Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss ผิวกระจกต้องมา
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss เพื่อหน้าฉ่ำวาว งานผิวกระจกต้องมา Belotero Revive Filler ชื่อนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับวงการงานผิวมากเท่าไหร่ แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับขนานนามว่าเมื่อฉีดไปแล้ว จะทำให้ผิวใสเหมือนกระจก ซึ่งทาง Infiniz จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Belotero Revive Filler ให้ได้อ่านกันว่าฟิลเลอร์ตัวนี้คืออะไร และที่เค้าบอกต่อกันว่าผิวใสดุจกระจก Glass Skin นั้นจริงหรือเปล่า คำตอบที่ทุกคนสงสัยจะถูกคลายได้ด้วยบทความวันนี้ครับ Belotero Revive Filler คืออะไร BELOTERO REVIVE The World 1stSkin Quality HA filler ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิว ตัวแรกของโลก เป็นฟิลเลอร์ งานผิวตัวแรกที่มอบประสิทธิภาพอันส่งพลังของสารประกอบหลัก 2 ตัว คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic acid ขนิดพิเศษที่มีความอ่อนนิ่มและกลืนตัวสูงตามแบบฉบับของฟิลเลอร์สวิส อีกทั้งด้วยนวัตกรรมการผลิตซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้ดี ในขนาดโมเลกุลที่บางเบาที่สุด แต่ในขนาดความเข้มข้น 20 mg/mL และ Glycerol ขนาด 17.5 mg/mL ถือว่าเป็นความเข้มข้นสูงสุดในตลาด Filler งานผิวในปัจจุบัน มอบผลลัพธ์ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติทันทีที่ฉีด มีความปลอดภัยสูง ผ่านองค์การอาหารและยาของ 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง USA, EU และ ไทย Belotero Revive Filler ช่วยอะไรบ้าง ทำให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม Belotero Revive Filler ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และสามารถทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม เราจะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ คุณสมบัติเด่นของ Belotero Revive ทั้ง 3 ประการได้แก่ ทั้งสองส่วนประกอบหลักอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้น คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะต่างๆ หรือผิวที่เกิดจากภาวะคอลลาเจนลดลงจากอายุที่มากขึ้น โดยเหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่นหรือขาดความกระชับ รวมถึงมีปัญหาริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้าด้วยคุณสมบัติเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต็มขั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ 4 มิติ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว โดยจากประสบการณ์หลังฉีด จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผิวจะมีความแวววาว ดูละเอียด เรียบเนียนมากขึ้น ชัดเจนหลังจากที่ตัว Hyaluronic acid และ Glycerol กลืนตัวกับชั้นผิวได้ 100% และ เข้าทำการเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้อย่างดีที่สุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ผลการรักษาคงอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ตรงที่จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero Revive มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Merz Aesthetics Belotero Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสม เมื่อนำ Belotero Revive มาใช้ก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (Kertatinized layer of skin) จึงมีความสมบูรณ์ในเรื่องการเพิ่ม Hydration ตั้งแต่ผิวชั้นใน จนถึงผิวชั้นนอกสุด โดยสามารถล็อกความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังแท้ และผิวที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากการอิ่มน้ำ จะทำให้มีความเรียบเนียน ฉ่ำวาว หรือที่หลายคนเรียกว่า “Glass Skin” หรือผิวกระจก นั่นเอง Belotero Revive Filler ต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร Belotero จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและจุดที่เหมาะสมแก่การฉีดที่ไม่เหมือนกัน สำหรับรุ่น Belotero Revive กับรุ่นอื่น ๆ จะมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตา และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่นอกจากฟิลเลอร์คาง แล้ว ยังมีขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่ และต้องฉีดบ่อยแค่ไหน จากผลการศึกษาของ BELOVE study1 พบว่า BELOTERO REVIVE แสดงผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน และมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ดังนี้ Belotero Revive มีความสามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานได้ยาวนานมากถึง 9 เดือนในการรักษาเพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น ด้วยความเข้มข้นของตัวยาที่มี HA concentration สูงร่วมกับ Glycerol อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตามผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองและสภาพปัญหาผิวพรรณของผู้รับบริการ แต่ละท่าน โดยสามารถทำซ้ำได้ที่ 4 เดือน หลังการฉีดครั้งแรกในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ในรายปกติ อาจจะทำซ้ำที่ 9-12 เพื่อคงผลการรักษาไว้ต่อเนื่อง แนะนำ Belotero Revive Filler ที่ Infiniz Clinic ที่ Infiniz clinic ก่อนทำการฉีดมีการประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณ รวมถึงความหนาของชั้นผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ 3D Skinboosters by Belotero Revive เพื่อกำหนดชั้นผิวที่ต้องการฉีดเข้าซ่อมแซมได้อย่างตรงจุด ด้วยเทคนิค Mid-Dermis Injection ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฉีด Belotero Revive เพื่อที่ตัว HA จะเข้าสู่ชั้น Deep Dermis ได้ดี ส่วนตัว Glycerol จะลอยมาอยู่ในชั้นของ Keratin เปรียบเสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนี้ ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง จึงจะกำหนดความลึกของเข็มได้อย่างแม่นยำในแต่ละจุด เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนกว่า ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic Reference
ทำความรู้จัก Rejuran ฉีดผิวคืออะไร ดีไหม และสามารถช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
Rejuran นวัตกรรมสารสกัดจาก DNA ของสเปิร์มปลาแซลมอนตัวดัง ด้วยเอกสิทธิ์ความเข้มข้นของโมเลกุล Polynucleotide เข้าไปจัดการซ่อมแซม เซลล์ผิวระดับ DNA แก้ไขให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ขึ้น เรียบเนียน สว่างสดใส ฉ่ำวาว อีกหนึ่งโปรแกรม Anti-Aging ของการรักษาผิวพรรณและยังรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากการเสียสมดุลของโครงสร้างผิวหนังอีกด้วย Rejuran คืออะไร สารสกัดเข้มข้น Polynucleotide ซึ่งสกัดจาก DNA ของ sperm ปลาแซลมอนชนิดที่แข็งแรงที่สุด โดย Polynucleotide นี้ถูกสกัดมาด้วยกรรมวิธีปลอดเชื้อ ในรูปเจลใส ด้วยเทคโนโลยี Skin Rejuvenation Booster หลังจากฉีดเข้าสู่เซลล์ผิว จะมีการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมามีพลังงานที่ดีขึ้น การทำงานระดับเซลล์จึงเป็นปกติ รวมทั้งมีการเหนี่ยวนำให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น เช่นการสังเคราะห์คอลลาเจน ความยืดหยุ่น รวมทั้งการปรับสมดุล ภายในและระหว่างเซลล์ ทั้งชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า โมเลกุล Polynucleotide นี้ เป็นโมเลกุลที่ผ่านการทดสอบว่าเข้ากันกับเซลล์ผิวมนุษย์ ไม่เกิดปฏิกิริยาผิดปกติจากร่างกาย โดยสามารถสลายได้เองตามขบวนการตามธรรมชาติ ไม่เกิดสารตกค้างภายในร่างกาย ผ่านการวิจัยทางคลินิกแล้วว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกาย Rejuran ฉีดผิวแล้วช่วยเรื่องอะไรบ้าง หลังจากการใช้เข็มส่งผ่านตัวยา Rejuran ฉีดผิว นั้น เซลล์ผิวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ ดังนี้ Rejuran เหมาะกับใครบ้าง Rejuran เหมาะกับทุกวัย เนื่องจากคุณสมบัติช่วยในเรื่องการปรับแก้ไขเซลล์ผิวที่เสื่อม หรือ ผิวที่ขาดความสมดุลได้ดี ดังนั้น จึงเหมาะในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณที่หลากหลาย Rejuran ดีไหม? ต้องฉีดบ่อยเท่าไหร่จึงจะเห็นผล การฉีด Rejuran บ่อยเท่าไหร่จึงจะเห็นผล คุณจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยค่อยๆเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด และ จะค่อยๆดีขึ้น จนครบ 1 เดือน สิ่งที่จะสังเกตได้ก่อนคือ ผิวดูใส สว่าง เรียบเนียน มากขึ้น แนะนำทำการฉีดต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ครั้ง ห่างกัน ทุก 1 เดือน เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และหลังจากนั้น สามารถฉีดกระตุ้น เพื่อชะลอวัย ได้ทุก 4-6 เดือน แนะนำฉีด Rejuran ที่ Infiniz Clinic การฉีด Rejuran ที่ Infiniz Clinic ควบคุมการรักษาโดย หมออู๋ และทีมแพทย์ อาศัยการฉีดแบบ Skin Weaving Technique คือการ Incoporate ตัวโมเลกุล Polynucleotide เข้าสู่ชั้นผิวทั้งหมดทุกชั้นผ่านเข็มขนาดเล็กมาก เพื่อเข้าไปซ่อมเซลล์ผิวได้ท้ั้งหมด โดยข้อดีของเทคนิคนี้คือ ไม่บวมแดง ผิวหนังไม่อักเสบหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ฉีดพร้อมฟิลเลอร์ได้ และจะได้ผลอย่างชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากการแก้ไขปัญหาทั้งผิวชั้นบน (Epidermis) และ ผิวชั้นล่าง (Dermis) ซึ่งตอนนี้ทาง Infiniz Clinic มีราคาโปรโมชั่นการฉีด Rejuran 19,000 บาท / 2 CC เท่านั้น
