Restylane Vital Light ฟิลเลอร์สำหรับลดริ้วรอยและร่องลึกใต้ตา
เพราะอายุที่มากขึ้น ริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่จะตามมา จึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีหยุดปัญหาดังกล่าว และรักษาผิวไม่ให้เกิดริ้วรอย ดังนั้นเลยต้องมีการใช้ฟิลเลอร์เข้ามาช่วยในการแก้ไข โดยในวันนี้เราอยากจะแนะนำยี่ห้อ Restylane เป็นตัว Restylane Vital Light หนึ่งในฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มในกลุ่ม HA ที่มีโมเลกุลบางเบา ช่วยแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตาได้ดี และจะพาไปดูความแตกต่างระหว่าง Restylane Vital กับ Restylane Vital Light ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รวมไปถึงข้อดีของการทำหัตถการดังกล่าว จาก Infiniz Clinic Restylane Vital Light คืออะไร มาจากไหน ? ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มในกลุ่มเจลไฮยาลูโรนิกแอซิด มีความสามารถในการเติมเต็มร่องลึก ลดเรือนริ้วรอย และยังสามารถดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามาเก็บไว้กับบริเวณผิวที่ทำการเติม ฟิลเลอร์ดังกล่าว ทำให้ผู้ที่รับการรักษานอกจากได้ปรับแก้ริ้วรอยร่องลึก เติมเต็มจุดที่บกพร่อง และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น Restylane ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากมีงานวิจัยเป็นจำนวนมาก ที่ยืนยันเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยหลังจากการรักษาด้วยฟิลเลอร์ดังกล่าว การใช้งานจึงกระจายออกสู่ 70 ประเทศทั่วโลก ไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ Restylane Vital กับ Restylane Vital Light ต่างกันยังไง ? สำหรับ Restylane Vital กับ Restylane Vital Light มีความแตกต่างดังนี้ Restylane Vital Light เหมาะสำหรับใคร ? Restylane Vital Light เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ โดยตัวเจล จะเข้าไปปรับสมดุลน้ำให้กับผิว และ กระตุ้นให้มีการจัดระเบียบของคอลลาเจนใหม่ นำมาซึ่ง ผิวเรียบเรียน อิ่มน้ำฉ่ำ โกลว์ รูขุมขนกระชับ และ ลดเรือนริ้วรอย นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตา โดยตัวเจลมีความบางเบา เหมาะกับการแก้ไขปัญหาบริเวณใต้ตาของสาวเอเชียได้อย่างเรียบเนียนและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ คุณหมออู๋ยังมีการนำมาใช้ในโปรแกรม Skinboosters Lip เพื่อรักษารอยแตกและเพิ่มความชุ่มชื้นกับ ริมฝีปาก อีกด้วย ก่อนฉีด Restylane Vital Light มีข้อห้ามอะไรบ้าง ? ข้อดีของการฉีด Restylane Vital Light มีอะไรบ้าง ? แก้ปัญหาร่องตื้นใต้ตา เลือก Restylane Vital Light ที่ Infiniz เทคนิคการแก้ไขปัญหาร่องตื้นๆใต้ตา ทาง infiniz clinic ใช้โปรแกรม 3D Skinboosters ลิขสิทธิ์เฉพาะของคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวส่วนตื้นของบริเวณใต้ตา โดยเฉพาะ โดยคุณหมอจะทำการตรวจประเมินสภาพปัญหาของผิวบริเวณใต้ตา และเลือกการใช้ Restylane Vital or Vital Light อย่างเหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องตื้นๆ บริเวณใต้ตาได้อย่างพอดี ด้วยเทคนิคการฉีดที่ใช้เข็มปลายทู่ขนาดที่เหมาะสม ทำให้ขั้นตอนการฉีดไม่ยุ่งยากซับซ้อน และ เข้าสู่จุดที่เป็นปัญหาบริเวณใต้ตาอย่างแท้จริง โดยไม่เกิดผลข้างเคียงต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณดังกล่าว ราคาโปรโมชั่นการฉีด Restylane Vital Light บริเวณใต้ตา เริ่มต้นที่ 16,500 บาท / CC
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล พร้อมวิธีดูว่าแพ้หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง
ความสวยงามเป็นเรื่องที่รอกันไม่ได้ ใครหลาย ๆ คน จึงยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันเลยเห็นว่าสถาบันความงาม หรือคลินิกต่าง ๆ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในหัตถการที่เป็นที่นิยมมากสุดที่เห็นผลอย่างรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้นในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นฟิลเลอร์ ซึ่งทาง Infiniz ได้มีการนำเข้าฟิลเลอร์หลายชนิด โดยในวันนี้จะพาไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ Belotero Reviveกันก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง พร้อมวิธีแยกระหว่างอาการแพ้กับผลข้างเคียง และใครที่เหมาะกับการฉีด รวมไปถึงควรฉีด Belotero ที่ไหนดี Belotero Revive คืออะไร ฉีดบริเวณไหน ต้องบอกในภาพรวมก่อนว่า Belotero Revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่ผ่าน อย.ยุโรป อเมริกา และไทย มีกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ คือ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเนียน เข้ากับผิวหน้าได้ดี ถูกออกแบบมาสำหรับการฉีดเข้าไปสู่ชั้นผิวระดับตื้นเพื่อปรับสภาพผิว โดยมีความพิเศษเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Hyaluronic Acid ถึง 20 mg/mL และ Glycerol เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 1,000 เท่า ตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก โปรแกรม Belotero Revive ที่ทาง Infiniz Clinic มีความพิเศษแตกต่างโดยจะใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดให้ได้รับความชุ่มชื้นต่อผิวชั้นตื้น และชั้นหนังแท้ ให้ผิวดูสวยฉ่ำโกลว์ ผิวอวบอิ่ม โดยเป็นงานฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นงานผิวโดยเฉพาะ Belotero Revive จึงได้รับสมญานามว่าตัวช่วยยืนหนึ่งเรื่อง “ผิวกระจก” Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ถ้าถามว่า Belotero ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล โดยปกติแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ตัวดังกล่าว จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ผิวจะดูอิ่มฟู ดูกระชับ ผิวชุ่มชื้น ผิวใส และภายใน 2 สัปดาห์ ผิวจะเพิ่มความเต่งตึงยิ่งขึ้นไปอีก และฉีด 1 ครั้ง มีผลรักษายาวนานถึง 9 เดือน แต่แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง เพื่อยืดเวลาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากที่สุด จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ Belotero Revive หรือเป็นแค่ผลข้างเคียง สามารถแยกประเภทได้ดังนี้ ผลข้างเคียงที่สามารถเกิดได้ปกติหลังฉีด BELOTERO REVIVE อาการแพ้ฟิลเลอร์ Belortero Revive อาการข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีวิธีการป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหรือกดเบียดเส้นเลือด จนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เป็นอย่างดี