิว และ กระตุ้นให้มีการจัดระเบียบของคอลลาเจนใหม่ นำมาซึ่ง ผิวเรียบเรียน อิ่มน้ำฉ่ำ โกลว์ รูขุมขนกระชับ และ ลดเรือนริ้วรอย นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตา โดยตัวเจลมีความบางเบา เหมาะกับการแก้ไขปัญหาบริเวณใต้ตาของสาวเอเชียได้อย่างเรียบเนียนและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ คุณหมออู๋ยังมีการนำมาใช้ในโปรแกรม Skinboosters Lip เพื่อรักษารอยแตกและเพิ่มความชุ่มชื้นกับ ริมฝีปาก อีกด้วย ก่อนฉีด Restylane Vital Light มีข้อห้ามอะไรบ้าง ? ข้อดีของการฉีด Restylane Vital Light มีอะไรบ้าง ? แก้ปัญหาร่องตื้นใต้ตา เลือก Restylane Vital Light ที่ Infiniz เทคนิคการแก้ไขปัญหาร่องตื้นๆใต้ตา ทาง infiniz clinic ใช้โปรแกรม 3D Skinboosters ลิขสิทธิ์เฉพาะของคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวส่วนตื้นของบริเวณใต้ตา โดยเฉพาะ โดยคุณหมอจะทำการตรวจประเมินสภาพปัญหาของผิวบริเวณใต้ตา และเลือกการใช้ Restylane Vital or Vital Light อย่างเหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องตื้นๆ บริเวณใต้ตาได้อย่างพอดี ด้วยเทคนิคการฉีดที่ใช้เข็มปลายทู่ขนาดที่เหมาะสม ทำให้ขั้นตอนการฉีดไม่ยุ่งยากซับซ้อน และ เข้าสู่จุดที่เป็นปัญหาบริเวณใต้ตาอย่างแท้จริง โดยไม่เกิดผลข้างเคียงต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณดังกล่าว ราคาโปรโมชั่นการฉีด Restylane Vital Light บริเวณใต้ตา เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล พร้อมวิธีดูว่าแพ้หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง
ความสวยงามเป็นเรื่องที่รอกันไม่ได้ ใครหลาย ๆ คน จึงยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันเลยเห็นว่าสถาบันความงาม หรือคลินิกต่าง ๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในหัตถการที่เป็นที่นิยมมากสุดที่เห็นผลอย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้นในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นฟิลเลอร์ ซึ่งทาง Infiniz ได้มีการนำเข้าฟิลเลอร์หลายชนิด โดยในวันนี้จะพาไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ Belotero Reviveกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมวิธีแยกระหว่างอาการแพ้กับผลข้างเคียง และใครที่เหมาะกับการฉีด รวมไปถึงควรฉีด Belotero ที่ไหนดี Belotero Revive คืออะไร ฉีดบริเวณไหน ต้องบอกในภาพรวมก่อนว่า Belotero Revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่ผ่าน อย.ยุโรป อเมริกา และไทย มีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ คือ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเนียน เข้ากับผิวหน้าได้ดี ถูกออกแบบมาสำหรับการฉีดเข้าไปสู่ชั้นผิวระดับตื้นเพื่อปรับสภาพผิว โดยมีความพิเศษเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid ถึง 20 mg/mL และ Glycerol เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 1,000 เท่า ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก โปรแกรม Belotero Revive ที่ทาง Infiniz Clinic มีความพิเศษแตกต่างโดยจะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดให้ได้รับความชุ่มชื้นต่อผิวชั้นตื้น และชั้นหนังแท้ ให้ผิวดูสวยฉ่ำโกลว์ ผิวอวบอิ่ม โดยเป็นงานฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นงานผิวโดยเฉพาะ Belotero Revive จึงได้รับสมญานามว่าตัวช่วยยืนหนึ่งเรื่อง “ผิวกระจก” Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ถ้าถามว่า Belotero ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล โดยปกติแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ตัวดังกล่าว จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผิวจะดูอิ่มฟู ดูกระชับ ผิวชุ่มชื้น ผิวใส และภายใน 2 สัปดาห์ ผิวจะเพิ่มความเต่งตึงยิ่งขึ้นไปอีก และฉีด 1 ครั้ง มีผลรักษายาวนานถึง 9 เดือน แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง เพื่อยืดเวลาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากที่สุด จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง สามารถแยกประเภทได้ดังนี้ ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ปกติหลังฉีด BELOTERO REVIVE อาการแพ้ฟิลเลอร์ Belortero Revive อาการข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีวิธีการป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหรือกดเบียดเส้นเลือด จนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เป็นอย่างดี โดยต้องมีความรู้ ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ ของเนื้อเยื่อ และ บริเวณที่ทำการฉีดเป็นอย่างดี ตลอดจน ตรวจสภาพผิวก่อนฉีดเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใครคือคนที่ควรฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลเทคนิคพิเศษต้องที่ Infiniz การฉีด Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic โดยเบื้องต้นในทุกเคส แพทย์จะทำการประเมินผิว ก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีด ร่วมปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น ซึ่งเทคนิคการฉีด Belotero Revive โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติในชั้นผิว และมีการกระตุ้นให้ผิวตอบสนองต่อ Belotero Revive ได้ดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของลูกค้าทุกคนออกมาอย่างพึงพอใจสูงสุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดก็ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการ โดยผู้รับบริการที่เข้ามาฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถมั่นใจได้เลยว่า ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงมีความปลอดภัย 100%
ฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ ปลอดภัย 100%
สิ่งสำคัญอันดับแรกในการรับบริการฉีด ฟิลเลอร์ในคลินิกและสถานพยาบาล คือ การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ โดยผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าที่ Infiniz clinic ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและเป็นของแท้เท่านั้น โดยทางเรายึดมั่นในงานบริการด้วยการมอบความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการในทุกขั้นตอนการทำหัตถการจึงเกิดเคสบอกกล่าวชักชวนมาใช้บริการกับคุณหมออู๋ และทีมแพทย์ Infiniz clinic อย่างต่อเนื่อง ด้วยความมั่นใจในคุณภาพบริการและผลการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากผู้รับบริการทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้รับบริการสามารถขอตรวจเช็กผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนรับบริการได้ทันที โดยเจ้าหน้าที่ยินดีให้ข้อมูลและวิธีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจของผู้รับบริการทุกท่าน ฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic เลือกใช้มีอะไรบ้าง ฟิลเลอร์ที่ทางคลินิก Infiniz ใช้ในตอนนี้มีทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ยี่ห้อ Juvederm ฟิลเลอร์ Juvederm (จูวีเดิม) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (THFDA) สหรัฐอเมริกา (USFDA) และ EDQM ผลิตโดยบริษัท Allergan บริษัทเดียวกับ Botox Allergan และถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand มีด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่น ยี่ห้อ Restylane ฟิลเลอร์ Restylane ผลิตในประเทศสวีเดน ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตของฟิลเลอร์ Restylane ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane มีอยู่ 2 เทคโนโลยีที่โดดเด่นในผลิตขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ ซึ่งทำให้คุณสมบัติของฟิลเลอร์สามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด อย่าง NASHA techology และ OBT technology มีด้วยกันทั้งหมด 6 รุ่น ยี่ห้อ Belotero มีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น 3 วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ ที่ใช้ได้กับทุกยี่ห้อ ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบเลข LOT โดยต้องตรงกันทั้งหมด คือ เลข Lot. ที่กล่อง เลข Lot. ที่หลอด เลข Lot. ที่สติกเกอร์ และเลข Lot. ที่ซองบรรจุฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ปลอมอันตรายแค่ไหน หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายในช่วงแรกๆ อาจยังไม่มีการแสดงอาการใดๆ ออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์ปลอมอาจเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน หรือ เกิดรูปทรงผิดปกติ ไหลย้อย ฟิลเลอร์บวมจนเกิดการอักเสบ ผิวหนังแดงร้อน เป็นช่วงๆ หรือเป็นตลอด โดยอาการคงอยู่ไม่หายไป หากปล่อยให้ฟิลเลอร์ปลอมอยู่ในผิวหนังต่อไปอาจจะเกิดอันตรายเพิ่มขึ้นดังนี้ ฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic มั่นใจของแท้เท่านั้น ปลอดภัย 100% การฉีดฟิลเลอร์ที่ อินฟินิซ คลินิก ผู้รับบริการมั่นใจได้ถึงมาตรฐานงานบริการที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับแรก ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น ปลอดภัย 100% สามารถตรวจสอบเลข Lot ที่กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ก่อนแกะออก และเลข Lot สติ๊กเกอร์ที่หลอด (Syringe) หรือซองบรรจุฟิลเลอร์ โดยทั้งหมดต้องตรงกัน หรือบางยี่ห้อ เช่น Restylane สามารถ scan QR code เพื่อตรวจสอบโดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกได้ตลอดการรับบริการ สิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือเรื่องของความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการโดยก่อนทำการรักษาด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทุกบริเวณ แพทย์จะ โชว์กล่องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ แสดงยี่ห้อ วันหมดอายุ เลข Lot และฉีกซองบรรจุผลิตภัณฑ์ต่อหน้าผู้รับบริการก่อนทำการรักษา เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ถึงความถูกต้องของยี่ห้อผลิตภัณฑ์และเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง 100% ดังนั้นหากสนใจฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถเข้ามารับคำปรึกษา จากแพทย์เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ และ มีการเลือกใช้ชนิดหรือยี่ห้อ ที่เหมาะสมกับปัญหาของผู้รับบริการ เฉพาะบุคคลนั้นๆ อย่างแท้จริง