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยโปรแกรม Magic Lift โดยทีมแพทย์ Infiniz clinic
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม เพื่อให้ได้ผลที่พึงพอใจแบบปลอดภัยแล้ว จำเป็นจะต้องอาศัยฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและปลอดภัย 100% รวมทั้งการฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญการและประสบการณ์สูง ซึ่งหลังจากฉีดแล้วก็จำเป็นต้องอาศัยการดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสวยงามไม่ผิดรูป รวมถึงเพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้ยาวนานที่สุด โปรแกรม Magic Lift การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขร่องแก้มลึก และกระชับทรงแก้มนั้น เป็นโปรแกรมยอดนิยมลำดับต้น ๆ ในกลุ่ม Infiniz Filler (โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์โดยทีมแพทย์ Infiniz clinic) นอกจากคุณหมอจะพิถีพิถันเรื่องความปลอดภัยขณะฉีดแล้ว ยังมักจะแนะนำข้อมูลปฏิบัติตัวแก่ผู้รับบริการหลังฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มด้วย ผลข้างเคียงพร้อมวิธีการดูแลหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ผลข้างเคียงพร้อมวิธีการดูแลหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หลังการฉีดอาจจะมีอาการระบมจากรอยเข็ม และปื้นแดงจากการทำความสะอาดหรือขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ แต่ไม่เจ็บมากและจะค่อย ๆ ลดลงหลังฉีด 5-10 นาที รอยแดงอาจจะคงอยู่ได้ประมาณ 2-3 วันหลังฉีด และค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ผิวอาจจะแห้งและลอกได้ในกลุ่มผู้รับบริการที่ผิวแพ้ง่าย (sensitive skin) ซึ่งในเคสแบบนี้แนะนำทา moisturizer และเลี่ยงครีมหรือเครื่องสำอางที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หากมีอาการปวดมาก สามารถทานยาแก้ปวด paracetamol ได้ในช่วง 1-2 วันแรก แต่หากอาการปวดมากยังคงอยู่ อยู่แนะนำนัดพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการเบื้องต้น หากมีอาการบวมระบมบริเวณที่ฉีด สามารถใช้ cold pack ที่ไม่เย็นจัดจนเกินไป ประคบเบา ๆ แบบไม่กด เพื่อช่วยบรรเทาอาการระบมจากเข็มได้ในช่วง 1-2 วันแรก หากทำวิธีดังกล่าวแล้วยังมีอาการอยู่มากแนะนำให้นัดพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการ งดการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ งดการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนไปยังบริเวณรอยเข็มและเกิดการติดเชื้อได้ และ การสัมผัสที่แรงเกินไปทำให้ ฟิลเลอร์ที่วางไว้ เสียทรงจากที่ทำหัตถการไว้เรียบร้อยแล้ว งดออกกำลังกายหนัก งดออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 วันแรกโดยเฉพาะท่ามกลางความร้อน เพราะอาจจะยิ่งกระตุ้นให้อาการบวม ระบม เป็นมากขึ้นได้ เลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน เนื่องจากฟิลเลอร์จะสลายได้เร็วขึ้นเมื่อโดนความร้อนและแสงแดด จึงแนะนำการโดนความร้อนและตากแดด โดยไม่จำเป็น เพื่อคงสภาพฟิลเลอร์ไว้ให้นานที่สุด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ จากงานวิจัยพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่จะเกิดการกระตุ้นให้ระบบร่างกายมีทำลาย ฟิลเลอร์ในชั้นผิวเร็วขึ้นกว่าปกติ ทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังฉีดอย่างต่อเนื่อง ทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังฉีดอย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่แพทย์มีสั่งยาหลังจากทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์นั้น แนะนำให้ทานยาเคร่งครัด ตามที่ระบุไว้ เพื่อช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีด หรือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อบางอย่างที่จำเป็น เช่น ในรายที่เคยเป็นเริมบริเวณริมฝีปากมาก่อน แพทย์มักสั่งยาป้องกันการติดเชื้อไวรัสเริม ในกรณีที่มีการฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปากเป็นต้น นอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหน้าอก ควรนอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหน้าอก ในรายที่มีการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่วมกับบริเวณอื่นและมีปริมาณหลาย CC อาจจะมีอาการระบมใต้ชั้นผิวมากกว่าปกติ ในช่วง 2-3 วันแรกจึงแนะนำนอนหัวสูงเพื่อลดอาการระบมใต้ผิวและให้อาการดังกล่าวหายเร็วขึ้น ดื่มน้ำมาก ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เนื่องจาก Hyaluronic acid เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ เป็นการช่วยให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อิ่มฟูได้ดีขึ้น และคงอยู่ได้อย่างยาวนาน ในบางครั้ง