โดยต้องมีความรู้ ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ ของเนื้อเยื่อ และ บริเวณที่ทำการฉีดเป็นอย่างดี ตลอดจน ตรวจสภาพผิวก่อนฉีดเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใครคือคนที่ควรฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ฉีด Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลเทคนิคพิเศษต้องที่ Infiniz การฉีด Belotero Revive ที่ Infiniz Clinic โดยเบื้องต้นในทุกเคส แพทย์จะทำการประเมินผิว ก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีด ร่วมปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น ซึ่งเทคนิคการฉีด Belotero Revive โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม ไม่เกิดก้อนหรือลำฟิลเลอร์ผิดปกติในชั้นผิว และมีการกระตุ้นให้ผิวตอบสนองต่อ Belotero Revive ได้ดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของลูกค้าทุกคนออกมาอย่างพึงพอใจสูงสุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดก็ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการ โดยผู้รับบริการที่เข้ามาฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถมั่นใจได้เลยว่า ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงมีความปลอดภัย 100%
ฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ ปลอดภัย 100%
สิ่งสำคัญอันดับแรกในการรับบริการฉีด ฟิลเลอร์ในคลินิกและสถานพยาบาล คือ การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ โดยผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าที่ Infiniz clinic ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและเป็นของแท้เท่านั้น โดยทางเรายึดมั่นในงานบริการด้วยการมอบความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการในทุกขั้นตอนการทำหัตถการจึงเกิดเคสบอกกล่าวชักชวนมาใช้บริการกับคุณหมออู๋ และทีมแพทย์ Infiniz clinic อย่างต่อเนื่อง ด้วยความมั่นใจในคุณภาพบริการและผลการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากผู้รับบริการทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้รับบริการสามารถขอตรวจเช็กผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ก่อนรับบริการได้ทันที โดยเจ้าหน้าที่ยินดีให้ข้อมูลและวิธีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความมั่นใจของผู้รับบริการทุกท่าน ฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic เลือกใช้มีอะไรบ้าง ฟิลเลอร์ที่ทางคลินิก Infiniz ใช้ในตอนนี้มีทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ยี่ห้อ Juvederm ฟิลเลอร์ Juvederm (จูวีเดิม) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (THFDA) สหรัฐอเมริกา (USFDA) และ EDQM ผลิตโดยบริษัท Allergan บริษัทเดียวกับ Botox Allergan และถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัท Allergan Aesthetics Thailand มีด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่น ยี่ห้อ Restylane ฟิลเลอร์ Restylane ผลิตในประเทศสวีเดน ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตของฟิลเลอร์ Restylane ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane มีอยู่ 2 เทคโนโลยีที่โดดเด่นในผลิตขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ ซึ่งทำให้คุณสมบัติของฟิลเลอร์สามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคนไข้ในแต่ละจุด อย่าง NASHA techology และ OBT technology มีด้วยกันทั้งหมด 6 รุ่น ยี่ห้อ Belotero มีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น 3 วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ ที่ใช้ได้กับทุกยี่ห้อ ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบเลข LOT โดยต้องตรงกันทั้งหมด คือ เลข Lot. ที่กล่อง เลข Lot. ที่หลอด เลข Lot. ที่สติกเกอร์ และเลข Lot. ที่ซองบรรจุฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ปลอมอันตรายแค่ไหน หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายในช่วงแรกๆ อาจยังไม่มีการแสดงอาการใดๆ ออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์ปลอมอาจเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน หรือ เกิดรูปทรงผิดปกติ ไหลย้อย ฟิลเลอร์บวมจนเกิดการอักเสบ ผิวหนังแดงร้อน เป็นช่วงๆ หรือเป็นตลอด โดยอาการคงอยู่ไม่หายไป หากปล่อยให้ฟิลเลอร์ปลอมอยู่ในผิวหนังต่อไปอาจจะเกิดอันตรายเพิ่มขึ้นดังนี้ ฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic มั่นใจของแท้เท่านั้น ปลอดภัย 100% การฉีดฟิลเลอร์ที่ อินฟินิซ คลินิก ผู้รับบริการมั่นใจได้ถึงมาตรฐานงานบริการที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับแรก ทางคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น ปลอดภัย 100% สามารถตรวจสอบเลข Lot ที่กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ก่อนแกะออก และเลข Lot สติ๊กเกอร์ที่หลอด (Syringe) หรือซองบรรจุฟิลเลอร์ โดยทั้งหมดต้องตรงกัน หรือบางยี่ห้อ เช่น Restylane สามารถ scan QR code เพื่อตรวจสอบโดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกได้ตลอดการรับบริการ สิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือเรื่องของความซื่อสัตย์ต่อผู้รับบริการโดยก่อนทำการรักษาด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทุกบริเวณ แพทย์จะ โชว์กล่องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ แสดงยี่ห้อ วันหมดอายุ เลข Lot และฉีกซองบรรจุผลิตภัณฑ์ต่อหน้าผู้รับบริการก่อนทำการรักษา เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ถึงความถูกต้องของยี่ห้อผลิตภัณฑ์และเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง 100% ดังนั้นหากสนใจฉีดฟิลเลอร์ที่ Infiniz Clinic สามารถเข้ามารับคำปรึกษา จากแพทย์เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ และ มีการเลือกใช้ชนิดหรือยี่ห้อ ที่เหมาะสมกับปัญหาของผู้รับบริการ เฉพาะบุคคลนั้นๆ อย่างแท้จริง
Sculptra สารกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวเสียให้กลายเป็นผิวสวย
Sculptra คือสารกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ปรับโครงสร้างผิวหน้าจากภายใน และเพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิวหน้า เห็นผลลัพธ์หลังฉีดใน 3-4 สัปดาห์
มือใหม่ต้องรู้ ฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย ต้องดูที่อะไรบ้าง