มือใหม่ต้องรู้ ฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย ต้องดูที่อะไรบ้าง
มือใหม่ต้องรู้! อยากฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย ต้องดูที่อะไรบ้าง ขึ้นชื่อว่าความสวยความงาม เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากสัมผัสอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการส่วนไหน ถ้าทำแล้วเสริมสร้างความมั่นใจก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และสำหรับมือใหม่ที่สนใจและอยากจะลองฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อควรรู้ที่จำเป็นหากจะทำให้ปลอดภัย อาการข้างเคียงของการฉีด พร้อมวิธีดูแลตัวเอง ที่อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเสริมความงาม ข้อควรรู้ และพิจารณาก่อนฉีดฟิลเลอร์คางอย่างไรให้ปลอดภัย ข้อควรรู้และพิจารณาก่อนฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย สามารถทำตามได้ดังนี้ เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางโดยคุณหมออู๋ เป็นการเติมฟิลเลอร์แบบกึ่งศัลยกรรม อาศัยเข็มพิเศษนำฟิลเลอร์ผ่านช่องว่างสู่ชั้นผิวที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องเปิดแผล อาการบอบช้ำน้อยมาก ไม่กระทบกระเทือนต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณคาง รวมทั้งคุณหมออู๋จะทำการประเมินสภาพปัญหาและลักษณะของผิวหนังเพื่อเลือกชนิดของ Filler ที่มีความยืดหยุ่น หรือความแข็งพอดีกับโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อของผู้รับบริการแต่ละคน ด้วยเทคนิคนี้ผลที่ได้จึงเทียบเคียงการศัลยกรรมเสริมคางด้วยวัสดุ (Implant) แต่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลผ่าตัด จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากต่อผู้รับบริการที่คลินิก อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์คางมีอะไรบ้าง อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปที่พบได้บ่อย ๆ แบ่งได้ดังนี้ อาการข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์คางแบบไหนที่เรียกว่าอันตราย โดยปกติแล้วอาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ จะมีเพียงแค่รอยช้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากมีอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ต้องรีบกลับไปพบแพทย์โดยด่วน วิธีดูแลตัวเองหลังจากมีอาการข้างเคียง วิธีดูแลตัวเองหลังจากมีอาการข้างเคียง สามารถทำได้ดังนี้ แนะนำฉีดฟิลเลอร์คาง ที่ Infiniz Clinic การฉีดฟิลเลอร์คางที่ อินฟินิซ คลินิก โดยเบื้องต้น แพทย์จะทำการประเมินรูปหน้าทั้งหมดและ บริเวณคางก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีดและการขึ้นทรงที่เหมาะสม ร่วมกับการเลือดชนิดหรือยี่ห้อและปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคแบบศัลยกรรม คือการใช้เข็มพิเศษวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ลึกหรือตื้น อย่างเหมาะสมและปั้นทรงให้สวยงามในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อรับกับรูปทรงของกระดูกและเนื้อเยื่อคาง เดิมของผู้รับบริการนั่นเอง ราคาโปรโมชั่นคาง เริ่มต้นที่ 15,900/CC แบรนด์ Juvederm
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss ผิวกระจกต้องมา
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss เพื่อหน้าฉ่ำวาว งานผิวกระจกต้องมา Belotero Revive Filler ชื่อนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับวงการงานผิวมากเท่าไหร่ แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับขนานนามว่าเมื่อฉีดไปแล้ว จะทำให้ผิวใสเหมือนกระจก ซึ่งทาง Infiniz จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Belotero Revive Filler ให้ได้อ่านกันว่าฟิลเลอร์ตัวนี้คืออะไร และที่เค้าบอกต่อกันว่าผิวใสดุจกระจก Glass Skin นั้นจริงหรือเปล่า คำตอบที่ทุกคนสงสัยจะถูกคลายได้ด้วยบทความวันนี้ครับ Belotero Revive Filler คืออะไร BELOTERO REVIVE The World 1stSkin Quality HA filler ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิว ตัวแรกของโลก เป็นฟิลเลอร์ งานผิวตัวแรกที่มอบประสิทธิภาพอันส่งพลังของสารประกอบหลัก 2 ตัว คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic acid ขนิดพิเศษที่มีความอ่อนนิ่มและกลืนตัวสูงตามแบบฉบับของฟิลเลอร์สวิส อีกทั้งด้วยนวัตกรรมการผลิตซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้ดี