บริเวณที่ฉีดอาจจะดูแฟบลงเมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่การดื่มน้ำกลับทำให้ผิวบริเวณนั้นอิ่มฟูกลับมาเป็นปกติก็เป็นได้ งดการทำหัตถการ เลเซอร์ งดการทำหัตถการ เลเซอร์ รวมถึงเครื่องยกกระชับทุกประเภท นวดหน้า ผลักวิตามินเบื้องต้นประมาณ 2 สัปดาห์ หลังทำหัตถการควรหลีกเลี่ยงการเข้า Stream Sauna Hot Yoga ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อลดอาการระบม อักเสบ เพื่อให้ ฟิลเลอร์เซ็ทตัวได้อย่างดีเยี่ยม และ ป้องกันการสลายตัวก่อนเวลาอันควร รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากมีอาการแพ้หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม (ติดตามอาการหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างใกล้ชิดจากคุณหมออู๋ ที่ Infiniz Clinic) Infiniz clinic มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลระหว่างทำหัตถการโดยแพทย์ และ หลังฉีดตลอดจนติดตามอาการดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างมืออาชีพ ดังนีั้น หากมีอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ใด ๆ เช่น บวม เจ็บ ช้ำ มากผิดปกติ หรือ ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีสีแดงหรือม่วงคล้ำผิดปกติ แนะนำให้สอบถามอาการหรีอติดต่อ คลินิกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางคลินิก มีทีมงานคอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ตลอดเวลาค่ะ
สร้างโหงวเฮ้งให้ปังรับโชค ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
การทำหัตถการในบางกรณี ไม่ใช่ทำเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำไปเพื่อการเสริมดวง ปรับโหงวเฮ้ง แก้ไขโชคชะตาให้เกิดความสมดุลของชีวิตมากขึ้นตามความเชื่อของแต่ละบุคคล หัตถการอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ ก็คือฟิลเลอร์ขมับ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการทำฟิลเลอร์บริเวณขมับ ต้องทำอย่างไรถึงจะมีโหงวเฮ้งที่ดี ทำวิธีไหนได้บ้าง ข้อดีของการทำฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวดียังไง และฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่ โหงวเฮ้งขมับที่ดี ควรมีลักษณะอย่างไร บริเวณขมับในอุดมคติที่ดี ควรมีลักษณะเติมเต็มเรียบเนียนพอดีกับบริเวณหน้าผากและโหนกแก้มในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยสัดส่วนความนูนของบริเวณขมับนั้นมีสัดส่วนที่ต้องคำนวณออกมาอย่างสมดุล ให้สอดคล้องกับขนาดของหน้าผาก รอบดวงตา จมูก และ โหนกแก้ม ทั้งหมดอย่างพอดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของรูปทรงขมับที่ออกมาสวยงามตามอุดมคติที่รับกับรูปหน้าของผู้รับบริการแต่ละบุคคล ลักษณะโหงวเฮ้งของขมับที่ดี มักจะดูควบคู่กับบริเวณหน้าผาก โดยแบ่งลักษณะได้ดังต่อไปนี้ ปรับโหงวเฮ้งขมับสามารถทำวิธีไหนได้บ้าง วิธีที่นิยมคือการเติมเต็มบริเวณขมับตอบให้ดูเต็มขึ้น เรียบเนียน และ รับกับสัดส่วนบริเวณหน้าผาก และ โหนกแก้ม นั่นเอง ข้อดีปรับโหนกแก้มให้เล็กลงด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับนอกจากจะทำให้ขมับมีความเติมเต็มแล้ว การฉีดด้วยตัวฟิลเลอร์ที่มีความสามารถในการยกกระชับด้วยปริมาณ ฟิลเลอร์จำนวนน้อย ย่อมทำให้ กล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มที่หย่อนคล้อย ถูกยกกระชับเข้าทรงมากขึ้น ทำให้โหนกแก้มดูเล็กลงไปโดยปริยาย ถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมสำหรับสาวโหนกแก้มใหญ่ ที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล อย่างไรก็ตามการหวังผลเรื่องการปรับโหนกแก้มให้เล็กลง ด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างสรีรศาสตร์ของโหนกแก้มและขมับเป็นอย่างดี รวมทั้ง เข้าใจประสิทธิภาพของตัว ฟิลเลอร์แต่ละชนิดอย่างดีว่าหลังเติมเต็มบริเวณขมับไปแล้วสามารถปรับได้มากน้อยแค่ไหนและเหมาะสมกับผู้รับบริการหรือไม่ ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานเท่าไหร่ อินฟินิซ คลินิก โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับมาอย่างยาวนานและรู้ถึงข้อดี ข้อเสีย ของฟิลเลอร์แต่ละชนิด รวมทั้งประสิทธิผลที่ได้หลังฉีดว่าเหมาะกับผู้รับบริการหรือไม่ ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้การฉีดบริเวณขมับ ได้แก่ นอกจากนี้ยังมีการใช้ตัว Collagen Biostimulator (Sculptra) มาใช้บริเวณขมับในเรื่องของการเพิ่มคอลลาเจนและยกกระชับโครงสร้างบริเวณขมับ หางตา คิ้ว อีกด้วย โดยผลการรักษาแนะนำทำ 3 cycle ใน 3-6 เดือน โดยผลคงอยู่ได้ประมาณ 2 ปี วิธีนี้ เหมาะกับผู้รับบริการที่ขมับค่อนข้างเต็ม หรือตอบไม่มาก และต้องการผลเรื่องของการยกกระชับอีกด้วย ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวและการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ของผู้รับบริการแต่ละท่าน**