มือใหม่ต้องรู้! อยากฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย ต้องดูที่อะไรบ้าง ขึ้นชื่อว่าความสวยความงาม เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากสัมผัสอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการส่วนไหน ถ้าทำแล้วเสริมสร้างความมั่นใจก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และสำหรับมือใหม่ที่สนใจและอยากจะลองฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อควรรู้ที่จำเป็นหากจะทำให้ปลอดภัย อาการข้างเคียงของการฉีด พร้อมวิธีดูแลตัวเอง ที่อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเสริมความงาม ข้อควรรู้ และพิจารณาก่อนฉีดฟิลเลอร์คางอย่างไรให้ปลอดภัย ข้อควรรู้และพิจารณาก่อนฉีดฟิลเลอร์คางอย่างปลอดภัย สามารถทำตามได้ดังนี้ เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางโดยคุณหมออู๋ เป็นการเติมฟิลเลอร์แบบกึ่งศัลยกรรม อาศัยเข็มพิเศษนำฟิลเลอร์ผ่านช่องว่างสู่ชั้นผิวที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องเปิดแผล อาการบอบช้ำน้อยมาก ไม่กระทบกระเทือนต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณคาง รวมทั้งคุณหมออู๋จะทำการประเมินสภาพปัญหาและลักษณะของผิวหนังเพื่อเลือกชนิดของ Filler ที่มีความยืดหยุ่น หรือความแข็งพอดีกับโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อของผู้รับบริการแต่ละคน ด้วยเทคนิคนี้ผลที่ได้จึงเทียบเคียงการศัลยกรรมเสริมคางด้วยวัสดุ (Implant) แต่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลผ่าตัด จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากต่อผู้รับบริการที่คลินิก อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์คางมีอะไรบ้าง อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปที่พบได้บ่อย ๆ แบ่งได้ดังนี้ อาการข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์คางแบบไหนที่เรียกว่าอันตราย โดยปกติแล้วอาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ จะมีเพียงแค่รอยช้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากมีอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ต้องรีบกลับไปพบแพทย์โดยด่วน วิธีดูแลตัวเองหลังจากมีอาการข้างเคียง วิธีดูแลตัวเองหลังจากมีอาการข้างเคียง สามารถทำได้ดังนี้ แนะนำฉีดฟิลเลอร์คาง ที่ Infiniz Clinic การฉีดฟิลเลอร์คางที่ อินฟินิซ คลินิก โดยเบื้องต้น แพทย์จะทำการประเมินรูปหน้าทั้งหมดและ บริเวณคางก่อนทำการฉีดเสมอ เพื่อกำหนดจุดฉีดและการขึ้นทรงที่เหมาะสม ร่วมกับการเลือดชนิดหรือยี่ห้อและปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผู้รับบริการรายนั้น เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ ใช้เทคนิคแบบศัลยกรรม คือการใช้เข็มพิเศษวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ลึกหรือตื้น อย่างเหมาะสมและปั้นทรงให้สวยงามในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อรับกับรูปทรงของกระดูกและเนื้อเยื่อคาง เดิมของผู้รับบริการนั่นเอง ราคาโปรโมชั่นคาง เริ่มต้นที่ 15,900/CC แบรนด์ Juvederm
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss ผิวกระจกต้องมา
Belotero Revive Filler งานผิวตัวใหม่จาก Swiss เพื่อหน้าฉ่ำวาว งานผิวกระจกต้องมา Belotero Revive Filler ชื่อนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับวงการงานผิวมากเท่าไหร่ แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์งานผิว ที่ได้รับขนานนามว่าเมื่อฉีดไปแล้ว จะทำให้ผิวใสเหมือนกระจก ซึ่งทาง Infiniz จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Belotero Revive Filler ให้ได้อ่านกันว่าฟิลเลอร์ตัวนี้คืออะไร และที่เค้าบอกต่อกันว่าผิวใสดุจกระจก Glass Skin นั้นจริงหรือเปล่า คำตอบที่ทุกคนสงสัยจะถูกคลายได้ด้วยบทความวันนี้ครับ Belotero Revive Filler คืออะไร BELOTERO REVIVE The World 1stSkin Quality HA filler ฟิลเลอร์งานคุณภาพผิว ตัวแรกของโลก เป็นฟิลเลอร์ งานผิวตัวแรกที่มอบประสิทธิภาพอันส่งพลังของสารประกอบหลัก 2 ตัว คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic acid ขนิดพิเศษที่มีความอ่อนนิ่มและกลืนตัวสูงตามแบบฉบับของฟิลเลอร์สวิส อีกทั้งด้วยนวัตกรรมการผลิตซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้ดี ในขนาดโมเลกุลที่บางเบาที่สุด แต่ในขนาดความเข้มข้น 20 mg/mL และ Glycerol ขนาด 17.5 mg/mL ถือว่าเป็นความเข้มข้นสูงสุดในตลาด Filler งานผิวในปัจจุบัน มอบผลลัพธ์ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติทันทีที่ฉีด มีความปลอดภัยสูง ผ่านองค์การอาหารและยาของ 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง USA, EU และ ไทย Belotero Revive Filler ช่วยอะไรบ้าง ทำให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม Belotero Revive Filler ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง และสามารถทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้จริงไหม เราจะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ คุณสมบัติเด่นของ Belotero Revive ทั้ง 3 ประการได้แก่ ทั้งสองส่วนประกอบหลักอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้น คือ Cross-linked Hyaluronic Acid และ Glycerol (2 in 1 Power) จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะต่างๆ หรือผิวที่เกิดจากภาวะคอลลาเจนลดลงจากอายุที่มากขึ้น โดยเหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่นหรือขาดความกระชับ รวมถึงมีปัญหาริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้าด้วยคุณสมบัติเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเต็มขั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ 4 มิติ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว โดยจากประสบการณ์หลังฉีด จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผิวจะมีความแวววาว ดูละเอียด เรียบเนียนมากขึ้น ชัดเจนหลังจากที่ตัว Hyaluronic acid และ Glycerol กลืนตัวกับชั้นผิวได้ 100% และ เข้าทำการเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้อย่างดีที่สุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ผลการรักษาคงอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือน Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่นอย่างไร Belotero Revive ต่างจาก ฟิลเลอร์รุ่นอื่น ตรงที่จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero Revive มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Merz Aesthetics Belotero Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสม เมื่อนำ Belotero Revive