ในขนาดโมเลกุลที่บางเบาที่สุด แต่ในขนาดความเข้มข้น 20 mg/mL และ Glycerol ขนาด 17.5 mg/mL ถือว่าเป็นความเข้มข้นสูงสุดในตลาด Filler งานผิวในปัจจุบัน มอบผลลัพธ์ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติทันทีที่ฉีด มีความปลอดภัยสูง ผ่านองค์การอาหารและยาของ 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง USA, EU และ ไทย Belotero Revive Filler ช่วยอะไรบ้าง ทำให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม Belotero Revive Filler ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และสามารถทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม เราจะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ คุณสมบัติเด่นของ Belotero Revive ทั้ง 3 ประการได้แก่ ทั้งสองส่วนประกอบหลักอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้น คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะต่างๆ หรือผิวที่เกิดจากภาวะคอลลาเจนลดลงจากอายุที่มากขึ้น โดยเหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่นหรือขาดความกระชับ รวมถึงมีปัญหาริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้าด้วยคุณสมบัติเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต็มขั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ 4 มิติ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว โดยจากประสบการณ์หลังฉีด จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผิวจะมีความแวววาว ดูละเอียด เรียบเนียนมากขึ้น ชัดเจนหลังจากที่ตัว Hyaluronic acid และ Glycerol กลืนตัวกับชั้นผิวได้ 100% และ เข้าทำการเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้อย่างดีที่สุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ผลการรักษาคงอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ตรงที่จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero Revive มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Merz Aesthetics Belotero Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสม เมื่อนำ Belotero Revive มาใช้ก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (Kertatinized layer of skin) จึงมีความสมบูรณ์ในเรื่องการเพิ่ม Hydration ตั้งแต่ผิวชั้นใน จนถึงผิวชั้นนอกสุด โดยสามารถล็อกความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังแท้ และผิวที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากการอิ่มน้ำ จะทำให้มีความเรียบเนียน ฉ่ำวาว หรือที่หลายคนเรียกว่า “Glass Skin” หรือผิวกระจก นั่นเอง Belotero Revive Filler ต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร Belotero จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและจุดที่เหมาะสมแก่การฉีดที่ไม่เหมือนกัน สำหรับรุ่น Belotero Revive กับรุ่นอื่น ๆ จะมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตา และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่นอกจากฟิลเลอร์คาง แล้ว ยังมีขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่ และต้องฉีดบ่อยแค่ไหน จากผลการศึกษาของ BELOVE study1 พบว่า BELOTERO REVIVE แสดงผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน และมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ดังนี้ Belotero Revive มีความสามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานได้ยาวนานมากถึง 9 เดือนในการรักษาเพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น ด้วยความเข้มข้นของตัวยาที่มี HA concentration สูงร่วมกับ Glycerol อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตามผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองและสภาพปัญหาผิวพรรณของผู้รับบริการ แต่ละท่าน โดยสามารถทำซ้ำได้ที่ 4 เดือน หลังการฉีดครั้งแรกในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ในรายปกติ อาจจะทำซ้ำที่ 9-12 เพื่อคงผลการรักษาไว้ต่อเนื่อง แนะนำ Belotero Revive Filler ที่ Infiniz Clinic ที่ Infiniz clinic ก่อนทำการฉีดมีการประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณ รวมถึงความหนาของชั้นผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ 3D Skinboosters by Belotero Revive เพื่อกำหนดชั้นผิวที่ต้องการฉีดเข้าซ่อมแซมได้อย่างตรงจุด ด้วยเทคนิค Mid-Dermis Injection ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฉีด Belotero Revive เพื่อที่ตัว HA จะเข้าสู่ชั้น Deep Dermis ได้ดี ส่วนตัว Glycerol จะลอยมาอยู่ในชั้นของ Keratin เปรียบเสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนี้ ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง จึงจะกำหนดความลึกของเข็มได้อย่างแม่นยำในแต่ละจุด เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนกว่า ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic Reference