ฟิลเลอร์ belotero ดียังไง แต่ละสีมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไร
ฟิลเลอร์ belotero ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถแก้ไขได้ทุกริ้วรอยบนใบหน้า สร้างผิวเรียบเนียนสวยฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยฟิลเลอร์เนื้อเนียนจากสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ประเภทเติมเต็มให้ผิวสวยอย่างต่อเนื่องจากยุโรป เติมเต็มได้ทุกสภาพผิว เน้นความเรียบเนียนได้ทุกสัมผัส ไม่เป็นก้อน มีความปลอดภัยสูง และไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ Belotero คืออะไร ฟิลเลอร์ Belotero คือหนึ่งในฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic acid ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความนิยม แพร่หลายในกลุ่มแพทย์ผิวหนังและความงามทั่วโลกนำมาใช้ในการแก้ไขเติมเต็มส่วนบกพร่องกับปรับรูปหน้าเช่นกัน นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics Thailand โดยผ่านการรับรองจาก US FDA, Thai FDA (อย.) CE Mark (Europe) และมีการยอมรับถึงความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน เนื่องจาก Belotero Filler ตัวโมเลกุลของ HA มีการรวมตัวกันขึ้นในรูปแบบของ patented CPM® (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ทำให้ตัวเจลมีความสามารถในการกลืนตัวกับผิว เรียบเนียนไปกับผิวของผู้รับบริการที่หลากหลายได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เกิดก้อนและด้วยขนาดของโมเลกุลที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นของ Belotero ทำให้มีความสามารถในการยึดเกาะในแต่ละตำแหน่ง ความยืดหยุ่น และ ความขึ้นรูป ในแต่ละบริเวณที่ได้รับการฉีดได้อย่างเหมาะสม ฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม บางคนอาจจะสงสัยว่า ฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม ต้องบอกก่อนว่าเป็นฟิลเลอร์เนื้อเนียนจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่โดดเด่นในเรื่องความเรียบเนียนและกลืนตัวกับผิวค่อนข้างมาก จึงเหมาะกับผู้รับบริการที่กลัวการเกิดก้อนหลังฉีด หรือผู้มีสภาพผิวบางและต้องการ การเติมเต็มหรือปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนถึงผิวสัมผัส หลังฉีดจะได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ โดยแนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดของ ฟิลเลอร์สวิตที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการรักษาสำหรับแต่ละบุคคล โดยสามารถแก้ปัญหาได้ดังต่อไปนี้ Belotero อยู่ได้นานไหม สำหรับ Belotero อยู่ได้นานหรือเปล่า ต้องบอกว่า ตัวเจล HA Belotero Filler ผ่านขบวนการผลิตด้วย กระบวนการ Dynamic Cross-Linking Technology (DCLT) โดยการมีการยึดเกาะกันของตัวเจลที่หนาแน่นมากขึ้น เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ฟิลเลอร์คงสภาพในผิวหนังได้ยาวนานขึ้นกว่าปกติ โดยเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และสภาพผิวหนังและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผิวของผู้รับบริการหลังทำ จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero แต่ละสี จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero จะมีความแตกต่างกันไป เนื่องจากแต่ละสี จุดที่สามารถรักษาได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในส่วนนี้ เราจะพาคุณไปดูว่าแต่ละสีมีจุดเด่นด้านไหนกันบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด และไม่ตกเป็นเหยื่อของการทำหัตถการจากคลินิกอื่น ๆ ทั้งนี้แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะพิจารณาชนิดของฟิลเลอร์ Belotero แก่ผู้รับบริการอีกครัง Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่ของฟิลเลอร์ เช่น คาง ขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement ฟิลเลอร์ Belotero แบบไหนเหมาะกับคุณ สำหรับคนที่ต้องการใช้ฟิลเลอร์ Belotero เพื่อต้องการลดเลือนริ้วรอย สิ่งหนึ่งที่คุณต้องคำนึงถึงก็ คือ ต้องการแก้ปัญหาที่ส่วนใด เพราะแต่ละสีจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ต้องเลือกสีให้ตรงกับความต้องการ เช่น ถ้าอยากได้ช่วยเรื่องรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก และรอบปากให้มีความเรียบเนียน ต้องใช้ฟิลเลอร์ปาก Belotero Balance เพื่อเพิ่ม volume ในผู้มีปากบาง แต่อาจจะใช้ Belotero Intense ในสาวที่อยากมีริมฝีปากขนาดใหญ่มากขึ้นและขอบปากเด้งแบบ สาย ฝ นั่นเอง ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อผลลัพธ์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการรับหัตถการแต่ละครั้ง
เช็คอาการแพ้ฟิลเลอร์ ดูได้จากอะไร พร้อมแนวทางแก้ไข