มาใช้ก็จะทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (Kertatinized layer of skin) จึงมีความสมบูรณ์ในเรื่องการเพิ่ม Hydration ตั้งแต่ผิวชั้นใน จนถึงผิวชั้นนอกสุด โดยสามารถล็อกความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังแท้ และผิวที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากการอิ่มน้ำ จะทำให้มีความเรียบเนียน ฉ่ำวาว หรือที่หลายคนเรียกว่า “Glass Skin” หรือผิวกระจก นั่นเอง Belotero Revive Filler ต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร Belotero จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและจุดที่เหมาะสมแก่การฉีดที่ไม่เหมือนกัน สำหรับรุ่น Belotero Revive กับรุ่นอื่น ๆ จะมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้ Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตา และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่นอกจากฟิลเลอร์คาง แล้ว ยังมีขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่ และต้องฉีดบ่อยแค่ไหน จากผลการศึกษาของ BELOVE study1 พบว่า BELOTERO REVIVE แสดงผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน และมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ดังนี้ Belotero Revive มีความสามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานได้ยาวนานมากถึง 9 เดือนในการรักษาเพียงแค่ 1 ครั้ง เท่านั้น ด้วยความเข้มข้นของตัวยาที่มี HA concentration สูงร่วมกับ Glycerol อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตามผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองและสภาพปัญหาผิวพรรณของผู้รับบริการ แต่ละท่าน โดยสามารถทำซ้ำได้ที่ 4 เดือน หลังการฉีดครั้งแรกในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น ในรายปกติ อาจจะทำซ้ำที่ 9-12 เพื่อคงผลการรักษาไว้ต่อเนื่อง แนะนำ Belotero Revive Filler ที่ Infiniz Clinic ที่ Infiniz clinic ก่อนทำการฉีดมีการประเมินสภาพปัญหาผิวพรรณ รวมถึงความหนาของชั้นผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ 3D Skinboosters by Belotero Revive เพื่อกำหนดชั้นผิวที่ต้องการฉีดเข้าซ่อมแซมได้อย่างตรงจุด ด้วยเทคนิค Mid-Dermis Injection ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฉีด Belotero Revive เพื่อที่ตัว HA จะเข้าสู่ชั้น Deep Dermis ได้ดี ส่วนตัว Glycerol จะลอยมาอยู่ในชั้นของ Keratin เปรียบเสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนี้ ต้องอาศัยเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ค่อนข้างสูง จึงจะกำหนดความลึกของเข็มได้อย่างแม่นยำในแต่ละจุด เพื่อผลการรักษาที่ชัดเจนกว่า ราคาโปรโมชั่น Belotero Revive เริ่มต้นที่ 20,000 ต่อ CC ติดต่อสอบถามได้ที่ @infinizclinic Reference
ทำความรู้จัก Rejuran ฉีดผิวคืออะไร ดีไหม และสามารถช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
Rejuran นวัตกรรมสารสกัดจาก DNA ของสเปิร์มปลาแซลมอนตัวดัง ด้วยเอกสิทธิ์ความเข้มข้นของโมเลกุล Polynucleotide เข้าไปจัดการซ่อมแซม เซลล์ผิวระดับ DNA แก้ไขให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ขึ้น เรียบเนียน สว่างสดใส ฉ่ำวาว อีกหนึ่งโปรแกรม Anti-Aging ของการรักษาผิวพรรณและยังรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากการเสียสมดุลของโครงสร้างผิวหนังอีกด้วย Rejuran คืออะไร สารสกัดเข้มข้น Polynucleotide ซึ่งสกัดจาก DNA ของ sperm ปลาแซลมอนชนิดที่แข็งแรงที่สุด โดย Polynucleotide นี้ถูกสกัดมาด้วยกรรมวิธีปลอดเชื้อ ในรูปเจลใส ด้วยเทคโนโลยี Skin Rejuvenation Booster หลังจากฉีดเข้าสู่เซลล์ผิว จะมีการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมามีพลังงานที่ดีขึ้น การทำงานระดับเซลล์จึงเป็นปกติ รวมทั้งมีการเหนี่ยวนำให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น เช่นการสังเคราะห์คอลลาเจน ความยืดหยุ่น รวมทั้งการปรับสมดุล ภายในและระหว่างเซลล์ ทั้งชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า โมเลกุล Polynucleotide นี้ เป็นโมเลกุลที่ผ่านการทดสอบว่าเข้ากันกับเซลล์ผิวมนุษย์ ไม่เกิดปฏิกิริยาผิดปกติจากร่างกาย โดยสามารถสลายได้เองตามขบวนการตามธรรมชาติ ไม่เกิดสารตกค้างภายในร่างกาย ผ่านการวิจัยทางคลินิกแล้วว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกาย Rejuran ฉีดผิวแล้วช่วยเรื่องอะไรบ้าง หลังจากการใช้เข็มส่งผ่านตัวยา Rejuran ฉีดผิว นั้น เซลล์ผิวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ ดังนี้ Rejuran เหมาะกับใครบ้าง Rejuran เหมาะกับทุกวัย เนื่องจากคุณสมบัติช่วยในเรื่องการปรับแก้ไขเซลล์ผิวที่เสื่อม หรือ ผิวที่ขาดความสมดุลได้ดี ดังนั้น จึงเหมาะในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณที่หลากหลาย Rejuran ดีไหม? ต้องฉีดบ่อยเท่าไหร่จึงจะเห็นผล การฉีด Rejuran บ่อยเท่าไหร่จึงจะเห็นผล คุณจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยค่อยๆเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด และ จะค่อยๆดีขึ้น จนครบ 1 เดือน สิ่งที่จะสังเกตได้ก่อนคือ ผิวดูใส สว่าง เรียบเนียน มากขึ้น แนะนำทำการฉีดต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ครั้ง ห่างกัน ทุก 1 เดือน เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และหลังจากนั้น สามารถฉีดกระตุ้น เพื่อชะลอวัย ได้ทุก 4-6 เดือน แนะนำฉีด Rejuran ที่ Infiniz Clinic การฉีด Rejuran ที่ Infiniz Clinic ควบคุมการรักษาโดย หมออู๋ และทีมแพทย์ อาศัยการฉีดแบบ Skin Weaving Technique คือการ Incoporate ตัวโมเลกุล Polynucleotide เข้าสู่ชั้นผิวทั้งหมดทุกชั้นผ่านเข็มขนาดเล็กมาก เพื่อเข้าไปซ่อมเซลล์ผิวได้ท้ั้งหมด โดยข้อดีของเทคนิคนี้คือ ไม่บวมแดง ผิวหนังไม่อักเสบหลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ฉีดพร้อมฟิลเลอร์ได้ และจะได้ผลอย่างชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากการแก้ไขปัญหาทั้งผิวชั้นบน (Epidermis) และ ผิวชั้นล่าง (Dermis) ซึ่งตอนนี้ทาง Infiniz Clinic มีราคาโปรโมชั่นการฉีด Rejuran 19,000 บาท / 2 CC เท่านั้น
Ulthera ไม่เจ็บ ด้วยเทคนิคใหม่จาก Infiniz ทำให้เจ็บลดลง 80%
นวัตกรรมการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ศัลยกรรมที่ครองใจผู้รับบริการสูงสุด โดยอาศัยใช้เทคโนโลยี คลื่นเสียงพลังงานความเข้มข้นสูงสุด ส่งผ่านไปถึงชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นลึกระดับเดียวกับที่หมอศัลยกรรมทำการผ่าตัดดึงหน้า อีกทั้งยังกระตุ้นสร้างคอลลาเจนโดยรวมทั้งหมด เพื่อคืนความกระชับและความอ่อนเยาว์ให้กลับมาดูเด็กขึ้น ด้วยจากประสบการณ์การทำ Ulthera มามากกว่า 12 ปี ทำให้คุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ จึงสามารถคิดค้นและออกแบบการทำ Ulthera SPT รุ่นใหม่และลดความเจ็บลงได้สูงสุด 50- 80% ทำให้ขณะทำแทบไม่รู้สึกเจ็บใดๆ แถมยัง Enjoy กับเทคโนโลยีผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมในทุกๆครั้ง การทำงานของเครื่อง Ulthera SPT กับ เครื่อง Ulthera แบบเก่า ต่างกันอย่างไร การทำงานของเครื่อง Ulthera SPT กับ เครื่อง Ulthera แบบเก่า ต่างกันตรงที่โปรแกรม Ulhera SPT Version ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาต่อผู้รับบริการโดยการใช้ Protocol See Plan Treat เข้ามาเพื่อช่วยในการประมวลผลและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล มีความแม่นยำมากขึ้น รวมทั้งคุณหมออู๋ยังนำ Protocol นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการจัดการปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวที่ได้ดีมากขึ้น เนื่องด้วยประสบการณ์ในการทำ Ulthera มามากกว่า 12 ปี ทำให้คุณหมอมีความแม่นยำในการอ่านวิเคราะห์โครงสร้างผิวของผู้รับบริการอย่างละเอียดจากหน้าจอ Visualization ทำให้สามารถมองเห็นถึงปัญหาผิวภายในได้อย่างละเอียด และมองเห็นความอ่อนแอของตำแหน่ง SMAS และ Collagen ที่ต้องการการฟื้นฟูด้วยพลังงานของคลื่นเสียงในระดับที่เหมาะสม และเพียงพอที่จะกระตุ้นให้มีการสร้างใหม่โดยไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว ทำ Ulthera รู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่เจ็บจริงไหม? ทำ Ulthera รู้สึกไม่เจ็บจริงหรือไม่ ต้องบอกว่า พลังงาน MicroFocued Ultrasound ของ Ulthera มีความหนาแน่นค่อนข้างสูง การออกแบบการปล่อยพลังงานจึงมีความสำคัญเพื่อลดอาการเจ็บต่อผู้รับบริการ โดยต้องมีระดับที่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่ทำร้ายผิว ซึ่งเทคนิคการใช้พลังงานในรูปแบบนี้ ถูกคิดค้นขึ้นโดยคุณหมออู๋ นพ.ณัฐพล ลาภเจริญกิจ เรียกว่า “Energy Optimization” การทำ Ulthera SPT ผสานกับรูปแบบของการปล่อยพลังงานที่มีความแม่นยำดังกล่าว มีความเจ็บลดลง 50-80% โดยเฉลี่ย จากการเก็บข้อมูล Pain Score ของผู้รับบริการทั้งหมดประมาณ 2 ปี และผลการรักษาที่ชัดเจนตั้งแต่หลังทำ โดยแทบจะไม่มีอาการบวมระบมหลังทำแต่อย่างไร ค่าเฉลี่ยผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่เริ่มทำ และการดูแลตัวเองรวมถึงรูปแบบ Lifestyle การดูแลผิวพรรณของผู้รับบริการแต่ละบุคคล ทำ Ulthera ต้องใช้เวลาพักฟื้นไหม ทำ Ulthera ต้องใช้เวลาพักฟื้น นั่นอาจจะเป็นรูปแบบเก่า แต่ถ้าลองทำการรักษาด้วย Ulthera SPT ใบหน้าจะมีการยกกระชับทันที 20-30% หลังทำ โดยผู้รับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีรอยแผลรวมทั้งอาการบวมระบมผิวก็ลดลงเมื่อใช้ เครื่อง Ulthera SPT รุ่นใหม่ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้รับบริการที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ศัลยกรรม เนื่องจากไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเรื่องการติดเชื้อ และไม่มีรอยแผลนั่นเอง Ulthera แบบใหม่ เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน Ulthera แบบใหม่ เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน ในส่วนนี้เราจะมาให้คำตอบกัน Ulthera SPT สามารถทำอะไรได้บ้าง Ulthera SPT สามารถทำการรักษาด้วย Ulthera SPT เนื่องจากในเครื่องรุ่นใหม่ จะมี Transducor tip ชนิดพิเศษที่ความลึกระดับ 1.5 mm โดยพลังงาน Ultrasound จะถูกปล่อยออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ชั้นคอลลาเจน ในระดับตื้น นั่นเอง แต่การรักษาใน Level นี้ คงต้องอาศัยเทคนิคที่ถูกวิธีและระดับพลังงานที่เหมาะสม เนื่องจากมีโอกาสการเกิดผลข้างเคียง ค่อนข้างมาก โดยหากทำด้วยเทคนิคที่ถูกวิธี จะทำให้ ผลการรักษาชัดเจน หลังทำเริ่มเห็นผิวที่เรียบเนียนได้ใน 1-2 สัปดาห์ อีกทั้งยังสามารถรักษาความหย่อนคล้อยของ หนังตา คิ้ว คอ หน้าอก ได้ดี โดยการรักษาบริเวณเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการอ่านผล scan หน้าจอ Visualization แบบ Real Time ที่แม่นยำ เนื่องจากเป็นที่ขนาดเล็ก และ ใกล้เคียงกับ เส้นเลือดขนาดใหญ๋ และ เส้นประสาทที่สำคัญ ในผู้รับบริการที่มีปัญหาผิวแพ้อักเสบ เกิดผื่นแพ้ หรือ ภาวะหลังโดนแดดทำให้ผิวสูญเสียน้ำไปค่อนข้างมาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับบริการ Ulthera ไปก่อน โดยจำเป็นต้องรักษาอาการผื่นแพ้อักเสบให้หายดีก่อน ส่วนในรายที่ผิวมีภาวะผิวไม่อิ่มน้ำ การเติมน้ำเข้าสู่ผิวให้เข้าสู่ภาวะสมดุล เช่น การใช้โมเลกุล Skinboosters (Crosslinked Hyaluronic acid for Skin Hydration ) ควบคู่กับการทำ Ultherapy จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำทำ Ulthera ที่ Infiniz Clinic Infiniz Ulthera โปรแกรมการยกกระชับปรับรูปหน้า ด้วย Ulthera SPT รุ่นใหม่ล่าสุด โดยทีมแพทย์ Infiniz Clinic ควบคุมโดย คุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ (Medical direcror of Infiniz clinic) การทำ Ulthera ด้วยเทคนิค Energy Optimization ควบคุมการออกแบบการรักษาและการปล่อยพลังงาน Microfocused Ultrasoud with Visualization แบบที่เหมาะสมกับ SMAS และ Collagen ทุกระดับชั้นผิว จึงทำให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังทำ ความเจ็บที่ลดลง 50-80% จากความเห็นของผู้รับบริการ ตลอด 2 ปี โดยการรักษาด้วยเทคนิคดังกล่าวอยู่ได้ยาวนาน 1-2 ปี การันตีด้วย รางวัล The Best Ultherapy Practice by a Doctor 2019 Awarded by Merz Aesthetics Thailand โดยคุณหมออู๋ได้รับรางวัลอัตราการใช้ งาน Ultherapy Transducer Tips สูงสุดในกลุ่ม Single คลินิกด้วยจำนวนผู้เข้ารับบริการจำนวนมาก ทำให้เป็นคลินิกที่มีการใช้ Ultherapy Transducers ทุกระดับชั้นผิวและทุกแบบแก่ผู้รับบริการเพื่อความพร้อมการดูแลยกกระชับผิวพรรณแบบ ครบวงจร
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยโปรแกรม Magic Lift โดยทีมแพทย์ Infiniz clinic
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม เพื่อให้ได้ผลที่พึงพอใจแบบปลอดภัยแล้ว จำเป็นจะต้องอาศัยฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองและปลอดภัย 100% รวมทั้งการฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญการและประสบการณ์สูง ซึ่งหลังจากฉีดแล้วก็จำเป็นต้องอาศัยการดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสวยงามไม่ผิดรูป รวมถึงเพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้ยาวนานที่สุด โปรแกรม Magic Lift การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขร่องแก้มลึก และกระชับทรงแก้มนั้น เป็นโปรแกรมยอดนิยมลำดับต้น ๆ ในกลุ่ม Infiniz Filler (โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์โดยทีมแพทย์ Infiniz clinic) นอกจากคุณหมอจะพิถีพิถันเรื่องความปลอดภัยขณะฉีดแล้ว ยังมักจะแนะนำข้อมูลปฏิบัติตัวแก่ผู้รับบริการหลังฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มด้วย ผลข้างเคียงพร้อมวิธีการดูแลหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ผลข้างเคียงพร้อมวิธีการดูแลหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หลังการฉีดอาจจะมีอาการระบมจากรอยเข็ม และปื้นแดงจากการทำความสะอาดหรือขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ แต่ไม่เจ็บมากและจะค่อย ๆ ลดลงหลังฉีด 5-10 นาที รอยแดงอาจจะคงอยู่ได้ประมาณ 2-3 วันหลังฉีด และค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ผิวอาจจะแห้งและลอกได้ในกลุ่มผู้รับบริการที่ผิวแพ้ง่าย (sensitive skin) ซึ่งในเคสแบบนี้แนะนำทา moisturizer และเลี่ยงครีมหรือเครื่องสำอางที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หากมีอาการปวดมาก สามารถทานยาแก้ปวด paracetamol ได้ในช่วง 1-2 วันแรก แต่หากอาการปวดมากยังคงอยู่ อยู่แนะนำนัดพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการเบื้องต้น หากมีอาการบวมระบมบริเวณที่ฉีด สามารถใช้ cold pack ที่ไม่เย็นจัดจนเกินไป ประคบเบา ๆ แบบไม่กด เพื่อช่วยบรรเทาอาการระบมจากเข็มได้ในช่วง 1-2 วันแรก หากทำวิธีดังกล่าวแล้วยังมีอาการอยู่มากแนะนำให้นัดพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการ งดการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ งดการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนไปยังบริเวณรอยเข็มและเกิดการติดเชื้อได้ และ การสัมผัสที่แรงเกินไปทำให้ ฟิลเลอร์ที่วางไว้ เสียทรงจากที่ทำหัตถการไว้เรียบร้อยแล้ว งดออกกำลังกายหนัก งดออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 วันแรกโดยเฉพาะท่ามกลางความร้อน เพราะอาจจะยิ่งกระตุ้นให้อาการบวม ระบม เป็นมากขึ้นได้ เลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน เนื่องจากฟิลเลอร์จะสลายได้เร็วขึ้นเมื่อโดนความร้อนและแสงแดด จึงแนะนำการโดนความร้อนและตากแดด โดยไม่จำเป็น เพื่อคงสภาพฟิลเลอร์ไว้ให้นานที่สุด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ จากงานวิจัยพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่จะเกิดการกระตุ้นให้ระบบร่างกายมีทำลาย ฟิลเลอร์ในชั้นผิวเร็วขึ้นกว่าปกติ ทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังฉีดอย่างต่อเนื่อง ทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังฉีดอย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่แพทย์มีสั่งยาหลังจากทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์นั้น แนะนำให้ทานยาเคร่งครัด ตามที่ระบุไว้ เพื่อช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีด หรือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อบางอย่างที่จำเป็น เช่น ในรายที่เคยเป็นเริมบริเวณริมฝีปากมาก่อน แพทย์มักสั่งยาป้องกันการติดเชื้อไวรัสเริม ในกรณีที่มีการฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปากเป็นต้น นอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหน้าอก ควรนอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหน้าอก ในรายที่มีการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่วมกับบริเวณอื่นและมีปริมาณหลาย CC อาจจะมีอาการระบมใต้ชั้นผิวมากกว่าปกติ ในช่วง 2-3 วันแรกจึงแนะนำนอนหัวสูงเพื่อลดอาการระบมใต้ผิวและให้อาการดังกล่าวหายเร็วขึ้น ดื่มน้ำมาก ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เนื่องจาก Hyaluronic acid เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ เป็นการช่วยให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อิ่มฟูได้ดีขึ้น และคงอยู่ได้อย่างยาวนาน ในบางครั้ง บริเวณที่ฉีดอาจจะดูแฟบลงเมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่การดื่มน้ำกลับทำให้ผิวบริเวณนั้นอิ่มฟูกลับมาเป็นปกติก็เป็นได้ งดการทำหัตถการ เลเซอร์ งดการทำหัตถการ เลเซอร์ รวมถึงเครื่องยกกระชับทุกประเภท นวดหน้า ผลักวิตามินเบื้องต้นประมาณ 2 สัปดาห์ หลังทำหัตถการควรหลีกเลี่ยงการเข้า Stream Sauna Hot Yoga ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อลดอาการระบม อักเสบ เพื่อให้ ฟิลเลอร์เซ็ทตัวได้อย่างดีเยี่ยม และ ป้องกันการสลายตัวก่อนเวลาอันควร รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากมีอาการแพ้หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม (ติดตามอาการหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างใกล้ชิดจากคุณหมออู๋ ที่ Infiniz Clinic) Infiniz clinic มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลระหว่างทำหัตถการโดยแพทย์ และ หลังฉีดตลอดจนติดตามอาการดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างมืออาชีพ ดังนีั้น หากมีอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ใด ๆ เช่น บวม เจ็บ ช้ำ มากผิดปกติ หรือ ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีสีแดงหรือม่วงคล้ำผิดปกติ แนะนำให้สอบถามอาการหรีอติดต่อ คลินิกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางคลินิก มีทีมงานคอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ตลอดเวลาค่ะ
สร้างโหงวเฮ้งให้ปังรับโชค ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