Filler ที่ใช้กันในปัจจุบัน เริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มแพทย์ความงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid ยังคงเป็นกลุ่มฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด แม้ว่าฟิลเลอร์ตัวนี้ มีโอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก แต่ในบางเคสก็หลีกเลี่ยงปัญหานี้ไม่ได้ ซึ่งในวันนี้หมอจะมาพูดถึงเกี่ยวกับผลข้างเคียง และอาการแพ้จากฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic acid รวมถึงแนวทางการรักษาเบื้องต้น พร้อมแนวทางแก้ไขของปัญหาดังกล่าว สำหรับบทความนี้กันครับ อาการแพ้ฟิลเลอร์มีลักษณะอย่างไร อาการแพ้ Hyaluronic acid เกิดขึ้นได้ยากมาก และจากประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ส่วนตัวยังไม่พบอาการแพ้จาก HA Filler แต่อย่างใด ส่วนมากจะเป็นแค่อาการข้างเคียงจากการฉีด เนื่องจากต้องใช้เข็ม ได้แก่ อาการบวม อาการระบม รอยช้ำ รอยแดง หรืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีด เช่นการฉีดฟิลเลอร์คาง ก็อาจจะระบมที่คางเป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นใน 3-7 วัน แล้วแต่สภาพผิวเดิมของผู้รับบริการ โดยอาการดังกล่าวจะดีขึ้น หากได้รับการแนะนำจากทีมแพทย์ที่ถูกต้องและเหมาะสม สำหรับอาการแพ้จากตัว Hyaluronic acidacid จริงๆ สามารถสรุปได้เป็น 2 แบบคือ 1. Acute phase reaction to hyaluronic acidมักพบในผู้มีประวัติแพ้ Hyaluronic acid อยู่แล้ว หรือ ส่วนประกอบอื่นที่เติมเข้ามาในขบวนการผลิต เช่น ยาชา หรือ สารที่ช่วยให้ฟิลเลอร์เกาะตัวกัน (Cross-linkage) ดังนั้นการเลือกชนิดหรือยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน แพร่หลายและมีรายงานการแพ้ที่น้อยมาก ย่อมลดโอกาสการแพ้ HA Filler ได้นั่นเอง โดยอาการในแบบแรกนี้ มักมีอาการเกิดขึ้นทันทีขณะฉีด หรือหลังฉีดไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง เช่น อาการบวมแดงเป็นก้อน บริเวณที่ฉีด และบางรายอาจจะมีอาการลมพิษเฉียบพลันเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า และตามตัว รวมทั้งอาการตาบวม ปากบวม ร่วมด้วย อาการแพ้ในรูปแบบนี้พบได้น้อยกว่า 1% ในประชากรโลก 2. Delayed phase Reaction to Hyaluronic acidอาการแพ้แบบเกิดขึ้นภายหลังนี้ ส่วนมาก แยกออกเป็น 2 กรณีคือ ฟิลเลอร์อักเสบเกิดจากอะไรได้บ้าง แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การรักษาเบื้องต้นหากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ การรักษาเบื้องต้นหากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ Hyaluronic acid เพื่อการรักษาที่มีความเฉพาะเจาะจงและทันท่วงที เพื่อลดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นต่อผิวหนังบริเวณที่ทำการฉีด อาการแพ้ Hyaluronic acid แบบทันที มักมีอาการรุนแรง แพทย์มักจะต้องให้ยาลดอาการอักเสบทางเส้นเลือดและยารับประทาน ควบคู่กับ การฉีดยาสลาย Hyaluronic acid ทันที พร้อมทั้งสังเกตอาการเป็นระยะ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หากแพทย์ตรวจพบว่า เป็นอาการแพ้ Hyaluronic acid ที่เกิดภายหลังอาจจะต้องมีการตรวจ Test เพื่อ confirm และในระหว่างนั้น อาจจะมีการรักษาปฏิกิริยาจากการแพ้ควบคู่กันไป เช่น การฉีดสลาย Hyaluronic acid ร่วมกับยารับประทานเพื่อลดการอักเสบต่อไป สำหรับในกรณีการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ก็ต้องมีการฉีดสลาย Hyaluronic acid ควบคู่กับการให้ยาฆ่าเชื้อ โดยแพทย์จะต้องพิจารณาเป็นรายเคสไป ตามความเหมาะสม ร่วมกับการรักษาสภาพผิวหนังให้กลับคืนสภาพโดยเร็ว ไม่อยากเสี่ยงแพ้ฟิลเลอร์ต้องทำอย่างไร สำหรับผู้รับบริการที่ต้องการเข้ารับการฉีด HA Filler หมอมีข้อแนะนำให้เตรียมตัวดังนี้ครับ
ทำความรู้จักฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ฉีดตรงไหนดี ทำไมคนนิยม
ทำความรู้จัก ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ดีไหม ทำไมถึงได้รับความนิยม เมื่ออายุเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดได้ การก้าวเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มสาวสิ่งนึงที่จะตามมาแน่นอนก็คือเรื่องของริ้วรอยกับความหย่อนคล้อย ซึ่งสำหรับบางคนก็เป็นปัญหากวนใจไม่ใช่น้อย จึงต้องหาตัวช่วยที่ประคองผิวไม่ให้ทรุดโทรมไปตามช่วงอายุ สิ่งนั้นก็คือเรื่องของฟิลเลอร์แต่ก่อนจะไปฉีดฟิลเลอร์เพื่อกระชับผิว ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ก่อนเพื่อป้องกันการโดนหลอก โดยวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ Jubederm ว่าคืออะไร มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นเหมาะสำหรับฉีดตรงไหน พร้อมวิธีเช็คว่าเป็นของแท้หรือปลอม ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ฟิลเลอร์ Juvederm คือ สารที่ใช้เติมเต็มใต้ผิวหนังหรือที่เรียกทั่วไปว่า ฟิลเลอร์ ผลิตจากไฮยาลูโรนิค เอซิด (HA) ใช้สำหรับฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มปริมาตร ยกกระชับ ปรับคุณภาพผิว รวมถึงการปรับรูปหน้า โดยต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ที่สำคัญสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย (Thai FDA) นอกจากนี้ Juvederm คือ พรีเมี่ยมฟิลเลอร์จากอเมริกา ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกและมีการใช้อย่างแพร่หลายมาอย่างยาวนาน โดยแพทย์ผิวหนังและความงามในระดับสากล ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand หรือบริษัทเดียวกับที่ผลิตสารลดเรือนริ้วรอยจากอเมริกา Juvederm แต่ละรุ่นมีอะไรบ้าง สำหรับ Juvederm แต่ละรุ่น ทาง Allergan Aesthetics ผู้นำนวัตกรรมความงามจากสหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์ด้านการผลิตฟิลเลอร์ยาวนานมากกว่า 36 ปี โดยใช้วิธีการผลิตที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล มีการขึ้นทะเบียนทั้ง อย. ไทยและอเมริกา วางขายไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในปัจจุบันมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของโลก ประเทศไทยมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มมากถึง 7 ชนิด ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้เหมาะกับแต่ละส่วนบนใบหน้า ตั้งแต่บริเวณขมับ ใต้ตา แก้ม ร่องแก้ม ปาก คาง/กราม รวมถึงการปรับคุณภาพผิวด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเกิดความพึงพอใจสูงสุด Juvederm filler ตัวเจลไฮยาลูโรนิค แอซิด พรีเมี่ยมฟิลเลอร์จากอเมริกา ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยี โดยมีลักษณะของเจลที่มีความแตกต่างกัน แพทย์ผู้ฉีดที่มีประสบการณ์สูงและเห็นผลการรักษามาหลายปีสามารถใช้ข้อดีของเจลในแต่ละเทคโนโลยีมาใช้ สร้างสรรค์การเติมฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าและสร้างสมดุลของใบหน้าได้ผลที่ดีและไม่มีผลข้างเคียง Juvederm Filler แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้ Hyacross Technology VyCross Technology ฟิลเลอร์ Juvederm เหมาะกับฉีดบริเวณไหนบ้าง ฟิลเลอร์ Juvederm เหมาะกับการฉีดบริเวณที่แตกต่างกัน Juvederm Filler ผ่านการรับรองและนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องในประเทศไทยมีทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่น มีคุณสมบัติ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีด และระยะเวลาที่อยู่ในชั้นผิวหนังได้ในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้ Juvederm Volux Juvederm Voluma Juvederm Volift Juvederm Volbella Juvederm Volite Juvederm Ultra XC Juvederm Ultra Plus XC ฟิลเลอร์ Juvederm ดีอย่างไร และแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไรบ้าง ฟิลเลอร์ Juvederm มีความแตกต่างในด้านเทคโนโลยีการผลิตที่เฉพาะทั้งในกลุ่มที่เพิ่ม volume (Hyacross) และกลุ่มที่มีการขึ้นทรงและยกกระชับได้สูง (Vycross) แต่ทั้งสองเทคโนโลยีมีการกลืนตัวกับผิวสูงมากมีความคงตัวในชั้นผิวหนังจริง ๆ ได้ยาวนานที่สุดในท้องตลาดโดยใน series ที่อยู่ได้ยาวนานที่สุดในงานวิจัยคือ Juvederm Voluma & Volux คือ 2 ปี การออกแบบผลิตภัณฑ์ Juvederm Filler มีหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาบนใบหน้าในทุกบริเวณ โมเลกุลของฟิลเลอร์มีความคงตัวและยืดหยุ่นสูงมากทำให้ฟิลเลอร์ Juvederm มีความโดดเด่นมากในเรื่องของการยกกระชับผิวนอกเหนือจากการเติมเต็มเพียงอย่างเดียว Juvedrem ของแท้ดูอย่างไร Juvederm ของแท้ตรวจสอบได้ง่ายๆ เนื่องจากปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ Juvederm Filler มีความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในคลินิกความงาม ก่อนทำการรักษา ผู้รับบริการควรตรวจสอบ ว่าเป็น juvederm Filler แท้ โดยมีหลักการสังเกต ดังต่อไปนี้
ทำความรู้จักกับ HA Filler สารเติมเต็มที่ Infiniz Clinic เลือกใช้