การทำหัตถการในบางกรณี ไม่ใช่ทำเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำไปเพื่อการเสริมดวง ปรับโหงวเฮ้ง แก้ไขโชคชะตาให้เกิดความสมดุลของชีวิตมากขึ้นตามความเชื่อของแต่ละบุคคล หัตถการอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ ก็คือฟิลเลอร์ขมับ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการทำฟิลเลอร์บริเวณขมับ ต้องทำอย่างไรถึงจะมีโหงวเฮ้งที่ดี ทำวิธีไหนได้บ้าง ข้อดีของการทำฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าวดียังไง และฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่ โหงวเฮ้งขมับที่ดี ควรมีลักษณะอย่างไร บริเวณขมับในอุดมคติที่ดี ควรมีลักษณะเติมเต็มเรียบเนียนพอดีกับบริเวณหน้าผากและโหนกแก้มในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยสัดส่วนความนูนของบริเวณขมับนั้นมีสัดส่วนที่ต้องคำนวณออกมาอย่างสมดุล ให้สอดคล้องกับขนาดของหน้าผาก รอบดวงตา จมูก และ โหนกแก้ม ทั้งหมดอย่างพอดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของรูปทรงขมับที่ออกมาสวยงามตามอุดมคติที่รับกับรูปหน้าของผู้รับบริการแต่ละบุคคล ลักษณะโหงวเฮ้งของขมับที่ดี มักจะดูควบคู่กับบริเวณหน้าผาก โดยแบ่งลักษณะได้ดังต่อไปนี้ ปรับโหงวเฮ้งขมับสามารถทำวิธีไหนได้บ้าง วิธีที่นิยมคือการเติมเต็มบริเวณขมับตอบให้ดูเต็มขึ้น เรียบเนียน และ รับกับสัดส่วนบริเวณหน้าผาก และ โหนกแก้ม นั่นเอง ข้อดีปรับโหนกแก้มให้เล็กลงด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับ การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับนอกจากจะทำให้ขมับมีความเติมเต็มแล้ว การฉีดด้วยตัวฟิลเลอร์ที่มีความสามารถในการยกกระชับด้วยปริมาณ ฟิลเลอร์จำนวนน้อย ย่อมทำให้ กล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มที่หย่อนคล้อย ถูกยกกระชับเข้าทรงมากขึ้น ทำให้โหนกแก้มดูเล็กลงไปโดยปริยาย ถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมสำหรับสาวโหนกแก้มใหญ่ ที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล อย่างไรก็ตามการหวังผลเรื่องการปรับโหนกแก้มให้เล็กลง ด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับ ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างสรีรศาสตร์ของโหนกแก้มและขมับเป็นอย่างดี รวมทั้ง เข้าใจประสิทธิภาพของตัว ฟิลเลอร์แต่ละชนิดอย่างดีว่าหลังเติมเต็มบริเวณขมับไปแล้วสามารถปรับได้มากน้อยแค่ไหนและเหมาะสมกับผู้รับบริการหรือไม่ ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานเท่าไหร่ อินฟินิซ คลินิก โดยคุณหมออู๋ ณัฐพล ลาภเจริญกิจ มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับมาอย่างยาวนานและรู้ถึงข้อดี ข้อเสีย ของฟิลเลอร์แต่ละชนิด รวมทั้งประสิทธิผลที่ได้หลังฉีดว่าเหมาะกับผู้รับบริการหรือไม่ ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้การฉีดบริเวณขมับ ได้แก่ นอกจากนี้ยังมีการใช้ตัว Collagen Biostimulator (Sculptra) มาใช้บริเวณขมับในเรื่องของการเพิ่มคอลลาเจนและยกกระชับโครงสร้างบริเวณขมับ หางตา คิ้ว อีกด้วย โดยผลการรักษาแนะนำทำ 3 cycle ใน 3-6 เดือน โดยผลคงอยู่ได้ประมาณ 2 ปี วิธีนี้ เหมาะกับผู้รับบริการที่ขมับค่อนข้างเต็ม หรือตอบไม่มาก และต้องการผลเรื่องของการยกกระชับอีกด้วย ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวและการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ของผู้รับบริการแต่ละท่าน**
ฟิลเลอร์ belotero ดียังไง แต่ละสีมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไร
ฟิลเลอร์ belotero ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถแก้ไขได้ทุกริ้วรอยบนใบหน้า สร้างผิวเรียบเนียนสวยฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยฟิลเลอร์เนื้อเนียนจากสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ประเภทเติมเต็มให้ผิวสวยอย่างต่อเนื่องจากยุโรป เติมเต็มได้ทุกสภาพผิว เน้นความเรียบเนียนได้ทุกสัมผัส ไม่เป็นก้อน มีความปลอดภัยสูง และไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ Belotero คืออะไร ฟิลเลอร์ Belotero คือหนึ่งในฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic acid ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความนิยม แพร่หลายในกลุ่มแพทย์ผิวหนังและความงามทั่วโลกนำมาใช้ในการแก้ไขเติมเต็มส่วนบกพร่องกับปรับรูปหน้าเช่นกัน นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics Thailand โดยผ่านการรับรองจาก US FDA, Thai FDA (อย.) CE Mark (Europe) และมีการยอมรับถึงความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน เนื่องจาก Belotero Filler ตัวโมเลกุลของ HA มีการรวมตัวกันขึ้นในรูปแบบของ patented CPM® (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ทำให้ตัวเจลมีความสามารถในการกลืนตัวกับผิว เรียบเนียนไปกับผิวของผู้รับบริการที่หลากหลายได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เกิดก้อนและด้วยขนาดของโมเลกุลที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นของ Belotero ทำให้มีความสามารถในการยึดเกาะในแต่ละตำแหน่ง ความยืดหยุ่น และ ความขึ้นรูป ในแต่ละบริเวณที่ได้รับการฉีดได้อย่างเหมาะสม ฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม บางคนอาจจะสงสัยว่า ฟิลเลอร์ Belotero ดีไหม ต้องบอกก่อนว่าเป็นฟิลเลอร์เนื้อเนียนจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่โดดเด่นในเรื่องความเรียบเนียนและกลืนตัวกับผิวค่อนข้างมาก จึงเหมาะกับผู้รับบริการที่กลัวการเกิดก้อนหลังฉีด หรือผู้มีสภาพผิวบางและต้องการ การเติมเต็มหรือปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนถึงผิวสัมผัส หลังฉีดจะได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ โดยแนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดของ ฟิลเลอร์สวิตที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการรักษาสำหรับแต่ละบุคคล โดยสามารถแก้ปัญหาได้ดังต่อไปนี้ Belotero อยู่ได้นานไหม สำหรับ Belotero อยู่ได้นานหรือเปล่า ต้องบอกว่า ตัวเจล HA Belotero Filler ผ่านขบวนการผลิตด้วย กระบวนการ Dynamic Cross-Linking Technology (DCLT) โดยการมีการยึดเกาะกันของตัวเจลที่หนาแน่นมากขึ้น เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ฟิลเลอร์คงสภาพในผิวหนังได้ยาวนานขึ้นกว่าปกติ โดยเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และสภาพผิวหนังและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผิวของผู้รับบริการหลังทำ จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero แต่ละสี จุดเด่นของฟิลเลอร์ Belotero จะมีความแตกต่างกันไป เนื่องจากแต่ละสี จุดที่สามารถรักษาได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในส่วนนี้ เราจะพาคุณไปดูว่าแต่ละสีมีจุดเด่นด้านไหนกันบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด และไม่ตกเป็นเหยื่อของการทำหัตถการจากคลินิกอื่น ๆ ทั้งนี้แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะพิจารณาชนิดของฟิลเลอร์ Belotero แก่ผู้รับบริการอีกครัง Belotero Soft รุ่นกล่องสีเหลือง มีคุณสมบัติเรียบเนียนกลืนไปกับผิว มีขนาดโมเลกุลที่บางเบามาก จึงนิยมใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ และลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา หรือรอบดวงตา ฉีดรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวเรียบเนียน เพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งรักษาหลุมสิวตื้น ๆ ให้เต็มขึ้นได้อีกด้วย Belotero Balance รุ่นกล่องสีส้ม มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอยได้ดี และด้วยขนาดโมเลกุล HA ที่ไม่แข็งเกินไปและไม่นิ่มเกินไป ทำให้นิยมใช้สำหรับการแก้ไข ร่องใต้ตา เพื่อเพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน และไม่เกิดก้อนหลังฉีด แก้ไขร่องแก้มลึก และยังสามารถใช้เป็นฟิลเลอร์ปาก รักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากให้เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เติมเต็มร่องลึกบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย Belotero Intense รุ่นกล่องสีชมพู มีคุณสมบัติในเรื่องความขึ้นทรงและยืดหยุ่นทนต่อแรงกดสูงมาก นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่้ต้องการ Projection (ขึ้นทรง) พร้อมกับการเพิ่ม Volume (ปริมาตร) ไปพร้อมกัน ตัวเจลมีความแข็งแรงสูงสุด อยู่ได้อย่างยาวนาน นิยมนำมาใช้ เติมเต็มบริเวณ ขมับ ปรับทรงแก้ม พร้อมเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม รวมถึงนำมาใช้ในการกระชับใบหน้าตามจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกกระชับรูปหน้า และการแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์และปรับรูปหน้าอย่างละมุน Belotero Volume รุ่นกล่องสีม่วง เจลมีขนาดโมเลกุลใหญ่ มีความทรงตัวสูง แต่ไม่ขึ้นรูป จึงนิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่ของฟิลเลอร์ เช่น คาง ขมับ ร่องแก้มลึก แก้มตอบ หน้าแก้มลึก เพื่อปรับสมดุลและสร้างมิติให้ใบหน้า Belotero Revive รุ่นกล่องสีเขียว ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่เพิ่มส่วนผสมของ HA+Glycerol (Duo Action) นิยมใช้การฉีดเพื่อเพิ่มคุณภาพผิวให้เรียบเนียน แข็งแรง และเน้นการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อิ่มน้ำ เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ นับเป็น 1st HA Filler for Skin Quality improvement ฟิลเลอร์ Belotero แบบไหนเหมาะกับคุณ สำหรับคนที่ต้องการใช้ฟิลเลอร์ Belotero เพื่อต้องการลดเลือนริ้วรอย สิ่งหนึ่งที่คุณต้องคำนึงถึงก็ คือ ต้องการแก้ปัญหาที่ส่วนใด เพราะแต่ละสีจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ต้องเลือกสีให้ตรงกับความต้องการ เช่น ถ้าอยากได้ช่วยเรื่องรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก และรอบปากให้มีความเรียบเนียน ต้องใช้ฟิลเลอร์ปาก Belotero Balance เพื่อเพิ่ม volume ในผู้มีปากบาง แต่อาจจะใช้ Belotero Intense ในสาวที่อยากมีริมฝีปากขนาดใหญ่มากขึ้นและขอบปากเด้งแบบ สาย ฝ นั่นเอง ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อผลลัพธ์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการรับหัตถการแต่ละครั้ง
เช็คอาการแพ้ฟิลเลอร์ ดูได้จากอะไร พร้อมแนวทางแก้ไข
Filler ที่ใช้กันในปัจจุบัน เริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มแพทย์ความงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid ยังคงเป็นกลุ่มฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด แม้ว่าฟิลเลอร์ตัวนี้ มีโอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก แต่ในบางเคสก็หลีกเลี่ยงปัญหานี้ไม่ได้ ซึ่งในวันนี้หมอจะมาพูดถึงเกี่ยวกับผลข้างเคียง และอาการแพ้จากฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic acid รวมถึงแนวทางการรักษาเบื้องต้น พร้อมแนวทางแก้ไขของปัญหาดังกล่าว สำหรับบทความนี้กันครับ อาการแพ้ฟิลเลอร์มีลักษณะอย่างไร อาการแพ้ Hyaluronic acid เกิดขึ้นได้ยากมาก และจากประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ส่วนตัวยังไม่พบอาการแพ้จาก HA Filler แต่อย่างใด ส่วนมากจะเป็นแค่อาการข้างเคียงจากการฉีด เนื่องจากต้องใช้เข็ม ได้แก่ อาการบวม อาการระบม รอยช้ำ รอยแดง หรืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีด เช่นการฉีดฟิลเลอร์คาง ก็อาจจะระบมที่คางเป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นใน 3-7 วัน แล้วแต่สภาพผิวเดิมของผู้รับบริการ โดยอาการดังกล่าวจะดีขึ้น หากได้รับการแนะนำจากทีมแพทย์ที่ถูกต้องและเหมาะสม สำหรับอาการแพ้จากตัว Hyaluronic acidacid จริงๆ สามารถสรุปได้เป็น 2 แบบคือ 1. Acute phase reaction to hyaluronic acidมักพบในผู้มีประวัติแพ้ Hyaluronic acid อยู่แล้ว หรือ ส่วนประกอบอื่นที่เติมเข้ามาในขบวนการผลิต เช่น ยาชา หรือ สารที่ช่วยให้ฟิลเลอร์เกาะตัวกัน (Cross-linkage) ดังนั้นการเลือกชนิดหรือยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน แพร่หลายและมีรายงานการแพ้ที่น้อยมาก ย่อมลดโอกาสการแพ้ HA Filler ได้นั่นเอง โดยอาการในแบบแรกนี้ มักมีอาการเกิดขึ้นทันทีขณะฉีด หรือหลังฉีดไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง เช่น อาการบวมแดงเป็นก้อน บริเวณที่ฉีด และบางรายอาจจะมีอาการลมพิษเฉียบพลันเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า และตามตัว รวมทั้งอาการตาบวม ปากบวม ร่วมด้วย อาการแพ้ในรูปแบบนี้พบได้น้อยกว่า 1% ในประชากรโลก 2. Delayed phase Reaction to Hyaluronic acidอาการแพ้แบบเกิดขึ้นภายหลังนี้ ส่วนมาก แยกออกเป็น 2 กรณีคือ ฟิลเลอร์อักเสบเกิดจากอะไรได้บ้าง แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การรักษาเบื้องต้นหากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ การรักษาเบื้องต้นหากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ Hyaluronic acid เพื่อการรักษาที่มีความเฉพาะเจาะจงและทันท่วงที เพื่อลดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นต่อผิวหนังบริเวณที่ทำการฉีด อาการแพ้ Hyaluronic acid แบบทันที มักมีอาการรุนแรง แพทย์มักจะต้องให้ยาลดอาการอักเสบทางเส้นเลือดและยารับประทาน ควบคู่กับ การฉีดยาสลาย Hyaluronic acid ทันที พร้อมทั้งสังเกตอาการเป็นระยะ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หากแพทย์ตรวจพบว่า เป็นอาการแพ้ Hyaluronic acid ที่เกิดภายหลังอาจจะต้องมีการตรวจ Test เพื่อ confirm และในระหว่างนั้น อาจจะมีการรักษาปฏิกิริยาจากการแพ้ควบคู่กันไป เช่น การฉีดสลาย Hyaluronic acid ร่วมกับยารับประทานเพื่อลดการอักเสบต่อไป สำหรับในกรณีการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ก็ต้องมีการฉีดสลาย Hyaluronic acid ควบคู่กับการให้ยาฆ่าเชื้อ โดยแพทย์จะต้องพิจารณาเป็นรายเคสไป ตามความเหมาะสม ร่วมกับการรักษาสภาพผิวหนังให้กลับคืนสภาพโดยเร็ว ไม่อยากเสี่ยงแพ้ฟิลเลอร์ต้องทำอย่างไร สำหรับผู้รับบริการที่ต้องการเข้ารับการฉีด HA Filler หมอมีข้อแนะนำให้เตรียมตัวดังนี้ครับ