มาทำความรู้จักกับ HA Filler สารเติมเต็มที่ Infiniz Clinic เลือกใช้ หนึ่งในรูปแบบของการพัฒนาตัวเอง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความงาม เพราะคนเราเมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพหรือผิวพรรณ ที่ต้องทำให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ HA Filler ว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร เหมาะกับใคร เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ก่อนใช้บริการ HA Filler คืออะไร HA Filler (Hyaluronic Acid Filler) เป็นฟิลเลอร์ใช้ในการเติมเต็ม และเสริมส่วนบกพร่องมายาวนาน HA Filler ผลิตจากไฮยาลูโรนิค แอสิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ด้วยกระบวนการ Minimal Stabilization ส่งผลให้ HA สามารถคงอยู่ภายใต้ผิวหนังได้ยาวนานขึ้น HA ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้ารอบตัว ทำให้สามารถเติมเต็มเนื้อเยื่อให้กับผิวหนัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปกติเมื่อคุณมีอายุมากขึ้นไฮยาลูโรนิค แอสิด ธรรมชาติที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะมีปริมาณที่ลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย โครงสร้างใบหน้าแลดูหย่อนคล้อย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยอย่าง HA Filler เพื่อความอ่อนเยาว์ที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น HA Filler ทำงานอย่างไร หลักการทำงานของ HA Filler เมื่อเติมเต็มด้วย HA Filler จะช่วยเพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าของคุณกลับมาเต่งตึง และสามารถเติมเต็มริ้วรอย ให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติในทันที ด้วยความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก HA Filler เป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการภายใต้ความปลอดภัย สูงสุด HA Filler สามารถทำให้คุณสวยอย่างเป็นธรรมชาติได้ในทันที และจะคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทั้งนี้ฟิลเลอร์บางชนิดสามารถอยู่ได้ถึง 2 ปี HA Filler เหมาะกับใคร ถ้าถามว่า HA Filler เหมาะกับใคร จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล แต่กลุ่มที่เหมาะในการจะมาใช้บริการ HA Filler มีดังนี้ HA Filler ฉีดตรงไหนดี สำหรับคำถามที่ว่า HA Filler ฉีดตรงไหนดี นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่สงสัย ซึ่งสามารถตอบได้ตรงนี้เลยว่า จุดฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมประกอบไปด้วย ร่องแก้ม การฉีด HA Filler บริเวณร่องแก้ม เหมาะกับใบหน้าที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย เพราะจะช่วยกักเก็บน้ำไว้ชั้นใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มบริเวณช่องว่างของชั้นเซลล์ผิว ส่งผลให้ร่องแก้มที่ดูลึกนั้นตื้นขึ้น เรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ขมับ การฉีด HA Filler บริเวณขมับ เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องโหนกแก้มสูง ผิวหน้าแก่กว่าวัย จะช่วยให้ใบหน้าได้สัดส่วนสวยงาม ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น จมูก การฉีด HA Filler บริเวณจมูก เหมาะสำหรับคนที่ไม่มั่นใจทรงจมูกของตัวเอง ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยในส่วนของการปรับสันจมูกให้ได้รูป หรือมีความโด่งเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ใต้ตา การฉีด HA Filler บริเวณใต้ตา เหมาะสำหรับคนที่บริเวณร่องใต้ตาลึก มีถุงไขมันใต้ตา ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนคนที่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และยังช่วยลดรอยดำ ร่องลึก อีกด้วย ริมฝีปาก การฉีด HA Filler บริเวณริมฝีปาก เหมาะสำหรับคนที่ปากไม่ได้รูป โดยฉีดเพื่อให้ปากมีความอวบอิ่ม เติมเต็มบริเวณร่องปาก ยกมุมปากให้ได้ทรงสวย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด บริการ HA Filler ที่ Infiniz Clinic HA Filler ที่ Infiniz Clinic เลือกใช้ HA Filler ผลิตจากประเทศสวีเดนและอเมริกาเท่านั้น โดยถูกนำมาใช้แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ตั้งแต่ปี 1996 และปัจจุบันได้มีการใช้ HA Filler อย่างแพร่หลาย มากกว่า 28,000,000 การรักษา และมีการใช้มากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยทาง Infiniz Clinic มีการใช้ HA Filler ในการรักษาแทบทุกปัญหาของผิวตั้งแต่ร่องลึก ริ้วรอย ปรับรูปหน้า เสริมคาง จมูก แก้ไขปัญหาผิวขาดน้ำ หยาบกร้าน ขาดความยืดหยุ่น โดย 2 รุ่นที่ได้รับการยอมรับและนำเข้ามาใช้ภายในคลินิกคือ Restylane และ Juvederm เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลทันทีหลังทำหัตถการ
เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ต้องรู้จัก Skinboosters
สกินบูสเตอร์ (Skinboosters) ผลิตจากสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic acid หรือ HA) ที่ผ่านกรรมวิธีให้เกิดความคงตัวเป็นส่วนประกอบหลักในการปรับปรุงคุณภาพของผิว
ทำความเข้าใจเรื่อง Filler เติมเต็มอย่างปลอดภัย
Fillers ที่ปลอดภัยจะเป็นกลุ่มที่อยู่ได้ระยะเวลาหนึ่งนานพอควร แต่ไม่ถาวร (non permanent)
ข้อแตกต่างของการทำ 3D Skinboosters กับการฉีด HA Filler แบบเดิม ๆ
โมเลกุลตัวยาที่ กลืนกับผิวได้ดี และปลอดภัยผ่านการรับรองเรียบร้อยจาก อย. เพื่อทำให้การฉีดภายใต้ “Concept of Frame and Fresh”